ASTVผู้จัดการรายวัน - ปชช.เดินทางสมัคร ม.40 ต่อเนื่อง เหตุเข้าใจผิดว่าสามารถสมัครได้ทัน ขณะที่ สปส.เผยแก้กฎหมายแล้วเตรียมเสนอ รมว.แรงงาน ส่งต่อ คกก. กฤษฎีกาและ สนช. พิจารณา คาดเริ่มรับสมัครได้ในเดือน ก.พ.หรือ มี.ค.58 โดยคงหลักการและเพิ่มขยายเวลารับสมัคร 10 วัน ขณะที่วันเดียวกัน อกพ.รง. มีมติเชือด 2 ขรก.”ให้ออก-ไล่ออก” ฐานทุจริต-ก่อความเสียหายกองทุนประกันสังคม
วานนี้ (11 ธ.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน (รง.) นายโกวิท สัจจวิเศษ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) รง. เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ไขพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2554 (มาตรา40) เพื่อขยายระยะเวลาการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มอีก 10 วันให้กับประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปีที่ตกค้างไม่สามารถสมัครได้ทันตามเวลาที่กำหนด ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ สปส.ได้จัดทำร่างแก้ไข พ.ร.ฎ.ดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายฉบับเดิมแต่กำหนดระยะเวลาการรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมอีก 10 วันและจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้เดือนพฤษภาคม 2555เช่นเดิม คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะสามารถเสนอต่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่างไรก็ตาม ร่างดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาและตรวจสอบเนื้อหาต่อไป เพราะฉะนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม 2558ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น สปส.ก็จะประกาศเปิดรับสมัครต่อไป
“เมื่อปรากฎข่าวว่านายกฯ ให้ สปส.ขยายเวลารับสมัคร มาตรา 40 ให้กับผู้สูงอายุที่ตกค้างอีกจำนวนมาก ทำให้เวลานี้เกิดความเข้าใจผิดว่าสามารถขยายเวลารับสมัครได้ทันที โดยวันนี้มีประชาชนบางส่วนเดินทางไปยังสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อขอสมัครแต่ทางประกันสังคมไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำความเข้าใจแก่ประชาชนที่เดินทางมาว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งทันทีที่เรียบร้อย สปส.จะประชาสัมพันธ์เพื่อให้เดินทางมาสมัครต่อไป” นายโกวิท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 3ตลอดทั้งมีประชาชนเดินทางเพื่อมาสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ระบุว่าทราบข่าวว่า นายกฯ มีคำสั่งให้ สปส.ขยายเวลารับสมัครออกไปอีกเป็นระยะเวลา 10 วัน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน จึงเดินทางมาสมัครเพราะเข้าใจว่าสามารถสมัครได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวปฏิบัติที่ดำเนินการอยู่ ให้กับประชาชนที่มาติดต่อได้เข้าใจก่อนจะเดินทางกลับไป
ในวันเดียวกัน นายนคร ศิลปอาชา ปลัด รง.เปิดเผยว่า ในการประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงแรงงาน (อกพ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหนังสือที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อทบทวนคำสั่งลงโทษ นายบุญมี พันธงชัย จัดหางานจังหวัดนครปฐม อดีตจัดหางานจังหวัดตาก ในความผิดฐานทุจริตงบประมาณการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวพื้นที่จังหวัดตาก โดยป.ป.ช.เห็นควรให้ลงโทษวินัยร้ายแรง คือ ให้ออกจากราชการ ซึ่งกระทรวงแรงงานก็ต้องปฏิบัติตามที่ ป.ป.ช.มีหนังสือมา อย่างไรก็ตามจะต้องดูเรื่องของความเป็นธรรม เนื่องจากนายบุญมีได้ร้องขอความเป็นธรรมมาด้วย
นายนคร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติไล่ออก อดีตรองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว 5 - 6 ปี ในความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท กรณีนำเงินกองทุนประกันสังคมไปลงทุน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) ได้ทักท้วงมา เนื่องจากการพิจารณาความผิดเดิม กระทรวงลงโทษเพียงตักเตือนและภาคทัณฑ์ ทั้งนี้ การพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้พิจารณาอย่างเป็นธรรม เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เน้นในเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้
วานนี้ (11 ธ.ค.) ที่กระทรวงแรงงาน (รง.) นายโกวิท สัจจวิเศษ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม (สปส.) รง. เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ไขพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายเงินสมทบประเภทของประโยชน์ทดแทน ตลอดจนหลักเกณฑ์และเงื่อนไขแห่งสิทธิในการรับประโยชน์ทดแทนของบุคคลซึ่งสมัครเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2554 (มาตรา40) เพื่อขยายระยะเวลาการเปิดรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มอีก 10 วันให้กับประชาชนที่มีอายุเกิน 60 ปีที่ตกค้างไม่สามารถสมัครได้ทันตามเวลาที่กำหนด ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ สปส.ได้จัดทำร่างแก้ไข พ.ร.ฎ.ดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยเนื้อหาส่วนใหญ่คล้ายฉบับเดิมแต่กำหนดระยะเวลาการรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 เพิ่มเติมอีก 10 วันและจ่ายเงินสมทบย้อนหลังได้เดือนพฤษภาคม 2555เช่นเดิม คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะสามารถเสนอต่อ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่างไรก็ตาม ร่างดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาของ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อพิจารณาและตรวจสอบเนื้อหาต่อไป เพราะฉะนั้น คาดว่าจะแล้วเสร็จและมีผลบังคับใช้ได้ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์หรือต้นเดือนมีนาคม 2558ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น สปส.ก็จะประกาศเปิดรับสมัครต่อไป
“เมื่อปรากฎข่าวว่านายกฯ ให้ สปส.ขยายเวลารับสมัคร มาตรา 40 ให้กับผู้สูงอายุที่ตกค้างอีกจำนวนมาก ทำให้เวลานี้เกิดความเข้าใจผิดว่าสามารถขยายเวลารับสมัครได้ทันที โดยวันนี้มีประชาชนบางส่วนเดินทางไปยังสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อขอสมัครแต่ทางประกันสังคมไม่สามารถดำเนินการให้ได้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ได้ทำความเข้าใจแก่ประชาชนที่เดินทางมาว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งทันทีที่เรียบร้อย สปส.จะประชาสัมพันธ์เพื่อให้เดินทางมาสมัครต่อไป” นายโกวิท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่สำนักงานประกันสังคมเขตพื้นที่ 3ตลอดทั้งมีประชาชนเดินทางเพื่อมาสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ระบุว่าทราบข่าวว่า นายกฯ มีคำสั่งให้ สปส.ขยายเวลารับสมัครออกไปอีกเป็นระยะเวลา 10 วัน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน จึงเดินทางมาสมัครเพราะเข้าใจว่าสามารถสมัครได้ทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแนวปฏิบัติที่ดำเนินการอยู่ ให้กับประชาชนที่มาติดต่อได้เข้าใจก่อนจะเดินทางกลับไป
ในวันเดียวกัน นายนคร ศิลปอาชา ปลัด รง.เปิดเผยว่า ในการประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงแรงงาน (อกพ.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหนังสือที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)เพื่อทบทวนคำสั่งลงโทษ นายบุญมี พันธงชัย จัดหางานจังหวัดนครปฐม อดีตจัดหางานจังหวัดตาก ในความผิดฐานทุจริตงบประมาณการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวพื้นที่จังหวัดตาก โดยป.ป.ช.เห็นควรให้ลงโทษวินัยร้ายแรง คือ ให้ออกจากราชการ ซึ่งกระทรวงแรงงานก็ต้องปฏิบัติตามที่ ป.ป.ช.มีหนังสือมา อย่างไรก็ตามจะต้องดูเรื่องของความเป็นธรรม เนื่องจากนายบุญมีได้ร้องขอความเป็นธรรมมาด้วย
นายนคร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังมีมติไล่ออก อดีตรองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ซึ่งเกษียณอายุราชการไปแล้ว 5 - 6 ปี ในความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท กรณีนำเงินกองทุนประกันสังคมไปลงทุน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากสำนักงานข้าราชการพลเรือน (กพ.) ได้ทักท้วงมา เนื่องจากการพิจารณาความผิดเดิม กระทรวงลงโทษเพียงตักเตือนและภาคทัณฑ์ ทั้งนี้ การพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้พิจารณาอย่างเป็นธรรม เนื่องจากนโยบายของรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)เน้นในเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้