นายสิทธิชัย ท้วยสกนธ์ ผู้อำนวยการเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ครบกำหนด 60 วัน ที่ศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้อำนวยการเขตปทุมวันปฏิบัติตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ให้ออกคำสั่งรื้อถอนอาคารโรงแรมดิเอทัส ซอยร่วมฤดี ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินคดีจากที่มีประชาชนผู้อาศัยในซอยร่วมฤดีได้ยื่นฟ้องต่อกทม.และสำนักงานเขตฯว่า มีการอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารสูงใหญ่เกินกว่ากฎหมายกำหนด และซอยกว้างไม่ถึง 10 เมตร
ทั้งนี้สำนักงานเขตปทุมวันได้ตรวจสอบผู้ครอบครองถือกรรมสิทธิ์อาคารทั้ง 2 แห่ง และได้ดำเนินการออกคำสั่งไปยังบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารดิเอทัส ทั้ง 2 อาคาร ซึ่งเป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมความสูง 24 ชั้น และ 18 ชั้นโดยออกคำสั่งเจ้าพนักงาน 3 คำสั่ง คือ
1.ให้เจ้าของอาคารระงับการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร
2.ให้เจ้าของอาคารแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้อง ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522
ภายใน 30 วัน และ
3.ห้ามไม่ให้บุคคลใดๆเข้าใช้อาคารดังกล่าวอย่างเด็ดขาด ซึ่งตามกฎหมายหากเจ้าของอาคารฝ่าฝืนคำสั่ง จะมีโทษคือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 100,000 บาท โดยหากยังมีการฝ่าฝืนคำสั่งมีการเข้าใช้อาคารอยู่ จะมีการปรับเงินรายวัน วันละ 30,000 บาทด้วย โดยทางเขตฯได้ให้เจ้าหน้าที่นำคำสั่งไปปิดไว้ที่อาคารทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามกรณีที่สำนักงานเขตปทุมวันได้ออกคำสั่งแจ้งไปยังเจ้าของอาคารให้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และกำหนดให้เร่งแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องใน 30 วัน แต่หากเจ้าของอาคารไม่ดำเนินการตามคำสั่ง ทางสำนักเขตปทุมวันก็จะออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารตามกฎหมายต่อไป แต่ทั้งนี้เจ้าของอาคารก็มีสิทธิตามกฎหมายในการยื่นอุทธรณ์ให้แก่คณะกรรมการพิจารณาอุทรณ์ตามมาตรา 52 ของพ.ร.บ.ควบคุมอาคารได้ ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ในส่วนของกรมโยธาธิการและผังเมือง
ในชั้นนี้เขตฯได้ยืนยันการปฎิบัติตามขั้นตอนที่ศาลฯได้สั่งการแล้ว หลังจากนี้จะติดตามว่าเจ้าของอาคารได้ดำเนินการตามที่มีการออกคำสั่งหรือไม่ หากไม่ดำเนินการก็จะเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อประกอบการดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้สำนักงานเขตปทุมวันได้ตรวจสอบผู้ครอบครองถือกรรมสิทธิ์อาคารทั้ง 2 แห่ง และได้ดำเนินการออกคำสั่งไปยังบริษัท ลาภประทาน จำกัด และบริษัท ทับทิมทร จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของอาคารดิเอทัส ทั้ง 2 อาคาร ซึ่งเป็นโรงแรมและคอนโดมิเนียมความสูง 24 ชั้น และ 18 ชั้นโดยออกคำสั่งเจ้าพนักงาน 3 คำสั่ง คือ
1.ให้เจ้าของอาคารระงับการก่อสร้างดัดแปลงอาคาร
2.ให้เจ้าของอาคารแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้อง ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคารพ.ศ.2522
ภายใน 30 วัน และ
3.ห้ามไม่ให้บุคคลใดๆเข้าใช้อาคารดังกล่าวอย่างเด็ดขาด ซึ่งตามกฎหมายหากเจ้าของอาคารฝ่าฝืนคำสั่ง จะมีโทษคือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และปรับไม่เกิน 100,000 บาท โดยหากยังมีการฝ่าฝืนคำสั่งมีการเข้าใช้อาคารอยู่ จะมีการปรับเงินรายวัน วันละ 30,000 บาทด้วย โดยทางเขตฯได้ให้เจ้าหน้าที่นำคำสั่งไปปิดไว้ที่อาคารทั้ง 2 แห่ง ดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามกรณีที่สำนักงานเขตปทุมวันได้ออกคำสั่งแจ้งไปยังเจ้าของอาคารให้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว และกำหนดให้เร่งแก้ไขปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องใน 30 วัน แต่หากเจ้าของอาคารไม่ดำเนินการตามคำสั่ง ทางสำนักเขตปทุมวันก็จะออกคำสั่งให้เจ้าของอาคารรื้อถอนอาคารตามกฎหมายต่อไป แต่ทั้งนี้เจ้าของอาคารก็มีสิทธิตามกฎหมายในการยื่นอุทธรณ์ให้แก่คณะกรรมการพิจารณาอุทรณ์ตามมาตรา 52 ของพ.ร.บ.ควบคุมอาคารได้ ซึ่งคณะกรรมการอุทธรณ์ดังกล่าวเป็นกรรมการที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย ในส่วนของกรมโยธาธิการและผังเมือง
ในชั้นนี้เขตฯได้ยืนยันการปฎิบัติตามขั้นตอนที่ศาลฯได้สั่งการแล้ว หลังจากนี้จะติดตามว่าเจ้าของอาคารได้ดำเนินการตามที่มีการออกคำสั่งหรือไม่ หากไม่ดำเนินการก็จะเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อประกอบการดำเนินคดีต่อไป
