xs
xsm
sm
md
lg

ผู้ซื้อวอร์เตอร์ฟรอนด์จ้างทนายเสนอชื่อทำแผนฟื้นฟูต่อศาลล้มละลายกลาง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - “วอร์เตอร์ฟรอนด์พัทยา” ไปต่อ หรือล้มละลาย ผู้ซื้อตั้งโต๊ะแถลงวอนผู้เสียหายร่วมเสนอชื่อทำแผนฟื้นฟูกิจการ หลังโครงการยื่นคำร้องขอต่อศาลล้มละลายกลาง หวั่นผลกระทบสูญเสียประโยชน์หากโครงการไปไม่รอด และพิพากษาให้ล้มละลาย

จากกรณีที่ บ.บาลีฮาย จำกัด เจ้าของโครงการ “วอร์เตอร์ฟรอนด์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์” ที่ถูกเมืองพัทยาออกคำสั่งระงับการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากมีปัญหาหลายประเด็นด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อม และผังเมืองมาตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน 2557 หรือกินเวลานานกว่า 2 ปี 6 เดือน และยังไม่มีทีท่าว่าจะดำเนินการต่อเมื่อใด

กระทั่งล่าสุด ทางโครงการได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอฟื้นฟูกิจการด้วยภาระหนี้กว่า 2.39 พันล้านบาท ไปเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2560 ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้ออกประกาศ พร้อมแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียรับทราบ หรือจะคัดค้านการฟื้นฟูกิจการโดยให้ยื่นคำคัดค้านต่อศาลก่อนกำหนดวันนัดไต่สวน 3 วัน โดยจะมีการนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 24 เมษายน 2560 นั้น

มีรายงานว่า วันนี้ ที่อาคาร บ.แม็กนา คาร์ตาร์ จำกัด กลุ่มผู้เช่าซื้อ (เจ้าหนี้) โครงการ “วอร์เตอร์ฟรอนด์ สวีท แอนด์ เรสซิเดนท์” พร้อมทั้งทนายความร่วมเปิดแถลงข่าวต่อกรณีดังกล่าว โดยมีสื่อมวลชนจากแขนงต่างๆ เข้าร่วมอย่างคับคั่ง

นายเฉลิมวัฒน์ วิมุกตายน ทนายความของกลุ่มผู้ซื้อคอนโด ระบุว่า สำหรับโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่บนเนื้อที่กว่า 2 ไร่ 1 งาน 83 ตารางวา ความสูง 53 ชั้น จากห้องพักจำนวน 312 ห้อง ซึ่งอยู่ในภูมิทัศน์ที่สวยงาม ทำให้มีลูกค้าซึ่งมีทั้งในส่วนของชาวไทย และต่างประเทศเช่าซื้อไปแล้วกว่า 250 ยูนิต สนนราคาตั้งแต่ 4-10 กว่าล้านบาท กระทั่งโครงการได้รับใบอนุญาตก่อสร้างในปี 2551 และมีสัญญากับผู้ซื้อว่าจะทำการก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงเดือนธันวาคม 2558

แต่ปรากฏว่า ขณะกำลังดำเนินโครงการอยู่นั้นก็ถูกเมืองพัทยาออกคำสั่งระงับการก่อสร้าง เนื่องจากพบความผิดหลายด้าน ซึ่งกรณีดังกล่าวผู้ซื้อก็ติดตามเฝ้าดูมาตลอด แต่พบว่าทางโครงการไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวต่อการก่อสร้างได้ และโครงการยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ กระทั่งเลยกำหนดระยะเวลาของการส่งมอบห้องชุดตามสัญญา จึงมีความวิตกกังวล และพยายามติดต่อประสานงานอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีความชัดเจนใดๆ

กระทั่งล่าสุด พบว่าทางโครงการได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางด้วยภาระหนี้ สินเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ หากศาลรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการแล้ว ผู้ซื้อห้องชุดในโครงการก็คงไม่สามารถฟ้องร้องเรียกรับสิทธิประโยชน์ และความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้ เนื่องจากศาลสามารถงดการพิจารณาคดีต่างๆ ไว้ได้ (Autometic Stay)

ด้วยเหตุนี้ ผู้ซื้อจึงจำเป็นต้องยื่นคำขอแสดงสถานะเจ้าหนี้ และคำขอรับชำระหนี้ต่อศาลล้มละลายกลาง เพื่อที่ผู้ซื้อจะได้รับสิทธิในการออกเสียงลงมติอนุมติกิจการต่างๆ ในคดี รวมถึงแผนฟื้นฟูกิจการ อีกทั้งเพื่อรักษาสิทธิตามกฎหมายเพื่อรับชำระหนี้จากลูกหนี้ตามแผนด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับชำระหนี้เงิน หรือกรรมสิทธิ์ห้องชุด

นายเฉลิมวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการยื่นคำร้องขอดังกล่าวนั้นตามข้อกฎหมายแล้วจะต้องมีเจ้าหนี้ หรือผู้ซื้อในสัดส่วน 60% หรือ 2 ใน 3 ของห้องชุด ซึ่งปัจจุบันมีผู้เช่าซื้อรวมตัวกันเพื่อยื่นคอร้องขอแล้วกว่า 40% จึงอยากให้ผู้ซื้อทั้งหมดในฐานะเจ้าหนี้ในคดีต้องร่วมกันออกเสียง เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการอนุมัติ และเสนอข้อแก้ไขต่างๆ ในแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้ปัญหาของโครงการผ่านพ้นไปได้ เพราะหากการฟื้นฟูกิจการไม่ประสบความสำเร็จตามแผน และมีการฟ้องให้โครงการล้มละลาย ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผู้ซื้อได้ เนื่องจากคงจะต้องมีการยึดทรัพย์ และขายทอดตลาดซึ่งก็ไม่ทราบได้ว่าจะได้รับการชดเชยเหมือนทรัพย์ที่สูญเสียไปหรือไม่

ต่อกรณีของโครงการที่ว่าหากศาลเห็นชอบให้ฟื้นฟูกิจการ แต่สุดท้ายศาลฎีกาพิพากษาว่าเอกสารสิทธิที่ดินของโครงการ และแปลงใกล้เคียงเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และมีคำสั่งให้เพิกถอน ซึ่งก็จะทำให้ผู้ซื้อเกิดผลกระทบเช่นกันนั้น กรณีดังกล่าวคงเป็นเรื่องของอนาคตและคงต้องเคารพการตัดสินของศาล

ซึ่งถึงเวลานั้นก็คงจะมาหารือถึงแนวทางแก้ไขต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คงต้องรีบเร่งรัดรวบรวมผู้ที่ได้รับผลกระทบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ก่อนจะประสานไปทางโครงการเพื่อเจรจา รวมทั้งหน่วยงานราชการเกี่ยวกับปัญหาของโครงการเพื่อกำหนดแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนเป็นการเร่งด่วน

ด้าน Mr.CARLO TRESCH ผู้เช่าซื้อโครงการวอเตอร์ฟรอนท์ เปิดเผยว่า ได้ซื้อห้องชุดของโครงการไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2555 จำนวน 2 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 12.5 ล้านบาท โดยหลังคอนโดประสบปัญหาเรื่องของการก่อสร้างก็มีเจ้าหนาที่โครงการแจ้งข่าวสารให้ทราบมาโดยตลอด ทั้งที่ข้อมูลบ้างส่วนก็ไม่เป็นความจริงอย่างที่ได้รับรู้มา

ทั้งนี้ หลังจากนี้ไปในส่วนตัวก็จะดำเนินการเข้าไปร่วมยื่นคำร้องเข้าไปมีส่วนร่วมในแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อที่จะได้มีสิทธิในการออกเสียงต่างๆ และหวังว่าจะได้รับผลรับที่น่าพอใจ เนื่องจากไม่อยากสูญเสียเงินที่จ่ายไปแล้ว หากต้องสูญเสียเงินดังกล่าวไปแล้วจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตตัวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น