สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง และผู้แทนจากหลายหน่วยงาน ทั้งภาครัฐ และเอกชน ได้เดินทางไป จ.นครราชสีมา เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว ได้พบปะกับพี่น้องประชาชนชาวนครราชสีมา ตัวแทนกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด และสินค้าโอทอป ณ สหกรณ์การเกษตรพิมาย จำกัด อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชน และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ได้ให้การต้อนรับผมและคณะอย่างอบอุ่น และเป็นกันเอง
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะติดตามความคืบหน้า และประเมินผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ รวมทั้งรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกษตร หรือปัญหาปากท้องทั่วไป ทำให้รัฐบาลจะได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ มากมาย โดยข้อมูลทั้งหมดนั้น รัฐบาลจะนำมาพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ในการปรับปรุงมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในโอกาสต่อไป
สำหรับการวางรากฐานให้กับประเทศของเรานั้น จำเป็นต้องมีการพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นคงและยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาคประชาชนนั้นจะมีความเข้มแข็งก็ต้องได้รับการดูแล และสนับสนุนจากภาครัฐ และเอกชน การดำเนินการต่างๆ นั้น รัฐบาลได้มอบหมายไปแล้ว ล้วนมุ่งไปเป้าหมายไปสู่วิสัยทัศน์ที่รัฐบาลได้กำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น คือการที่จะทำให้ประเทศไทย และพี่น้องชาวไทยทุกคนมีความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ในเรื่องของการลงทุนในการวิจัย และพัฒนามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขัน แม้ว่าปัจจุบันจะมีหลายหน่วยงานที่เป็นแหล่งศึกษา วิจัย และพัฒนา เช่น สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย รวมถึงองค์กรวิจัยอิสระ เช่น สถาบันวิจัยเพื่อให้การพัฒนาประเทศไทย หรือสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร แต่วันนี้เราต้องการให้มีการบูรณาการร่วมกัน ทั้งในส่วนของแผนงาน ส่วนของวัตถุประสงค์ที่ร่วมกัน และนำไปสู่นำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยมีการบริหารในเรื่องของกองทุนต่างๆ นั้นให้เหมาะสม ทั้งของภาครัฐ และของภาคเอกชน
วันนี้เรายังขาดการลงทุน และการพัฒนาในด้านนี้อีกหลายด้าน ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าและบริการ ดังนั้น ภาครัฐจะเร่งผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาวิจัยร่วมกับภาคเอกชน ที่จะร่วมมือกันในการสร้างนวัตกรรมที่เราต้องการ เพื่อจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าต่างๆให้สามารถทำการแข่งขันได้ในตลาดในอนาคต ส่งเสริมต่อยอดในการสร้างกลุ่มคลัสเตอร์ ผูกห่วงโซ่เพิ่มการลงทุนในประเทศ ในธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ให้ได้นะครับ ปัจจุบันรัฐบาลนี้ มีมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมเพิ่มจาก 200 เปอร์เซ็นต์ เป็น 300 เปอร์เซ็นต์ เพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมลดต้นทุน สร้างผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ
สำหรับการส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานั้นเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลก็ได้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยของประเทศโดยรวมให้ได้ 1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และเพิ่มสัดส่วนการวิจัยและพัฒนาของเอกชนเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ต่อ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้นะครับ ขณะนี้ภาพรวมของการลงทุนวิจัยของภาคเอกชนก็ได้เพิ่มมากขึ้นถึง 20,000 ล้านบาท ในรอบ 2- 3 ปี ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่เพียงพอนะครับ กับสภาพการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มข้น ดังนั้นเมื่อเรามีมาตรการยกเว้นภาษีเพิ่มเติมนั้น ก็อาจจะช่วยเป็นแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนได้เพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยพัฒนาเพิ่มขึ้นตามลำดับ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นำไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืน เพราะถ้าหากเราสามารถศึกษาวิจัยพัฒนาสินค้าได้ เราก็จะใช้วัตถุดิบทางการเกษตร มีการรับรองคุณภาพ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับพืชผลทางการเกษตรของเรา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของราคาที่ตกต่ำได้ด้วยนะครับ
ในเรื่องนี้อยากจะฝากให้สถาบันการศึกษาทุกส่วนทุกระดับที่มีส่วนสำคัญ มีสถาบันวิจัยที่วิจัยอยู่แล้วในขณะนี้ในสถานศึกษาทั่วทุกภูมิภาคได้มีการร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น และภาคเอกชนในพื้นที่ช่วยกันวิจัยและพัฒนาสินค้าท้องถิ่นด้วย
ในส่วนของภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพื่อจะรองรับกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จะช่วยให้เศรษฐกิจในภูมิภาค เจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในเรื่องของการส่งเสริมการค้าการลงทุน เป็นสิ่งที่รัฐดำเนินการมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 8 เดือน วันนี้การเร่งรัดการอนุมัติโครงการของบีโอไอ และการให้ใบอนุญาตการจัดตั้งโรงงาน (รง.4) นั้น ได้สั่งการให้รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ในส่วนของบีโอไอนั้น รัฐบาลได้มีการอนุมัติโครงการไปแล้วกว่า 1,050 โครงการ เป็นเม็ดเงินลงทุนประมาณ 680,000 ล้านบาท ในช่วงธันวาคมที่ผ่านมานัน้น ได้มีโครงการที่มาขอรับการส่งเสริมจากบีโอไออีกกว่า 2,000 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็จะเร่งพิจารณาส่งเสริมโครงการที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจ และช่วยในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเร่งดำเนินการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับการค้าการลงทุน ทั้งในด้านการวางรากฐานเทคโนโลยี การพัฒนาคุณภาพบุคลากร การฝึกทักษะฝีมือแรงงาน รวมไปถึงระบบลอจิสติกส์ต่างๆ เพื่อจะให้เอื้อต่อการค้าการลงทุนในประเทศไทย เป็นการวางรากฐาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมต่อไป
ในเรื่องการสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรนั้น เราจำเป็นต้องเร่งดำเนินการวางรากฐาน ให้เป็นชุมชนเกษตรกรที่เข้มแข็ง หลังจากวันนั้นที่ผมได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกร ผมเข้าใจว่า ปัญหาในหลายๆ พื้นที่นั้น เกิดขึ้นอาจจะมาจากการปลูกฝังอุดมการณ์ที่ผิด ไม่เข้าใจ หลายท่านเข้ามาคุยกับผม และบอกว่าเงินที่รัฐบาลให้การสนับสนุนไปนั้น สามารถจะช่วยเหลือพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง แต่อยากให้รัฐบาลโดยรัฐบาลปัจจุบันนั้น ให้มีการสนับสนุนการแก้ปัญหาระยะยาวด้วย นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นเหมือนเช่นที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด คือต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ชาวเกษตรกรมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งที่ผ่านมานั้นเขาบอกว่า ทุกรัฐบาลยังไม่มีใครทำได้
เพราะฉะนั้นเราจะพยายามทำให้ดีที่สุด สำหรับในเรื่องของการรวมกลุ่มกันของสหกรณ์นั้น ผมว่ามันมีความสำคัญที่สุด เราจะได้สามารถช่วยได้ตรง ช่วยให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลางได้ ช่วยในเรื่องของการจัดหาตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งพี่น้องเกษตรกรจำเป็นต้องสร้างให้ชุมชนตนเองเข้มแข็งด้วย เป็นชุมชนที่พึ่งตนเองให้ได้ นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ผ่านการทำเกษตรอินทรีย์ การลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดการใช้ยาฆ่าแมลง เป็นพืชที่เป็นออร์แกนิคที่ปลอดภัย จะช่วยในเรื่องของการลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร มีตัวอย่างหลายพื้นที่ที่ชาวเกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์ และประสบความสำเร็จในหลายจังหวัดหลายอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นอยุธยา นครปฐม อ่างทอง พิจิตร นครราชสีมา และในอีกหลายๆ จังหวัด ทุกคนยินดีที่จะให้คำปรึกษา และช่วยเหลือเกษตรกรที่สนใจ หากจะหันมาทำเกษตรอินทรีย์แทนเพราะจะมีรายได้สูงขึ้นมากกว่าการทำนาด้วยซ้ำไปนะครับ ทั้งหมดนี้ จะทำให้รัฐบาลสามารถไปช่วยเหลือหรือสนับสนุนพี่น้องชาวเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านระบบสหกรณ์ที่เป็นเครือข่ายกัน หลายท่านก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ และสัญญาว่าจะนำไปพูดคุยหารือระหว่างกันในชุมชนต่อไป และช่วยกันขึ้นทะเบียนกันให้เรียบร้อยนะครับ ส่วนราชการจะได้เข้าไปดูแลกันได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
สำหรับตัวอย่างชุมชนเข็มแข็งและผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมที่จังหวัดนครราชสีมาก็คือการจัดการคลัสเตอร์มันโคราช ซึ่งถือเป็นการทำเกษตรแบบบูรณาการ ที่มีการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างภาครัฐ ระดับจังหวัด กลุ่มเกษตรกรชุมชน และผู้ผลิตภาคเอกชน ที่เข้มแข็งมีการรวมตัวกันของเกษตรกรภายในจังหวัด เพื่อบริหารจัดการผลผลิตมันสำปะหลังและเป็นต้นทาง ในการจัดหาช่องทางการจัดจำหน่าย จัดการระบบการตลาด มีกลุ่มอุตสาหกรรมภาคเอกชนที่ร่วมกันรับซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อนำไปแปรรูป จัดจำหน่ายเป็นกลุ่มปลายทาง ในขณะที่ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และหน่วยงานเอกชนอีกหลายแห่งในจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้สนับสนุนในการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อให้การผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลังนั้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการทำงานที่เป็นระบบและเป็นทีมอย่างนี้ ก็จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ทั้งรัฐ และเอกชน ประชาชน ผู้ประกอบการ อันนี้ก็จะเป็นการช่วยกันร่วมมือกันในทุกภาคส่วน แล้วปัจจุบันนั้นก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อวิเคราะห์ปัญหา หาทางแก้ไข รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังให้แก่เกษตรกรผ่านการจัดทำแปลงต้นแบบที่มีการนำเทคโนโลยี 5 ด้าน ได้แก่การจัดการปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การจัดการน้ำ การจัดการดินดาน การจัดหามันสำปะหลังที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมถึงการป้องกันการกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน ซึ่งเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หลายๆคนก็ทำให้เกิดผลผลิตที่มีรายได้ที่มีราคาดี มีคุณภาพ
นอกจากนั้นแล้วในกลุ่มเกษตรกรก็มีการสร้างความสัมพันธ์ สร้างเครือข่าย มีกิจกรรมในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการลดต้นทุน มีการศึกษาดูงาน และบูรณาการอย่างสม่ำเสมอ ผมก็อยากให้ชุมชนเกษตรกรและผู้ประกอบการในจังหวัดต่างๆทำงานร่วมกันเช่นนี้ ก็ได้ให้ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันบูรณาการลงพื้นที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือเกษตกร และสร้างความเข้มเเข็งให้กับสหกรณ์ในทุกจังหวัดให้เข้มเเข็งให้ได้ จะได้เป็นตัวกลางในการติดต่อกับภาครัฐ และภาคเอกชน ในการบริหารจัดการ รวมทั้งการรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ซึ่งมันอาจจะทำให้ราคาสูงขึ้น เท่าที่รับทราบนั้น การซื้อขายในพื้นที่ตามตลาดชุมชนต่างๆ ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ผลผลิตอื่นๆก็สูงขึ้นตามลำดับ แตกต่างจากการที่ขายให้กับพ่อค้าคนกลางในช่วงที่ผ่านมา
สิ่งเหล่านี้เราสามารถจะดำเนินการทันที ทุกคนต้องช่วยกัน มันก็เป็นสิ่งจำเป็นด้วย ทุกคนต้องปรับตัวเอง สร้างความเข้มเเข็งให้ได้ ถ้ารอการช่วยเหลืออย่างเดียวก็ไปไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นแค่เราร่วมมือกัน ประสานกัน สร้างพลังขึ้นมา มันก็จะมีประสิทธิภาพ ปัญหาหลายๆอย่างมันก็จะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในเรื่องของราคาตกต่ำ ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งกดราคา เหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น รัฐก็จะดูแลให้มากขึ้นในส่วนตรงนี้ แต่ขอให้เป็นสหกรณ์ที่เข้มแข็งให้ได้ เล็กๆ ก็รวมเป็นสหกรณ์ใหญ่ขึ้นมา เหมือนกับที่โคราช ที่นครราชสีมาเขาทำกัน
ในเรื่องของการจัดที่ดินทำกินเพื่อป้องกันการบุกรุกป่า ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาตินั้น ปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้ว 2.1 ล้านราย ครอบคลุมพื้นที่ 35.34 ล้านไร่ ซึ่งในลำดับต่อไปนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จะเดินหน้าจัดพื้นที่ป่าสงวนเป็นจำนวน 53,872 ไร่ รวมไปถึงการจัดที่ดินในเขต ส.ป.ก.อีก 4,683 ไร่
เรื่องนี้รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการจัดที่ดินทำกินนี้บ้าง ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าพื้นที่ป่านั้น เป็นพื้นที่สงวน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปกป้องดูแล เพื่อจะรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง หรืออุทกภัย ทั้งหมดนั้นเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าทั้งสิ้น เพราะบ้านเราเป็นป่าฝน
ในปัจจุบันนั้นปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ปีนี้ก็จะมากกว่าปีที่ผ่านมา แล้วในอนาคตนั้น เราอาจจะแห้งแล้งมากขึ้น ฝนตกน้อยลง หรือตกนอกพื้นที่ เพราะโลกมันเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็อาจจะมีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้จากการทำการเกษตร อาจจะมีผลกระทบกับเกษตรกรเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกข้าว หรือพืชอื่นๆ ที่ใช้น้ำ ผมได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ ได้สำรวจที่ตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าการเกษตรต่างๆ ในประเทศ เพื่อจะนำมา matching กับแผนที่โซนนิ่ง เพื่อให้เกิดการทำพื้นที่การเกษตรให้เหมาะสม จะได้บริหารจัดการได้เกี่ยวกับเรื่องบริหารจัดการน้ำ ระบบชลประทาน คือได้เท่าไรก็คงเท่านั้น มันมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับน้ำต้นทุน แต่ปัจจุบันเราสามารถจัดระบบชลประทานได้น้อยจนเกินไป เก็บกักน้ำได้ไม่ดีนัก ปริมาณน้ำที่ตกลงมาบางทีก็ตกไม่ลงเขื่อน ตกนอกเขื่อน ตกท้ายเขื่อน อะไรเหล่านี้ ต้องแก้ไขทั้งหมด ต้องใช้เวลา ต้องใช้งบประมาณมาก แต่ปีนี้ก็มีงบประมาณจำนวนหนึ่งที่จะต้องแก้ไขให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเร่งด่วนเรื่องแล้งซ้ำซาก หรือพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อการทำนาปรัง อาจจะทำไม่ได้ เพราะน้ำน้อย ทำไปก็เสียหาย ก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ให้ชาวนาได้รับทราบ แล้วก็ให้หาทาง หาความร่วมมือในการที่จะปลูกพืชทางเลือกชนิดอื่นเพิ่มเติม มีหลายอย่างด้วยกัน มีราคาดีกว่าด้วย ถ้าปลูกข้าวแล้วมันเสียหาย ก็ไปไม่ไหว เป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น เพราะฉะนั้นอาจจะต้องปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวเป็นพืชชนิดอื่น ก็ต้องดูราคาตลาดด้วย ความต้องการตลาดด้วย
วันนี้ที่ดูท่าทางน่าจะดี ก็เช่น พริกไทยดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง แล้วก็อยากจะให้ทุกคนนั้นสนใจติดตามความรู้ที่ออกตามทีวี โทรทัศน์ หนังสือ สิ่งพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการปลูกพืชทดแทนเหล่านี้ รวมถึงการประมง การเลี้ยงปศุสัตว์ ให้มันสามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตได้ การเลี้ยงได้ จะทำให้เรามีรายได้มากขึ้น
ปัจจุบันนั้น รัฐบาลได้ทำการสนับสนุนพันธุ์พืชตระกูลถั่ว และพืชปุ๋ยสดไปแล้วรวม 3 แสนไร่ ยังไม่เพียงพอหรอกนะครับ และได้มีการส่งเสริมประมงไปแล้วเกือบ 17,000 ราย
นอกจากนั้น เราได้แบ่งเบาภาระของเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภัยแล้งซ้ำซาก เราจะสนับสนุนการสร้างรายได้ และพัฒนาการเกษตร แก่ชุมชนในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 3,052 ตำบล ตำบลละ 1 ล้านบาท ขอให้ใช้อย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงอย่าไปทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อจะช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ชาวสวนยางฯ ปัจจุบันนั้นรัฐบาลอยู่ระหว่างการเร่งรัดตรวจสอบสิทธิ์ และจ่ายเงินที่ค้างอยู่เป็นจำนวนไม่มาก แต่ปัญหาอยู่ที่การลงทะเบียน จะทำควบคู่ไปกับการปรับปรุงทะเบียนเหล่านั้นให้มีความสมบูรณ์ทันสมัย ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ในระหว่างกระทรวง ระหว่างแผนงานโครงการต่างๆ มันจะได้สรุปรวดเร็วทันเวลา และทำให้มันเกิดความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินการต่อไปในอนาคต คงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกร และเจ้าหน้าที่รัฐช่วยกันสำรวจ ช่วยกันจัดทำบัญชีให้เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ในห้วงการดำเนินการขอให้ความร่วมมือด้วย ขอให้เป็นเรื่องจริงจังการจัดทำทะเบียน ต้องมีการรับรองกันให้ชัดเจน มันจะได้ไม่เสียเวลาในการช่วยเหลือของรัฐต่อไป
สำหรับปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งของการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง และพึ่งพาตนเองได้คือ การให้ความรู้ ให้การศึกษาแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในการที่จะถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรอินทรีย์ เกษตรทางเลือก และข้อมูลอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกร เรามีศูนย์ถ่ายทอดความรู้จำนวน 822 ศูนย์ และปัจจุบันรัฐบาลได้ขยายลงมาสู่ชุมชน มาสู่บ้านของเกษตกรด้วยเป็นตัวอย่างได้ และเราได้ให้การสนับสนุนการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้เกษตรกรจำนวน 8,898 แห่ง สมาชิกรวม 11.28 ล้านคน เพื่อเพิ่มบทบาทของสหกรณ์ในการซื้อ การแปรรูป การส่งออก และเพิ่มสภาพคล่อง ก็ขอให้ดูแลเรื่องความรู้ให้กับสหกรณ์การเกษตรด้วย ที่เราให้งบประมาณไปแล้ว หรือจะให้ต่อไป ต้องไปดูทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเราจะให้มีสภาพคล่องมากขึ้น สำหรับสหกรณ์การเกษตรต้องจดทะเบียนนะ
ทั้งนี้ ได้จัดการให้กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบการค้าต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งมีการพัฒนาความเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศต่อไปด้วย
สำหรับในเรื่องของการสร้างระบบชลประทานขนาดเล็ก ซึ่งเราสามารถจะเร่งรัดได้ในปีนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งน้ำในไร่นา รัฐบาลดำเนินการไปแล้วกว่า 16,000 โครงการ แหล่งน้ำในไร่นาจำนวน 290,862 บ่อ มีพื้นที่รับประโยชน์รวม 581,724 ไร่ ซึ่งในอนาคตนั้นรัฐบาลจะมีโครงการอนุรักษ์ดินและน้ำอีก 91 แห่ง ยังมีอีกหลายโครงการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ อย่างเช่น โครงการเกษตรสีเขียว ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ศรีสะเกษ จันทบุรี ราชบุรี พัทลุง และหนองคาย และโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ โครงการหลวง อีก 97,343 โครงการ และงานต่างๆ ที่อยู่ในแผน เราจะเร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ผมก็จะมาเล่าความก้าวหน้าต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป
ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะเร่งให้การสนับสนุนในด้านอื่นๆ ในระยะสั้น เร่งด่วน หลายๆ ด้าน เช่น การให้เงินช่วยเหลือ ลดต้นทุน ปัจจัยการผลิต การจัดหาแหล่งเงินทุน การพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม
สำหรับในส่วนของระยะยาวนั้น จะเร่งให้ความรู้ในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ การปลูกพืชผสมผสาน ธนาคารปุ๋ย ธนาคารเมล็ดพันธุ์ในท้องที่ รวมไปถึงการจัดการพื้นที่โซนนิ่ง ที่จะต้องคำนึงถึงตลาดและการรับซื้อด้วย ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ที่ผมกล่าวไปแล้วในช่วงแรก
ภาคการเกษตรนั้นถือเป็นภาคการผลิตที่สำคัญมากในไทย เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน มีความเข้มแข็ง มีราคา คุณภาพด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ขอให้ทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องยาก ฉะนั้นไม่อยากให้เป็นแค่นโยบายหรือใช้จ่ายงบประมาณเท่านั้น ช่วยเหลือไม่ตรงจุด งบประมาณที่ได้ก็จะไม่เกิดประโยชน์ มันต้องรวดเร็วทันเวลา และทั่วถึง
สำหรับการเสนอของบประมาณนั้นต้องมีรายละเอียดโครงการรองรับมาด้วย ในการพัฒนาให้ยั่งยืนนั้น บางเรื่องเราอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงิน และสิ่งของอื่นๆเลย เพียงแค่เรามีความจริงใจให้กัน ลงแรง ให้ความรู้ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ก็ฝากภาคเอกชนด้วย ก็ร่วมมือกัน ทั้งปราชญ์ชาวบ้าน ทั้งนักวิชาการ ต้องลงมาช่วยประชาชนด้วยกับเรา
สำหรับในกรณีที่ราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวนในช่วงนี้ ก็มีหลายฝ่ายร้องเรียนว่า ราคาสินค้าทั่วไปแพงขึ้น รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้นะครับ ก็ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปควบคุมเข้มงวด รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยด้วย ช่วยกันลงตรวจพื้นที่ ไม่ให้มีการขายสินค้าเกินราคา ซึ่งวันนี้ก็ได้รับข้อมูลว่า ราคาสินค้าส่วนประกอบนั้นไม่ค่อยขึ้น หรือขึ้นน้อย แต่เมื่อมาปรุงสำเร็จแล้ว มาบวกราคากันมาก เพราะเกรงว่าจะขายกันได้น้อยลง รายได้ก็ลดลง ก็ต้องไปเพิ่มราคาแต่ละจาน แต่ละประเภทมากขึ้น อันนี้มันก็ไม่เป็นธรรมนะครับ ก็จะต้องขอร้องกัน พูดคุยกับพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับร้านค้า อาหารจานเดียว สำเร็จรูปพวกนี้ด้วย จะต้องดูแลเรื่องนี้กันอย่างเต็มที่ ก็เห็นใจกันนะครับ ว่านี่มันยามยาก ต้องช่วยกัน ถ้าทุกคนจะเอาตัวรอดกันหมดมันก็ไปไม่ได้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในเรื่องของราคาก๊าซนั้นก็ขึ้นตามท้องตลาด ซึ่งมันก็คนละส่วนกับน้ำมัน เพราะว่าเราแยกออกจากกันในขณะนี้ ก็จะดูแลคนที่มีรายได้น้อยเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็อย่าเรียกร้องให้มันมากจนเกินไป เราก็ให้ได้เท่าที่ทำได้ ถ้าเราตัดลงมากๆ มันก็จะเป็นปัญหาอีกในอนาคต ก็กลับไปแบบที่เก่าอีก ไม่ได้นะ ก็ต้องใช้อย่างประหยัดนะ
ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการบิดเบือนโครงสร้างราคาพลังงานมานาน ไปชดเชยกันไปกันมา ผมก็อยากจะชดเชยเฉพาะในส่วนของผู้มีรายได้น้อยของแต่ละประเภทไป แล้วก็ต้องไม่มีปัญหากับเรื่องของการที่จะต้องผลิตพลังงานจากพืชทดแทนด้วยในอนาคต เราต้องแก้ไขให้ได้ ราคาพลังงานต่างๆ เหล่านี้ ต้องคำนึงถึงความเพียงพอ ความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตด้วย แล้วก็ท้องตลาดเขาว่ายังไง ก็ควรจะเป็นไปอย่างนั้น ทุกประเทศในโลกก็เป็นอย่างนั้นอยู่นะ ก็จะดูแลเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย มาก-น้อยไปตามงบประมาณที่มีอยู่ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้โครงสร้างพลังงานเข้าสู่ความสมดุล ก็ขอให้พี่น้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ ช่วยกันดูแลประเทศชาติในส่วนนี้ จะได้เอาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้นกว่าเดิม รายได้รัฐก็จะมีมากขึ้น ไม่ได้ไปไหนทั้งสิ้น แล้วก็จะมีการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มๆ ตอนนี้ก็มีการเจรจามากมาย หลายคณะ หลายกลุ่ม เกี่ยวกับเรื่องพลังงาน ขอพลังงานราคาพิเศษเฉพาะกลุ่ม ก็กำลังให้ทุกกระทรวงไปพิจารณาดู ก็พูดจากันให้เรียบร้อย
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น วันนี้รัฐบาลก็มีการดำเนินการพูดคุยอย่างแน่นแฟ้นกับทุกประเทศ ผมถือว่าทุกคนเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันมายาวนาน ไม่เป็นศัตรูกัน วันนี้อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง วันหน้าก็ต้องดีกันอยู่แล้ว การค้าการลงทุนมันก็ต้องลงทุนอยู่ หลายๆ ประเทศมาลงทุนในประเทศไทย คนไทยก็ลงทุนที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นการค้า การลงทุน หรือเศรษฐกิจนั้น มีผลต่อประชาชนทุกประเทศ ความขัดแย้งมันทำให้ประชาชนอดอยาก ยากจน มันก็ไม่น่าจะดีนะ เพราะฉะนั้นเราต้องลดความกดดันในเรื่องนี้ให้ได้ ใจเย็นๆ อดทนกัน ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับทุกประเทศมีมาอย่างยาวนานหลายประเทศ
สำหรับในการประชุมร่วมกับภาคธุรกิจ มีหลายๆ ประเทศทั้งใกล้ไกลก็มาร่วมประชุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับคณะทำงาน ระดับรัฐมนตรี หรือระดับผู้แทนของนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีก็มาพบนะครับ ซึ่งในสัปดาห์หน้านั้นผมจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อจะเชื่อมความสัมพันธ์ในด้านการค้าการลงทุนต่างๆ เราให้ความสำคัญทุกประเทศ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ที่ผมเดินทางไปในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยของอาเซียนในตะวันตก ก็ไปประเทศแรก ผมจะนำผลข้อสรุปต่างๆ มาพูดถึงในสัปดาห์หน้า เพื่อให้พวกเราได้รับทราบความคืบหน้าของเรา เราเจรจาบนพื้นฐานของความเชื่อมั่น ความไว้ใจ และผลประโยชน์ที่ทัดเทียมกัน
สำหรับในเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ เรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น วันนี้รัฐบาลได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นทางการแล้ว ครอบคลุมพื้นที่ 36 ตำบล 10 อำเภอของ 5 จังหวัดติดแนวชายแดน ซึ่งจะรวมเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 1.83 ล้านไร่ ได้แก่ 1.จ.ตากประกอบด้วย 14 ตำบล ใน อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.แม่ระมาด
2.มุกดาหารประกอบด้วย 11 ตำบล ใน อ.เมือง อ.หว้านใหญ่ อ.ดอนตาล
3.สระแก้ว ประกอบด้วย 4 ตำบล ใน อ.อรัญประเทศ อ.วัฒนานคร
4.จ.ตราด ประกอบด้วย 3 ตำบลของ อ.คลองใหญ่ทั้งอำเภอ
5. จ.สงขลาประกอบไปด้วย 4 ตำบลใน อ.สะเดา และที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ กนพ. เพื่อจะขับเคลื่อนโครงการดูแลในเรื่องขอบเขตพื้นที่ โครงสร้างพื้นฐาน ด่านศุลกากร นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ด้านแรงงาน แรงงานต่างด้าว ด้านสาธารณสุข ด้านความมั่นคง รวมทั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน ได้พิจารณาอนุมัติแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่สำคัญ เช่น 1.กรณีกิจการทั่วไปนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 3 ปี แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี ส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 8 ปีอยู่แล้วจะได้รับการลดหย่อนภาษีร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปี โดยในการคำนวนภาษีนั้นสามารถหักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ค่าประปา ได้ 2 เท่า เป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งหักค่าติดตั้ง หรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกได้ร้อยละ 25 และการยกเว้น อากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น สำหรับการผลิตเพื่อการส่งออกอีกด้วย
2. กรณีที่เป็นกิจการเป้าหมายสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เรามีเป้าหมายของรัฐบาล เช่น ในเรื่องของการอุตสาหกรรมที่เป็นการเพิ่มเทคโนโลยีที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลาเป็นเวลา 8 ปี ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 100 และการลดหย่อนภาษีฯ ร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปี เช่นกัน 3. กิจกรรมที่ไม่ได้รับการส่งเสริมตามประกาศ BOI จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 เป็นระยะเวลา 10 รอบบัญชี
ทั้งนี้ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่ การวางผังเมือง ต้องมีการออกกฎหมายเพิ่มเติม ระบบสาธารณูปโภคต้องลงทุนอีกหลาย แสนล้านบาทนะครับ และการออกกฎระเบียบต่างๆเพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนในพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว รวมทั้งสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน Connectivity ให้เขาได้พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจเชื่อมต่อให้ควบคู่กันไป ก็ต้องเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจชุมชนของแต่ละจังหวัดด้วย ก่อนที่จะไปเขตเศรษฐกิจพิเศษ และก็ไปถึงเขตเศรษฐกิจชายแดนและไปประชาคมโลกอื่นๆ
ก็ขอขอบคุณภาคเอกชนที่จะให้ความร่วมมือกับเรา และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ 5 จังหวัดเป้าหมาย เป็นอันดับแรกด้วย ก็ทราบมาว่ามีหลายแห่งให้ความสนใจที่จะไปลงทุนในเรื่องของการพัฒนาลอจิสติกส์ ศูนย์การกระจายสินค้า ศูนย์การค้า ศูนย์การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การพัฒนาอุตสาหรรมสิ่งทอ การท่องเที่ยว และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ซึ่งในระยะต่อไปรัฐบาลก็มีแผนจะผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีกใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย หนองคาย กาญจนบุรี นครพนม และนราธิวาส เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ล้วนเป็นพื้นที่ชายแดนที่ตั้งอยู่บนแนวระเบียงเศรษฐกิจ เพื่อจะเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เราสามารถที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งการค้า การลงทุน แล้วก็ช่วยทั้งในเรื่องของการกระจายสินค้าและผลิตสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสินค้าการเกษตร การท่องเที่ยวและการบริการ ซึ่งธุรกิจต่างๆ เหล่านั้นก็จะเป็นกลไกสำคัญที่จะเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาค และส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศให้มีความมั่นคงต่อไปในระยะยาว
ในเรื่องของอาชญากรรมและความรุนแรงต่างๆ ในสังคม ขณะนี้ผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยให้ความสนใจ และมีมาตรการที่เข้มข้นในการกวดขันคดีทุกคดีให้เร่งดำเนินการสืบสวน หาคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีผลกระทบต่อการบริหารราชการ หรือประเทศชาติ ในการพัฒนา ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างเต็มที่ อย่างมาตรฐานเดียวกัน ให้ความเป็นธรรม ไม่ปล่อยปละละเลย ประชาชนก็ช่วยให้ความร่วมมือด้วย เป็นผู้เฝ้าระวัง แจ้งความ เพราะว่าเป็นการดูแลพื้นที่ตัวเองให้ปลอดภัย การท่องเที่ยวจะได้ดีขึ้น ช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าให้ใครเข้ามาสร้างสถานการณ์ มันจะทำให้ประเทศของเราเดินหน้าต่อไปไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่ดีเลย ไม่ทราบว่าคิดอะไรกันอยู่
ในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับสถาบัน และการเมืองนั้น ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณด้วย ถ้ามันเป็นคดีที่เป็นความผิด เราก็ละเว้นไม่ได้ ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย แล้วก็ขอความร่วมมือด้วย ทุกคน ต้องช่วยกันลดความเกลียดชังลงไปด้วย ทั้งในสื่อ ในโซเชียลมีเดีย ช่วยกันลดลงนะ วันนี้ได้มีการใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมาก ใช้โทรศัพท์ ใช้อะไรต่างๆ ซึ่งมีการส่งข้อความถึงกันตลอดเวลา อาจจะมากในลำดับต้นๆ ของโลก หรือของอาเซียนเลยด้วยซ้ำไป วันนี้ต้องดูแลกันให้ดี รัฐบาลไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปแทรกแซง เข้าไปดูในส่วนที่เป็นความลับของท่าน เพียงแต่ว่าท่านช่วยกันดูแลเอง ว่าไม่แพร่กระจาย ไม่ช่วยกันแพร่ในส่วนที่ไม่เหมาะสมออกไป แล้วถึงเวลาก็ถูกดำเนินคดี ก็กลายเป็นหาว่าเป็นคดีการเมือง หรือการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่เลยนะ เรามองทุกคนเป็นประชาชนทั้งสิ้น บางคนรู้ก็ทำ บางคนก็อาจจะทำทั้งที่ไม่รู้ ก็ต้องสอบสวนกันออกมาให้ได้ข้อชัดเจนนะครับ ฉะนั้นระมัดระวัง ประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อของคนไม่ดีเหล่านั้น ที่อาจจะมุ่งหวังทำลายชาติ ทำลายสถาบัน ทำลายความมั่นคงของรัฐในปัจจุบัน
เรากำลังปฏิรูปอยู่ ฉะนั้นรัฐบาลก็สัญญา ว่าจะทำอย่างเต็มที่ในการดำเนินคดี ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก วันนี้ก็ต้องขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พลเรือนต่างๆที่มีหน้าที่เหล่านี้ต้องดูแลพื้นที่ท่านให้ปลอดภัย ให้ประชาชนมีความสุข
หลายเรื่องผมได้สั่งการไปแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังดำเนินการอยู่ ต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชน และรับฟังปัญหา ความคิดเห็นด้วย ผมเองก็ลงตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชน เพื่อจะรับฟังปัญหาต่างๆ มันก็มากขึ้นตามลำดับ มากบ้าง น้อยบ้าง ผมรับได้ทั้งหมด เพราะว่าเป็นความทุกข์ของประชาชน เป็นหน้าที่ของผู้นำประเทศ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งหมดต้องเอามาแก้ไข ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความเหมาะสม และจริงจัง เพื่อจะให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ประชาชนต้องเข้มเข็ง มีรายได้ที่เพียงพอ
สำหรับวันทหารผ่านศึกที่ผ่านไปนั้น ผมก็ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับ พ.อ.พิชิตพล บุญดา อายุ 81 ปี อดีตทหารผ่านศึกที่มีจิตอาสา ได้ไปช่วยกวาดถนนรอบๆชุมชน ทำมากว่า 10 ปีแล้ว จนเพื่อนบ้านยกย่องให้เป็นคนดีศรีชุมชน ท่านกล่าวไว้ว่า จิตอาสาเป็นมุมมองของแต่ละบุคคล บังคับกันไม่ได้ ก็อยากให้ทุกคนมีจิตอาสา เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจ ก็จะทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยเลือกทำให้สิ่งที่ชอบ ทำแล้วสนุก ไม่เดือดร้อนคนอื่น มันตรงกันข้ามกับบางคน ชอบทำเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่น จะทำอย่างไรกัน
ก็ขอฝากไว้เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องไว้ด้วย ให้เห็นว่าถ้าเราทุกคนนั้นสามารถช่วยเหลือสังคมได้ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ มีอะไรมาก็เผื่อแผ่แบ่งบัน ก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ก็ต้องช่วยดูแลกัน ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้เข้าไม่ถึง ทรัพยากรของรัฐเท่าเทียมกัน ความเหลื่อมล้ำ ต้องช่วยรัฐบาล ช่วยในการแก้ปัญหา ทุกคนช่วยได้หมด มากบ้างน้อยบ้าง ก็ว่ากันไป
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข สวัสดีครับ
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ก็เพื่อจะติดตามความคืบหน้า และประเมินผลการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ รวมทั้งรับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเกษตร หรือปัญหาปากท้องทั่วไป ทำให้รัฐบาลจะได้รับทราบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ มากมาย โดยข้อมูลทั้งหมดนั้น รัฐบาลจะนำมาพิจารณาดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ในการปรับปรุงมาตรการต่างๆ ที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรในโอกาสต่อไป
สำหรับการวางรากฐานให้กับประเทศของเรานั้น จำเป็นต้องมีการพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ด้วยความมั่นคงและยั่งยืน โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ภาคประชาชนนั้นจะมีความเข้มแข็งก็ต้องได้รับการดูแล และสนับสนุนจากภาครัฐ และเอกชน การดำเนินการต่างๆ นั้น รัฐบาลได้มอบหมายไปแล้ว ล้วนมุ่งไปเป้าหมายไปสู่วิสัยทัศน์ที่รัฐบาลได้กำหนดไว้แล้วทั้งสิ้น คือการที่จะทำให้ประเทศไทย และพี่น้องชาวไทยทุกคนมีความมั่นคง มั่งคั่งอย่างยั่งยืน
ในเรื่องของการลงทุนในการวิจัย และพัฒนามีความจำเป็นอย่างยิ่ง เป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขัน แม้ว่าปัจจุบันจะมีหลายหน่วยงานที่เป็นแหล่งศึกษา วิจัย และพัฒนา เช่น สำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย รวมถึงองค์กรวิจัยอิสระ เช่น สถาบันวิจัยเพื่อให้การพัฒนาประเทศไทย หรือสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร แต่วันนี้เราต้องการให้มีการบูรณาการร่วมกัน ทั้งในส่วนของแผนงาน ส่วนของวัตถุประสงค์ที่ร่วมกัน และนำไปสู่นำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ โดยมีการบริหารในเรื่องของกองทุนต่างๆ นั้นให้เหมาะสม ทั้งของภาครัฐ และของภาคเอกชน
วันนี้เรายังขาดการลงทุน และการพัฒนาในด้านนี้อีกหลายด้าน ที่จะนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าและบริการ ดังนั้น ภาครัฐจะเร่งผลักดันให้เกิดการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาวิจัยร่วมกับภาคเอกชน ที่จะร่วมมือกันในการสร้างนวัตกรรมที่เราต้องการ เพื่อจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าต่างๆให้สามารถทำการแข่งขันได้ในตลาดในอนาคต ส่งเสริมต่อยอดในการสร้างกลุ่มคลัสเตอร์ ผูกห่วงโซ่เพิ่มการลงทุนในประเทศ ในธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ ให้ได้นะครับ ปัจจุบันรัฐบาลนี้ มีมาตรการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรมเพิ่มจาก 200 เปอร์เซ็นต์ เป็น 300 เปอร์เซ็นต์ เพื่อส่งเสริมการสร้างนวัตกรรมลดต้นทุน สร้างผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ
สำหรับการส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนานั้นเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลก็ได้มีเป้าหมายที่จะเพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยของประเทศโดยรวมให้ได้ 1 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี และเพิ่มสัดส่วนการวิจัยและพัฒนาของเอกชนเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ต่อ 30 เปอร์เซ็นต์ ให้ได้นะครับ ขณะนี้ภาพรวมของการลงทุนวิจัยของภาคเอกชนก็ได้เพิ่มมากขึ้นถึง 20,000 ล้านบาท ในรอบ 2- 3 ปี ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่เพียงพอนะครับ กับสภาพการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มข้น ดังนั้นเมื่อเรามีมาตรการยกเว้นภาษีเพิ่มเติมนั้น ก็อาจจะช่วยเป็นแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนได้เพิ่มการลงทุนในด้านการวิจัยพัฒนาเพิ่มขึ้นตามลำดับ
สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่นำไปสู่การเจริญเติบโตที่ยั่งยืน เพราะถ้าหากเราสามารถศึกษาวิจัยพัฒนาสินค้าได้ เราก็จะใช้วัตถุดิบทางการเกษตร มีการรับรองคุณภาพ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับพืชผลทางการเกษตรของเรา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของราคาที่ตกต่ำได้ด้วยนะครับ
ในเรื่องนี้อยากจะฝากให้สถาบันการศึกษาทุกส่วนทุกระดับที่มีส่วนสำคัญ มีสถาบันวิจัยที่วิจัยอยู่แล้วในขณะนี้ในสถานศึกษาทั่วทุกภูมิภาคได้มีการร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่น และภาคเอกชนในพื้นที่ช่วยกันวิจัยและพัฒนาสินค้าท้องถิ่นด้วย
ในส่วนของภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม ทั้งนี้ เพื่อจะรองรับกับความต้องการของผู้บริโภค ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จะช่วยให้เศรษฐกิจในภูมิภาค เจริญเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ในเรื่องของการส่งเสริมการค้าการลงทุน เป็นสิ่งที่รัฐดำเนินการมาโดยตลอด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 8 เดือน วันนี้การเร่งรัดการอนุมัติโครงการของบีโอไอ และการให้ใบอนุญาตการจัดตั้งโรงงาน (รง.4) นั้น ได้สั่งการให้รีบดำเนินการอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
ในส่วนของบีโอไอนั้น รัฐบาลได้มีการอนุมัติโครงการไปแล้วกว่า 1,050 โครงการ เป็นเม็ดเงินลงทุนประมาณ 680,000 ล้านบาท ในช่วงธันวาคมที่ผ่านมานัน้น ได้มีโครงการที่มาขอรับการส่งเสริมจากบีโอไออีกกว่า 2,000 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.4 ล้านล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็จะเร่งพิจารณาส่งเสริมโครงการที่มีคุณค่าต่อเศรษฐกิจ และช่วยในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งเร่งดำเนินการวางโครงสร้างพื้นฐานที่เหมาะสมกับการค้าการลงทุน ทั้งในด้านการวางรากฐานเทคโนโลยี การพัฒนาคุณภาพบุคลากร การฝึกทักษะฝีมือแรงงาน รวมไปถึงระบบลอจิสติกส์ต่างๆ เพื่อจะให้เอื้อต่อการค้าการลงทุนในประเทศไทย เป็นการวางรากฐาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมต่อไป
ในเรื่องการสร้างความเข้มแข็งของเกษตรกรนั้น เราจำเป็นต้องเร่งดำเนินการวางรากฐาน ให้เป็นชุมชนเกษตรกรที่เข้มแข็ง หลังจากวันนั้นที่ผมได้พบปะพูดคุยกับพี่น้องเกษตรกร ผมเข้าใจว่า ปัญหาในหลายๆ พื้นที่นั้น เกิดขึ้นอาจจะมาจากการปลูกฝังอุดมการณ์ที่ผิด ไม่เข้าใจ หลายท่านเข้ามาคุยกับผม และบอกว่าเงินที่รัฐบาลให้การสนับสนุนไปนั้น สามารถจะช่วยเหลือพวกเขาได้ในระดับหนึ่ง แต่อยากให้รัฐบาลโดยรัฐบาลปัจจุบันนั้น ให้มีการสนับสนุนการแก้ปัญหาระยะยาวด้วย นอกจากการแก้ปัญหาระยะสั้นเหมือนเช่นที่ผ่านมา สิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด คือต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ชาวเกษตรกรมีความเข้มแข็ง พึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งที่ผ่านมานั้นเขาบอกว่า ทุกรัฐบาลยังไม่มีใครทำได้
เพราะฉะนั้นเราจะพยายามทำให้ดีที่สุด สำหรับในเรื่องของการรวมกลุ่มกันของสหกรณ์นั้น ผมว่ามันมีความสำคัญที่สุด เราจะได้สามารถช่วยได้ตรง ช่วยให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองกับพ่อค้าคนกลางได้ ช่วยในเรื่องของการจัดหาตลาด และช่องทางการจัดจำหน่าย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งพี่น้องเกษตรกรจำเป็นต้องสร้างให้ชุมชนตนเองเข้มแข็งด้วย เป็นชุมชนที่พึ่งตนเองให้ได้ นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาประยุกต์ใช้ผ่านการทำเกษตรอินทรีย์ การลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดการใช้ยาฆ่าแมลง เป็นพืชที่เป็นออร์แกนิคที่ปลอดภัย จะช่วยในเรื่องของการลดต้นทุน เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร มีตัวอย่างหลายพื้นที่ที่ชาวเกษตรกรหันมาทำเกษตรอินทรีย์ และประสบความสำเร็จในหลายจังหวัดหลายอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นอยุธยา นครปฐม อ่างทอง พิจิตร นครราชสีมา และในอีกหลายๆ จังหวัด ทุกคนยินดีที่จะให้คำปรึกษา และช่วยเหลือเกษตรกรที่สนใจ หากจะหันมาทำเกษตรอินทรีย์แทนเพราะจะมีรายได้สูงขึ้นมากกว่าการทำนาด้วยซ้ำไปนะครับ ทั้งหมดนี้ จะทำให้รัฐบาลสามารถไปช่วยเหลือหรือสนับสนุนพี่น้องชาวเกษตรกรได้อย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่านระบบสหกรณ์ที่เป็นเครือข่ายกัน หลายท่านก็เห็นด้วยกับแนวทางนี้ และสัญญาว่าจะนำไปพูดคุยหารือระหว่างกันในชุมชนต่อไป และช่วยกันขึ้นทะเบียนกันให้เรียบร้อยนะครับ ส่วนราชการจะได้เข้าไปดูแลกันได้อย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
สำหรับตัวอย่างชุมชนเข็มแข็งและผมได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมที่จังหวัดนครราชสีมาก็คือการจัดการคลัสเตอร์มันโคราช ซึ่งถือเป็นการทำเกษตรแบบบูรณาการ ที่มีการบริหารจัดการร่วมกันระหว่างภาครัฐ ระดับจังหวัด กลุ่มเกษตรกรชุมชน และผู้ผลิตภาคเอกชน ที่เข้มแข็งมีการรวมตัวกันของเกษตรกรภายในจังหวัด เพื่อบริหารจัดการผลผลิตมันสำปะหลังและเป็นต้นทาง ในการจัดหาช่องทางการจัดจำหน่าย จัดการระบบการตลาด มีกลุ่มอุตสาหกรรมภาคเอกชนที่ร่วมกันรับซื้อผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อนำไปแปรรูป จัดจำหน่ายเป็นกลุ่มปลายทาง ในขณะที่ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา และหน่วยงานเอกชนอีกหลายแห่งในจังหวัดนครราชสีมา ก็ได้สนับสนุนในการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อให้การผลิตและการแปรรูปมันสำปะหลังนั้น มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สำหรับการทำงานที่เป็นระบบและเป็นทีมอย่างนี้ ก็จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ทั้งรัฐ และเอกชน ประชาชน ผู้ประกอบการ อันนี้ก็จะเป็นการช่วยกันร่วมมือกันในทุกภาคส่วน แล้วปัจจุบันนั้นก็ได้มีการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้เพื่อวิเคราะห์ปัญหา หาทางแก้ไข รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตมันสำปะหลังให้แก่เกษตรกรผ่านการจัดทำแปลงต้นแบบที่มีการนำเทคโนโลยี 5 ด้าน ได้แก่การจัดการปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน การจัดการน้ำ การจัดการดินดาน การจัดหามันสำปะหลังที่เหมาะสมกับพื้นที่ รวมถึงการป้องกันการกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสาน ซึ่งเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการนั้นจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หลายๆคนก็ทำให้เกิดผลผลิตที่มีรายได้ที่มีราคาดี มีคุณภาพ
นอกจากนั้นแล้วในกลุ่มเกษตรกรก็มีการสร้างความสัมพันธ์ สร้างเครือข่าย มีกิจกรรมในการถ่ายทอดเทคโนโลยีในการลดต้นทุน มีการศึกษาดูงาน และบูรณาการอย่างสม่ำเสมอ ผมก็อยากให้ชุมชนเกษตรกรและผู้ประกอบการในจังหวัดต่างๆทำงานร่วมกันเช่นนี้ ก็ได้ให้ทั้งกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมกันบูรณาการลงพื้นที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือเกษตกร และสร้างความเข้มเเข็งให้กับสหกรณ์ในทุกจังหวัดให้เข้มเเข็งให้ได้ จะได้เป็นตัวกลางในการติดต่อกับภาครัฐ และภาคเอกชน ในการบริหารจัดการ รวมทั้งการรับซื้อผลผลิตในพื้นที่ซึ่งมันอาจจะทำให้ราคาสูงขึ้น เท่าที่รับทราบนั้น การซื้อขายในพื้นที่ตามตลาดชุมชนต่างๆ ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น ผลผลิตอื่นๆก็สูงขึ้นตามลำดับ แตกต่างจากการที่ขายให้กับพ่อค้าคนกลางในช่วงที่ผ่านมา
สิ่งเหล่านี้เราสามารถจะดำเนินการทันที ทุกคนต้องช่วยกัน มันก็เป็นสิ่งจำเป็นด้วย ทุกคนต้องปรับตัวเอง สร้างความเข้มเเข็งให้ได้ ถ้ารอการช่วยเหลืออย่างเดียวก็ไปไม่ได้อยู่ดี ฉะนั้นแค่เราร่วมมือกัน ประสานกัน สร้างพลังขึ้นมา มันก็จะมีประสิทธิภาพ ปัญหาหลายๆอย่างมันก็จะไม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาในเรื่องของราคาตกต่ำ ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งกดราคา เหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น รัฐก็จะดูแลให้มากขึ้นในส่วนตรงนี้ แต่ขอให้เป็นสหกรณ์ที่เข้มแข็งให้ได้ เล็กๆ ก็รวมเป็นสหกรณ์ใหญ่ขึ้นมา เหมือนกับที่โคราช ที่นครราชสีมาเขาทำกัน
ในเรื่องของการจัดที่ดินทำกินเพื่อป้องกันการบุกรุกป่า ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญของชาตินั้น ปัจจุบันได้ดำเนินการไปแล้ว 2.1 ล้านราย ครอบคลุมพื้นที่ 35.34 ล้านไร่ ซึ่งในลำดับต่อไปนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จะเดินหน้าจัดพื้นที่ป่าสงวนเป็นจำนวน 53,872 ไร่ รวมไปถึงการจัดที่ดินในเขต ส.ป.ก.อีก 4,683 ไร่
เรื่องนี้รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากประชาชน ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการจัดที่ดินทำกินนี้บ้าง ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าพื้นที่ป่านั้น เป็นพื้นที่สงวน ซึ่งจำเป็นต้องมีการปกป้องดูแล เพื่อจะรักษาสมดุลของระบบนิเวศ ภัยพิบัติทางธรรมชาติทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง หรืออุทกภัย ทั้งหมดนั้นเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าทั้งสิ้น เพราะบ้านเราเป็นป่าฝน
ในปัจจุบันนั้นปัญหาภัยแล้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ปีนี้ก็จะมากกว่าปีที่ผ่านมา แล้วในอนาคตนั้น เราอาจจะแห้งแล้งมากขึ้น ฝนตกน้อยลง หรือตกนอกพื้นที่ เพราะโลกมันเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ซึ่งก็อาจจะมีผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่มีรายได้จากการทำการเกษตร อาจจะมีผลกระทบกับเกษตรกรเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกข้าว หรือพืชอื่นๆ ที่ใช้น้ำ ผมได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงเกษตรฯ ได้สำรวจที่ตั้งโรงงานแปรรูปสินค้าการเกษตรต่างๆ ในประเทศ เพื่อจะนำมา matching กับแผนที่โซนนิ่ง เพื่อให้เกิดการทำพื้นที่การเกษตรให้เหมาะสม จะได้บริหารจัดการได้เกี่ยวกับเรื่องบริหารจัดการน้ำ ระบบชลประทาน คือได้เท่าไรก็คงเท่านั้น มันมากกว่านั้นไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับน้ำต้นทุน แต่ปัจจุบันเราสามารถจัดระบบชลประทานได้น้อยจนเกินไป เก็บกักน้ำได้ไม่ดีนัก ปริมาณน้ำที่ตกลงมาบางทีก็ตกไม่ลงเขื่อน ตกนอกเขื่อน ตกท้ายเขื่อน อะไรเหล่านี้ ต้องแก้ไขทั้งหมด ต้องใช้เวลา ต้องใช้งบประมาณมาก แต่ปีนี้ก็มีงบประมาณจำนวนหนึ่งที่จะต้องแก้ไขให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีความเร่งด่วนเรื่องแล้งซ้ำซาก หรือพื้นที่ที่มีผลกระทบต่อการทำนาปรัง อาจจะทำไม่ได้ เพราะน้ำน้อย ทำไปก็เสียหาย ก็จะนำข้อมูลเหล่านี้ให้ชาวนาได้รับทราบ แล้วก็ให้หาทาง หาความร่วมมือในการที่จะปลูกพืชทางเลือกชนิดอื่นเพิ่มเติม มีหลายอย่างด้วยกัน มีราคาดีกว่าด้วย ถ้าปลูกข้าวแล้วมันเสียหาย ก็ไปไม่ไหว เป็นหนี้เป็นสินมากขึ้น เพราะฉะนั้นอาจจะต้องปรับเปลี่ยนจากการปลูกข้าวเป็นพืชชนิดอื่น ก็ต้องดูราคาตลาดด้วย ความต้องการตลาดด้วย
วันนี้ที่ดูท่าทางน่าจะดี ก็เช่น พริกไทยดำ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง แล้วก็อยากจะให้ทุกคนนั้นสนใจติดตามความรู้ที่ออกตามทีวี โทรทัศน์ หนังสือ สิ่งพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องการปลูกพืชทดแทนเหล่านี้ รวมถึงการประมง การเลี้ยงปศุสัตว์ ให้มันสามารถที่จะลดต้นทุนการผลิตได้ การเลี้ยงได้ จะทำให้เรามีรายได้มากขึ้น
ปัจจุบันนั้น รัฐบาลได้ทำการสนับสนุนพันธุ์พืชตระกูลถั่ว และพืชปุ๋ยสดไปแล้วรวม 3 แสนไร่ ยังไม่เพียงพอหรอกนะครับ และได้มีการส่งเสริมประมงไปแล้วเกือบ 17,000 ราย
นอกจากนั้น เราได้แบ่งเบาภาระของเกษตรกรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ภัยแล้งซ้ำซาก เราจะสนับสนุนการสร้างรายได้ และพัฒนาการเกษตร แก่ชุมชนในพื้นที่ดังกล่าว จำนวน 3,052 ตำบล ตำบลละ 1 ล้านบาท ขอให้ใช้อย่างคุ้มค่าให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงอย่าไปทำในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อจะช่วยเหลือพี่น้องชาวนา ชาวสวนยางฯ ปัจจุบันนั้นรัฐบาลอยู่ระหว่างการเร่งรัดตรวจสอบสิทธิ์ และจ่ายเงินที่ค้างอยู่เป็นจำนวนไม่มาก แต่ปัญหาอยู่ที่การลงทะเบียน จะทำควบคู่ไปกับการปรับปรุงทะเบียนเหล่านั้นให้มีความสมบูรณ์ทันสมัย ใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ในระหว่างกระทรวง ระหว่างแผนงานโครงการต่างๆ มันจะได้สรุปรวดเร็วทันเวลา และทำให้มันเกิดความทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ในการดำเนินการต่อไปในอนาคต คงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องเกษตรกร และเจ้าหน้าที่รัฐช่วยกันสำรวจ ช่วยกันจัดทำบัญชีให้เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ในห้วงการดำเนินการขอให้ความร่วมมือด้วย ขอให้เป็นเรื่องจริงจังการจัดทำทะเบียน ต้องมีการรับรองกันให้ชัดเจน มันจะได้ไม่เสียเวลาในการช่วยเหลือของรัฐต่อไป
สำหรับปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งของการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง และพึ่งพาตนเองได้คือ การให้ความรู้ ให้การศึกษาแก่ประชาชนในชุมชนต่างๆ ปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในการที่จะถ่ายทอดความรู้ด้านการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรอินทรีย์ เกษตรทางเลือก และข้อมูลอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกร เรามีศูนย์ถ่ายทอดความรู้จำนวน 822 ศูนย์ และปัจจุบันรัฐบาลได้ขยายลงมาสู่ชุมชน มาสู่บ้านของเกษตกรด้วยเป็นตัวอย่างได้ และเราได้ให้การสนับสนุนการสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่ทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้เกษตรกรจำนวน 8,898 แห่ง สมาชิกรวม 11.28 ล้านคน เพื่อเพิ่มบทบาทของสหกรณ์ในการซื้อ การแปรรูป การส่งออก และเพิ่มสภาพคล่อง ก็ขอให้ดูแลเรื่องความรู้ให้กับสหกรณ์การเกษตรด้วย ที่เราให้งบประมาณไปแล้ว หรือจะให้ต่อไป ต้องไปดูทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเราจะให้มีสภาพคล่องมากขึ้น สำหรับสหกรณ์การเกษตรต้องจดทะเบียนนะ
ทั้งนี้ ได้จัดการให้กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการปรับปรุงกฎระเบียบการค้าต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกร พร้อมทั้งมีการพัฒนาความเชื่อมโยงกับตลาดต่างประเทศต่อไปด้วย
สำหรับในเรื่องของการสร้างระบบชลประทานขนาดเล็ก ซึ่งเราสามารถจะเร่งรัดได้ในปีนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งน้ำในไร่นา รัฐบาลดำเนินการไปแล้วกว่า 16,000 โครงการ แหล่งน้ำในไร่นาจำนวน 290,862 บ่อ มีพื้นที่รับประโยชน์รวม 581,724 ไร่ ซึ่งในอนาคตนั้นรัฐบาลจะมีโครงการอนุรักษ์ดินและน้ำอีก 91 แห่ง ยังมีอีกหลายโครงการที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ อย่างเช่น โครงการเกษตรสีเขียว ในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ศรีสะเกษ จันทบุรี ราชบุรี พัทลุง และหนองคาย และโครงการพัฒนาตามพระราชดำริ โครงการหลวง อีก 97,343 โครงการ และงานต่างๆ ที่อยู่ในแผน เราจะเร่งดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ผมก็จะมาเล่าความก้าวหน้าต่างๆ ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบต่อไป
ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะเร่งให้การสนับสนุนในด้านอื่นๆ ในระยะสั้น เร่งด่วน หลายๆ ด้าน เช่น การให้เงินช่วยเหลือ ลดต้นทุน ปัจจัยการผลิต การจัดหาแหล่งเงินทุน การพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่มเติม
สำหรับในส่วนของระยะยาวนั้น จะเร่งให้ความรู้ในเรื่องของเกษตรอินทรีย์ การปลูกพืชผสมผสาน ธนาคารปุ๋ย ธนาคารเมล็ดพันธุ์ในท้องที่ รวมไปถึงการจัดการพื้นที่โซนนิ่ง ที่จะต้องคำนึงถึงตลาดและการรับซื้อด้วย ทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ที่ผมกล่าวไปแล้วในช่วงแรก
ภาคการเกษตรนั้นถือเป็นภาคการผลิตที่สำคัญมากในไทย เพราะฉะนั้นทำอย่างไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน มีความเข้มแข็ง มีราคา คุณภาพด้วย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ขอให้ทำความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ด้วย มันไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่เรื่องยาก ฉะนั้นไม่อยากให้เป็นแค่นโยบายหรือใช้จ่ายงบประมาณเท่านั้น ช่วยเหลือไม่ตรงจุด งบประมาณที่ได้ก็จะไม่เกิดประโยชน์ มันต้องรวดเร็วทันเวลา และทั่วถึง
สำหรับการเสนอของบประมาณนั้นต้องมีรายละเอียดโครงการรองรับมาด้วย ในการพัฒนาให้ยั่งยืนนั้น บางเรื่องเราอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงิน และสิ่งของอื่นๆเลย เพียงแค่เรามีความจริงใจให้กัน ลงแรง ให้ความรู้ ลงพื้นที่ทำความเข้าใจ ก็จะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ก็ฝากภาคเอกชนด้วย ก็ร่วมมือกัน ทั้งปราชญ์ชาวบ้าน ทั้งนักวิชาการ ต้องลงมาช่วยประชาชนด้วยกับเรา
สำหรับในกรณีที่ราคาน้ำมันตลาดโลกมีความผันผวนในช่วงนี้ ก็มีหลายฝ่ายร้องเรียนว่า ราคาสินค้าทั่วไปแพงขึ้น รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้นะครับ ก็ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปควบคุมเข้มงวด รวมทั้งกระทรวงมหาดไทยด้วย ช่วยกันลงตรวจพื้นที่ ไม่ให้มีการขายสินค้าเกินราคา ซึ่งวันนี้ก็ได้รับข้อมูลว่า ราคาสินค้าส่วนประกอบนั้นไม่ค่อยขึ้น หรือขึ้นน้อย แต่เมื่อมาปรุงสำเร็จแล้ว มาบวกราคากันมาก เพราะเกรงว่าจะขายกันได้น้อยลง รายได้ก็ลดลง ก็ต้องไปเพิ่มราคาแต่ละจาน แต่ละประเภทมากขึ้น อันนี้มันก็ไม่เป็นธรรมนะครับ ก็จะต้องขอร้องกัน พูดคุยกับพ่อค้าคนกลาง หรือผู้ประกอบการเกี่ยวกับร้านค้า อาหารจานเดียว สำเร็จรูปพวกนี้ด้วย จะต้องดูแลเรื่องนี้กันอย่างเต็มที่ ก็เห็นใจกันนะครับ ว่านี่มันยามยาก ต้องช่วยกัน ถ้าทุกคนจะเอาตัวรอดกันหมดมันก็ไปไม่ได้ ก็ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าใจในเรื่องของราคาก๊าซนั้นก็ขึ้นตามท้องตลาด ซึ่งมันก็คนละส่วนกับน้ำมัน เพราะว่าเราแยกออกจากกันในขณะนี้ ก็จะดูแลคนที่มีรายได้น้อยเป็นพิเศษอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็อย่าเรียกร้องให้มันมากจนเกินไป เราก็ให้ได้เท่าที่ทำได้ ถ้าเราตัดลงมากๆ มันก็จะเป็นปัญหาอีกในอนาคต ก็กลับไปแบบที่เก่าอีก ไม่ได้นะ ก็ต้องใช้อย่างประหยัดนะ
ในช่วงที่ผ่านมานั้นมีการบิดเบือนโครงสร้างราคาพลังงานมานาน ไปชดเชยกันไปกันมา ผมก็อยากจะชดเชยเฉพาะในส่วนของผู้มีรายได้น้อยของแต่ละประเภทไป แล้วก็ต้องไม่มีปัญหากับเรื่องของการที่จะต้องผลิตพลังงานจากพืชทดแทนด้วยในอนาคต เราต้องแก้ไขให้ได้ ราคาพลังงานต่างๆ เหล่านี้ ต้องคำนึงถึงความเพียงพอ ความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคตด้วย แล้วก็ท้องตลาดเขาว่ายังไง ก็ควรจะเป็นไปอย่างนั้น ทุกประเทศในโลกก็เป็นอย่างนั้นอยู่นะ ก็จะดูแลเฉพาะผู้ที่มีรายได้น้อย มาก-น้อยไปตามงบประมาณที่มีอยู่ ทั้งนี้ ก็เพื่อให้โครงสร้างพลังงานเข้าสู่ความสมดุล ก็ขอให้พี่น้องทำความเข้าใจในส่วนนี้ ช่วยกันดูแลประเทศชาติในส่วนนี้ จะได้เอาไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้นกว่าเดิม รายได้รัฐก็จะมีมากขึ้น ไม่ได้ไปไหนทั้งสิ้น แล้วก็จะมีการดูแลผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบเป็นกลุ่มๆ ตอนนี้ก็มีการเจรจามากมาย หลายคณะ หลายกลุ่ม เกี่ยวกับเรื่องพลังงาน ขอพลังงานราคาพิเศษเฉพาะกลุ่ม ก็กำลังให้ทุกกระทรวงไปพิจารณาดู ก็พูดจากันให้เรียบร้อย
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น วันนี้รัฐบาลก็มีการดำเนินการพูดคุยอย่างแน่นแฟ้นกับทุกประเทศ ผมถือว่าทุกคนเป็นมิตรประเทศที่ดีต่อกันมายาวนาน ไม่เป็นศัตรูกัน วันนี้อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง วันหน้าก็ต้องดีกันอยู่แล้ว การค้าการลงทุนมันก็ต้องลงทุนอยู่ หลายๆ ประเทศมาลงทุนในประเทศไทย คนไทยก็ลงทุนที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้นการค้า การลงทุน หรือเศรษฐกิจนั้น มีผลต่อประชาชนทุกประเทศ ความขัดแย้งมันทำให้ประชาชนอดอยาก ยากจน มันก็ไม่น่าจะดีนะ เพราะฉะนั้นเราต้องลดความกดดันในเรื่องนี้ให้ได้ ใจเย็นๆ อดทนกัน ผมพยายามอย่างเต็มที่ที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับทุกประเทศมีมาอย่างยาวนานหลายประเทศ
สำหรับในการประชุมร่วมกับภาคธุรกิจ มีหลายๆ ประเทศทั้งใกล้ไกลก็มาร่วมประชุมอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับคณะทำงาน ระดับรัฐมนตรี หรือระดับผู้แทนของนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีก็มาพบนะครับ ซึ่งในสัปดาห์หน้านั้นผมจะเดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อจะเชื่อมความสัมพันธ์ในด้านการค้าการลงทุนต่างๆ เราให้ความสำคัญทุกประเทศ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ที่ผมเดินทางไปในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยของอาเซียนในตะวันตก ก็ไปประเทศแรก ผมจะนำผลข้อสรุปต่างๆ มาพูดถึงในสัปดาห์หน้า เพื่อให้พวกเราได้รับทราบความคืบหน้าของเรา เราเจรจาบนพื้นฐานของความเชื่อมั่น ความไว้ใจ และผลประโยชน์ที่ทัดเทียมกัน
สำหรับในเรื่องสำคัญอีกเรื่องคือ เรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้น วันนี้รัฐบาลได้ออกประกาศกำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเป็นทางการแล้ว ครอบคลุมพื้นที่ 36 ตำบล 10 อำเภอของ 5 จังหวัดติดแนวชายแดน ซึ่งจะรวมเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ 1.83 ล้านไร่ ได้แก่ 1.จ.ตากประกอบด้วย 14 ตำบล ใน อ.แม่สอด อ.พบพระ อ.แม่ระมาด
2.มุกดาหารประกอบด้วย 11 ตำบล ใน อ.เมือง อ.หว้านใหญ่ อ.ดอนตาล
3.สระแก้ว ประกอบด้วย 4 ตำบล ใน อ.อรัญประเทศ อ.วัฒนานคร
4.จ.ตราด ประกอบด้วย 3 ตำบลของ อ.คลองใหญ่ทั้งอำเภอ
5. จ.สงขลาประกอบไปด้วย 4 ตำบลใน อ.สะเดา และที่ผ่านมารัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการนโยบาย เขตพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ กนพ. เพื่อจะขับเคลื่อนโครงการดูแลในเรื่องขอบเขตพื้นที่ โครงสร้างพื้นฐาน ด่านศุลกากร นิคมอุตสาหกรรม ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ ด้านแรงงาน แรงงานต่างด้าว ด้านสาธารณสุข ด้านความมั่นคง รวมทั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านการลงทุน ได้พิจารณาอนุมัติแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ และมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่สำคัญ เช่น 1.กรณีกิจการทั่วไปนั้นจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 3 ปี แต่รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปี ส่วนนิติบุคคลที่ได้รับการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 8 ปีอยู่แล้วจะได้รับการลดหย่อนภาษีร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปี โดยในการคำนวนภาษีนั้นสามารถหักค่าขนส่ง ค่าไฟฟ้า ค่าประปา ได้ 2 เท่า เป็นเวลา 10 ปี รวมทั้งหักค่าติดตั้ง หรือก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกได้ร้อยละ 25 และการยกเว้น อากรขาเข้าสำหรับเครื่องจักรวัตถุดิบและวัสดุจำเป็น สำหรับการผลิตเพื่อการส่งออกอีกด้วย
2. กรณีที่เป็นกิจการเป้าหมายสำหรับเขตเศรษฐกิจพิเศษ เรามีเป้าหมายของรัฐบาล เช่น ในเรื่องของการอุตสาหกรรมที่เป็นการเพิ่มเทคโนโลยีที่ไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลาเป็นเวลา 8 ปี ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 100 และการลดหย่อนภาษีฯ ร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปี เช่นกัน 3. กิจกรรมที่ไม่ได้รับการส่งเสริมตามประกาศ BOI จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล จากร้อยละ 20 เหลือร้อยละ 10 เป็นระยะเวลา 10 รอบบัญชี
ทั้งนี้ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในพื้นที่ การวางผังเมือง ต้องมีการออกกฎหมายเพิ่มเติม ระบบสาธารณูปโภคต้องลงทุนอีกหลาย แสนล้านบาทนะครับ และการออกกฎระเบียบต่างๆเพื่อให้เกิดการค้าการลงทุนในพื้นที่ให้ได้โดยเร็ว รวมทั้งสานสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน Connectivity ให้เขาได้พัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจเชื่อมต่อให้ควบคู่กันไป ก็ต้องเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจชุมชนของแต่ละจังหวัดด้วย ก่อนที่จะไปเขตเศรษฐกิจพิเศษ และก็ไปถึงเขตเศรษฐกิจชายแดนและไปประชาคมโลกอื่นๆ
ก็ขอขอบคุณภาคเอกชนที่จะให้ความร่วมมือกับเรา และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ 5 จังหวัดเป้าหมาย เป็นอันดับแรกด้วย ก็ทราบมาว่ามีหลายแห่งให้ความสนใจที่จะไปลงทุนในเรื่องของการพัฒนาลอจิสติกส์ ศูนย์การกระจายสินค้า ศูนย์การค้า ศูนย์การแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การพัฒนาอุตสาหรรมสิ่งทอ การท่องเที่ยว และการผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ซึ่งในระยะต่อไปรัฐบาลก็มีแผนจะผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีกใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย หนองคาย กาญจนบุรี นครพนม และนราธิวาส เขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ล้วนเป็นพื้นที่ชายแดนที่ตั้งอยู่บนแนวระเบียงเศรษฐกิจ เพื่อจะเตรียมความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เราสามารถที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งการค้า การลงทุน แล้วก็ช่วยทั้งในเรื่องของการกระจายสินค้าและผลิตสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสินค้าการเกษตร การท่องเที่ยวและการบริการ ซึ่งธุรกิจต่างๆ เหล่านั้นก็จะเป็นกลไกสำคัญที่จะเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ภูมิภาค และส่งเสริมเศรษฐกิจประเทศให้มีความมั่นคงต่อไปในระยะยาว
ในเรื่องของอาชญากรรมและความรุนแรงต่างๆ ในสังคม ขณะนี้ผมได้สั่งการให้ทุกหน่วยให้ความสนใจ และมีมาตรการที่เข้มข้นในการกวดขันคดีทุกคดีให้เร่งดำเนินการสืบสวน หาคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่มีผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีผลกระทบต่อการบริหารราชการ หรือประเทศชาติ ในการพัฒนา ต้องเร่งดำเนินการให้ได้ เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างเต็มที่ อย่างมาตรฐานเดียวกัน ให้ความเป็นธรรม ไม่ปล่อยปละละเลย ประชาชนก็ช่วยให้ความร่วมมือด้วย เป็นผู้เฝ้าระวัง แจ้งความ เพราะว่าเป็นการดูแลพื้นที่ตัวเองให้ปลอดภัย การท่องเที่ยวจะได้ดีขึ้น ช่วยกันเป็นหูเป็นตา อย่าให้ใครเข้ามาสร้างสถานการณ์ มันจะทำให้ประเทศของเราเดินหน้าต่อไปไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่ดีเลย ไม่ทราบว่าคิดอะไรกันอยู่
ในเรื่องคดีที่เกี่ยวกับสถาบัน และการเมืองนั้น ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณด้วย ถ้ามันเป็นคดีที่เป็นความผิด เราก็ละเว้นไม่ได้ ก็ต้องใช้มาตรการทางกฎหมาย แล้วก็ขอความร่วมมือด้วย ทุกคน ต้องช่วยกันลดความเกลียดชังลงไปด้วย ทั้งในสื่อ ในโซเชียลมีเดีย ช่วยกันลดลงนะ วันนี้ได้มีการใช้โซเชียลมีเดียจำนวนมาก ใช้โทรศัพท์ ใช้อะไรต่างๆ ซึ่งมีการส่งข้อความถึงกันตลอดเวลา อาจจะมากในลำดับต้นๆ ของโลก หรือของอาเซียนเลยด้วยซ้ำไป วันนี้ต้องดูแลกันให้ดี รัฐบาลไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะเข้าไปแทรกแซง เข้าไปดูในส่วนที่เป็นความลับของท่าน เพียงแต่ว่าท่านช่วยกันดูแลเอง ว่าไม่แพร่กระจาย ไม่ช่วยกันแพร่ในส่วนที่ไม่เหมาะสมออกไป แล้วถึงเวลาก็ถูกดำเนินคดี ก็กลายเป็นหาว่าเป็นคดีการเมือง หรือการรังแกของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ใช่เลยนะ เรามองทุกคนเป็นประชาชนทั้งสิ้น บางคนรู้ก็ทำ บางคนก็อาจจะทำทั้งที่ไม่รู้ ก็ต้องสอบสวนกันออกมาให้ได้ข้อชัดเจนนะครับ ฉะนั้นระมัดระวัง ประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อของคนไม่ดีเหล่านั้น ที่อาจจะมุ่งหวังทำลายชาติ ทำลายสถาบัน ทำลายความมั่นคงของรัฐในปัจจุบัน
เรากำลังปฏิรูปอยู่ ฉะนั้นรัฐบาลก็สัญญา ว่าจะทำอย่างเต็มที่ในการดำเนินคดี ไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก วันนี้ก็ต้องขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้งตำรวจ ทหาร ข้าราชการ พลเรือนต่างๆที่มีหน้าที่เหล่านี้ต้องดูแลพื้นที่ท่านให้ปลอดภัย ให้ประชาชนมีความสุข
หลายเรื่องผมได้สั่งการไปแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็กำลังดำเนินการอยู่ ต้องจริงจังในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของพี่น้องประชาชน และรับฟังปัญหา ความคิดเห็นด้วย ผมเองก็ลงตรวจเยี่ยมพี่น้องประชาชน เพื่อจะรับฟังปัญหาต่างๆ มันก็มากขึ้นตามลำดับ มากบ้าง น้อยบ้าง ผมรับได้ทั้งหมด เพราะว่าเป็นความทุกข์ของประชาชน เป็นหน้าที่ของผู้นำประเทศ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีทั้งหมดต้องเอามาแก้ไข ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยความเหมาะสม และจริงจัง เพื่อจะให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ประชาชนต้องเข้มเข็ง มีรายได้ที่เพียงพอ
สำหรับวันทหารผ่านศึกที่ผ่านไปนั้น ผมก็ได้อ่านข่าวเกี่ยวกับ พ.อ.พิชิตพล บุญดา อายุ 81 ปี อดีตทหารผ่านศึกที่มีจิตอาสา ได้ไปช่วยกวาดถนนรอบๆชุมชน ทำมากว่า 10 ปีแล้ว จนเพื่อนบ้านยกย่องให้เป็นคนดีศรีชุมชน ท่านกล่าวไว้ว่า จิตอาสาเป็นมุมมองของแต่ละบุคคล บังคับกันไม่ได้ ก็อยากให้ทุกคนมีจิตอาสา เสียสละ ร่วมแรงร่วมใจ ก็จะทำให้สังคมน่าอยู่มากยิ่งขึ้น โดยเลือกทำให้สิ่งที่ชอบ ทำแล้วสนุก ไม่เดือดร้อนคนอื่น มันตรงกันข้ามกับบางคน ชอบทำเรื่องเดือดร้อนให้คนอื่น จะทำอย่างไรกัน
ก็ขอฝากไว้เป็นตัวอย่างที่น่ายกย่องไว้ด้วย ให้เห็นว่าถ้าเราทุกคนนั้นสามารถช่วยเหลือสังคมได้ก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ มีอะไรมาก็เผื่อแผ่แบ่งบัน ก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น ก็ต้องช่วยดูแลกัน ผู้ยากไร้ ผู้ด้อยโอกาส ผู้เข้าไม่ถึง ทรัพยากรของรัฐเท่าเทียมกัน ความเหลื่อมล้ำ ต้องช่วยรัฐบาล ช่วยในการแก้ปัญหา ทุกคนช่วยได้หมด มากบ้างน้อยบ้าง ก็ว่ากันไป
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้ทุกคนมีความสุข สวัสดีครับ