น.อ.วิสูตร จันทนา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานจังหวัดเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยถึง กรณีเหตุซากโคมลอยหลุดเข้าเครื่องบิน "แอร์บัสเอ 320"พันเข้าไปในใบพัดเครื่องยนต์เที่ยวบินพีจี 906 บางกอกแอร์เวย์สว่า ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ได้เกิดเหตุโคมลอยปลิวเข้าไปในเครื่องยนต์ที่ 2 ด้านขวาของเครื่องบินลำดังกล่าวระหว่างเครื่องบินกำลังเคลื่อนตัวเข้าหลุมจอด แต่ไม่มีผู้โดยสารรับบาดเจ็บแต่อย่างใด นอกจากนี้ทางสายการบินแจ้งว่าได้ตรวจสอบเครื่องยนต์แล้วไม่ได้รับความเสียหาย แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารของเที่ยวบินถัดไปจึง ได้ให้ผู้โดยสารที่ต้องกลับเครื่องบินดังกล่าวใช้บริการสายการบินอื่นแทน โดยสายการบินบางกอกแอร์เวย์จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด
"จะมีการตรวจสอบเครื่องบินอย่างละเอียดอีกครั้งแม้ว่า เบื้องต้นจะพบว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่เพื่อความปลอดภัยจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าโคมลอยดังกล่าวน่าจะปลิวมาตอนเครื่องบินกำลังแท็กซี่เข้าหลุมจอดซึ่งเครื่องยนต์จะเริ่มเบาเครื่องลงแล้วถือว่ายังไม่อันตรายเท่ากับตอนเครื่องบินกำลังบินขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจะเกิดอันตรายมาก”
ขณะที่นายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน กล่าวว่า เดือน ม.ค.เตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) แนวทางการปฏิบัติการปล่อยโคมลอยและการจุดบั้งไฟ เพื่อไม่ให้กระทบกับการบิน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งที่ผ่านมากระทรวง คมนาคมได้เข้มงวดในการปล่อยโคมลอยอย่างต่อเนื่องแต่ก็มีการฝ่าฝืนเป็นจำนวน มาก เชื่อว่า หากมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จะทำให้การฝ่าฝืนลดลง และลอยอย่างถูกวิธี ซึ่งจะมีการกำหนดพื้นที่ เวลาอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้กระทบต่อการบิน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วจะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงมาก
สำหรับข้อกำหนดขนาดมาตรฐานโคมลอยจะต้องมีปริมาตรไม่เกิน1 ลูกบาศก์เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 90 ซม.หรือสูงไม่เกิน 140 ซม.ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระดาษส่วนโครงทำจากไม้ไผ่ เชื้อเพลิงทำจากกระดาษชุบเทียนขี้ผึ้ง พาราฟิน น้ำหนักไม่เกิน 55 กรัม โดยมีระยะเวลาเผาไหมเชื้อเพลิงไม่เกิน 8นาที และจะยึดติดกับตัวโคมที่ทำด้วยเชือกทนไฟหรือลวดอ่อนเบอร์ 24 จำนวน 2 เส้น ยาวเส้นละไม่เกิน 30 ซม.
ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมได้มอบหมายให้ไปศึกษาหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติทางการบิน จากการปล่อยโคมลอยและการจุดบั้งไฟซึ่งจะมีการกำหนดกรอบและแนวปฏิบัติที่ ชัดเจน โดยจะเน้นเรื่องการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นรวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจังเพราะข้อกำหนดและแนวปฏิบัติต่างๆมีอยู่แล้วแต่ปัญหาหลักเกิดจากการ ปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและยังพบว่าเกิดธุรกิจการพนันจาก การจุดบั้งไฟด้วย
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคม จะจัดตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกันและสั่งการไปในแต่ละพื้นที่ให้ดำเนินการอย่าง จริงจังกับผู้ที่กระทำผิดหรือฝ่าฝืนเพราะแม้การจุดบั้งไฟจะเป็นประเพณีท้อง ถิ่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามักมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการ เล่นพนันดังนั้นหากมีการเข้มงวดกวดขั้นจะลดอันตรายต่างๆได้น้อยลงรวมทั้งจะ ต้องกำหนดช่วงระยะเวลาและพื้นที่ที่มีการจุดบั้งไฟหรือปล่อยโคมลอยให้ชัดเจน ด้วยหลังจากมีการขยายพื้นที่ออกไปมากจนกลายเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของร้าน อาหารต่างๆแล้วดังนั้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเพณีท้องถิ่นอาจกำหนดเป็นข้อ ห้าม
สำหรับความผิดหากปล่อยโคมลอย หรือการจุดพลุการเล่นดอกไม้ไฟ หรือยิงบั้งไฟหากเป็นการจุดบริเวณในละแวกใกล้เคียงท่าอากาศยาน อาจจะมีความผิดบางประการในการเดินอากาศยานตาม พรบ.2521 มาตรา 6 ว่าด้วยการกระทำใดๆ ทั้งโคมลอย ทั้งลูกโป่ง ลำแสงเลเซอร์ที่จะไปทำให้เกิดการรบกวนกระทำให้เป็นอันตรายต่ออากาศยาน หรือ น่าจะเป็นอันตรายโดยอัตราโทษถึงขั้นประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกระหว่าง 5 ปีถึง 20 ปี เพราะกฎหมายเห็นว่า เป็นภัยสาธารณะที่เกิดกับอากาศยานที่เป็นภัยที่มีความเสียหายร้ายแรงกฎหมาย จึงลงโทษหนักโดยทั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 1 กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชนจึงได้ร่วมกันจัดโครงการขึ้นมาเป็นโครงการเร่งด่วนละจะเป็นโมเดลต่อไป ในอนาคตทุกท่าอากาศยานต่อไป
"จะมีการตรวจสอบเครื่องบินอย่างละเอียดอีกครั้งแม้ว่า เบื้องต้นจะพบว่าไม่ได้รับความเสียหายแต่เพื่อความปลอดภัยจึงต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นคาดว่าโคมลอยดังกล่าวน่าจะปลิวมาตอนเครื่องบินกำลังแท็กซี่เข้าหลุมจอดซึ่งเครื่องยนต์จะเริ่มเบาเครื่องลงแล้วถือว่ายังไม่อันตรายเท่ากับตอนเครื่องบินกำลังบินขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจะเกิดอันตรายมาก”
ขณะที่นายสมชาย พิพุธวัฒน์ อธิบดีกรมการบินพลเรือน กล่าวว่า เดือน ม.ค.เตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) แนวทางการปฏิบัติการปล่อยโคมลอยและการจุดบั้งไฟ เพื่อไม่ให้กระทบกับการบิน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งที่ผ่านมากระทรวง คมนาคมได้เข้มงวดในการปล่อยโคมลอยอย่างต่อเนื่องแต่ก็มีการฝ่าฝืนเป็นจำนวน มาก เชื่อว่า หากมีการลงนามเอ็มโอยูร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จะทำให้การฝ่าฝืนลดลง และลอยอย่างถูกวิธี ซึ่งจะมีการกำหนดพื้นที่ เวลาอย่างชัดเจนเพื่อไม่ให้กระทบต่อการบิน เพราะหากเกิดอุบัติเหตุแล้วจะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงมาก
สำหรับข้อกำหนดขนาดมาตรฐานโคมลอยจะต้องมีปริมาตรไม่เกิน1 ลูกบาศก์เมตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 90 ซม.หรือสูงไม่เกิน 140 ซม.ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น กระดาษส่วนโครงทำจากไม้ไผ่ เชื้อเพลิงทำจากกระดาษชุบเทียนขี้ผึ้ง พาราฟิน น้ำหนักไม่เกิน 55 กรัม โดยมีระยะเวลาเผาไหมเชื้อเพลิงไม่เกิน 8นาที และจะยึดติดกับตัวโคมที่ทำด้วยเชือกทนไฟหรือลวดอ่อนเบอร์ 24 จำนวน 2 เส้น ยาวเส้นละไม่เกิน 30 ซม.
ด้านนายวรเดช หาญประเสริฐ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมได้มอบหมายให้ไปศึกษาหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติทางการบิน จากการปล่อยโคมลอยและการจุดบั้งไฟซึ่งจะมีการกำหนดกรอบและแนวปฏิบัติที่ ชัดเจน โดยจะเน้นเรื่องการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นรวมทั้งบังคับใช้กฎหมายอย่าง จริงจังเพราะข้อกำหนดและแนวปฏิบัติต่างๆมีอยู่แล้วแต่ปัญหาหลักเกิดจากการ ปล่อยปละละเลยของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและยังพบว่าเกิดธุรกิจการพนันจาก การจุดบั้งไฟด้วย
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคม จะจัดตั้งเป็นคณะทำงานร่วมกันและสั่งการไปในแต่ละพื้นที่ให้ดำเนินการอย่าง จริงจังกับผู้ที่กระทำผิดหรือฝ่าฝืนเพราะแม้การจุดบั้งไฟจะเป็นประเพณีท้อง ถิ่นแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามักมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการ เล่นพนันดังนั้นหากมีการเข้มงวดกวดขั้นจะลดอันตรายต่างๆได้น้อยลงรวมทั้งจะ ต้องกำหนดช่วงระยะเวลาและพื้นที่ที่มีการจุดบั้งไฟหรือปล่อยโคมลอยให้ชัดเจน ด้วยหลังจากมีการขยายพื้นที่ออกไปมากจนกลายเป็นกิจกรรมส่วนหนึ่งของร้าน อาหารต่างๆแล้วดังนั้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับประเพณีท้องถิ่นอาจกำหนดเป็นข้อ ห้าม
สำหรับความผิดหากปล่อยโคมลอย หรือการจุดพลุการเล่นดอกไม้ไฟ หรือยิงบั้งไฟหากเป็นการจุดบริเวณในละแวกใกล้เคียงท่าอากาศยาน อาจจะมีความผิดบางประการในการเดินอากาศยานตาม พรบ.2521 มาตรา 6 ว่าด้วยการกระทำใดๆ ทั้งโคมลอย ทั้งลูกโป่ง ลำแสงเลเซอร์ที่จะไปทำให้เกิดการรบกวนกระทำให้เป็นอันตรายต่ออากาศยาน หรือ น่าจะเป็นอันตรายโดยอัตราโทษถึงขั้นประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิตหรือจำคุกระหว่าง 5 ปีถึง 20 ปี เพราะกฎหมายเห็นว่า เป็นภัยสาธารณะที่เกิดกับอากาศยานที่เป็นภัยที่มีความเสียหายร้ายแรงกฎหมาย จึงลงโทษหนักโดยทั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 1 กับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด มหาชนจึงได้ร่วมกันจัดโครงการขึ้นมาเป็นโครงการเร่งด่วนละจะเป็นโมเดลต่อไป ในอนาคตทุกท่าอากาศยานต่อไป