นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่า การรณรงค์คิ๊กออฟคนไทยป้องกันคอตีบได้ด้วยวัคซีน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 และเป็นของขวัญปีใหม่ 2558 แก่ประชาชน ขณะนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่งปฏิบัติการเชิงรุกด้วยการลงพื้นที่สำรวจและฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบกับโรคบาดทะยักในเข็มเดียวกัน โดย น.ส.อินทฬ์ธิวา จันรัตนาวิวัฒน์ และ น.ส.กรรรณิกา อธิคมานนท์ พยาบาลวิชาชีพประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล บ้านดอนขุนราม ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี กล่าวขณะลงพื้นที่ที่สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อฉีดวัคซีนแก่เจ้าหน้าที่ว่า ประชาชนอายุ 20-50 ปี ซึ่งกลุ่มอายุดังกล่าวมีภูมิคุ้มกันโรคต่ำและเสี่ยงต่อการป่วยเป็นโรคคอตีบสูง เนื่องจากยังไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดนี้และต้องฉีดให้ครบทุกคนก่อนที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
สำหรับการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันโรคติดต่อที่ได้ผลที่สุด ปัจจุบันประเทศไทยจัดบริการให้วัคซีนเด็กระดับชาติฟรี ป้องกันโรค 8 ชนิด เช่น วัณโรค โรคตับอักเสบบี โรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน เป็นต้น ทำให้ประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการป้องกันโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนในระดับสูง อัตราครอบคลุมสูงกว่าร้อยละ 90 อัตราป่วยและเสียชีวิตลดลงมาก
ทั้งนี้ ประชาชนชาวสุพรรณบุรีสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สำหรับการฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันโรคติดต่อที่ได้ผลที่สุด ปัจจุบันประเทศไทยจัดบริการให้วัคซีนเด็กระดับชาติฟรี ป้องกันโรค 8 ชนิด เช่น วัณโรค โรคตับอักเสบบี โรคคอตีบ บาดทะยัก ไอกรน เป็นต้น ทำให้ประเทศไทยประสบผลสำเร็จในการป้องกันโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนในระดับสูง อัตราครอบคลุมสูงกว่าร้อยละ 90 อัตราป่วยและเสียชีวิตลดลงมาก
ทั้งนี้ ประชาชนชาวสุพรรณบุรีสามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนได้ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบลทุกแห่ง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป