xs
xsm
sm
md
lg

รสนาFB: "รมว.พลังงานควรยกเลิกกองทุนน้ำมันได้แล้ว"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางสาวรสนา โตสิตระกูล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อ"รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานสมควรยกเลิกกองทุนน้ำมันได้แล้ว" โดยเนื้อหาที่โพสต์ระบุดังนี้

กองทุนน้ำมันมีสถานะเป็นบวกตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายน 2557 และจากรายงานณ.วันที่ 7ธันวาคม 2557 กองทุนน้ำมันมีเงินสะสมถึง 10,169 ล้านบาท โดยยังมีรายได้จากการเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันวันละประมาณ 380ล้านบาท ในขณะที่ใช้เงินชดเชยน้ำมัน E85 ประมาณวันละ 6ล้านบาท หากมีการชดเชยอย่างอื่นอีกให้แจงรายละเอียดมาให้ชัดเจน อย่ากล่าวอ้างเลื่อนลอย

ข้ออ้างที่ว่าต้องนำเงินจากกองทุนน้ำมันไปชดเชยก๊าซ LPGภาคครัวเรือน และภาคยานยนต์ น่าจะหมดข้ออ้างไปได้แล้ว เพราะเวลานี้ ราคาก๊าซ LPG ของทุกภาคส่วนที่ใช้LPG เป็นเชื้อเพลิงได้แก่ภาคครัวเรือน ภาคยานยนต์ และอุตสาหกรรมทั่วไป ต่างรับราคาเท่ากันหมดแล้วคือ ราคากิโลกรัมละ 24.16 นาท โดยที่อุตสาหกรรมที่ใช้LPG เป็นเชื้อเพลิงได้รับราคาตลาดโลกของLPG มาตั้งแต่ปี 2555แล้ว จึงกล่าวได้ว่าทุกภาคส่วนที่ใช้LPGเป็นเชื้อเพลิงต่างรับราคาตลาดโลกแล้วในขณะนี้

ยกเว้นอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ยังใช้ราคาถูกกว่าชาวบ้านเขา ทั้งราคาเนื้อLPG ก็ซื้อขายระหว่างบริษัทแม่ลูกที่ใช้วิธีตกลงราคากันเอง โดยใช้ราคาอิงตลาดโลกของเม็ดพลาสติก ไม่ใช่ราคาตลาดโลกของLPG รมว.พลังงานก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าจะมีการปรับโครงสร้างราคาของปิโตรเคมี เช่น ปรับให้ปิโตรเคมีในเครือปตท.ต้องรับราคาตลาดโลกของ LPG เหมือนผู้ใช้กลุ่มอื่นที่ใช้เป็นเชื้อเพลิง และใช้เป็นวัตถุดิบปิโตรเคมีที่ไม่ใช่บริษัทในเครือปตท. และควรเพิ่มการเก็บภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาลจากปิโตรเคมี (ที่ในขณะนี้ไม่ได้เก็บ) เพื่อเอาไว้ใช้จัดการกับมลภาวะและขยะพลาสติกที่อุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้ก่อไว้ให้กับสิ่งแวดล้อม ดังที่มติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ได้มีมติเมื่อวันที่ 9ธันวาคม2557ว่า

" กรอบและแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปรับราคาให้สะท้อนต้นทุนจัดหา ให้มีอัตราภาษีสะท้อนการปล่อยมลภาวะ ทยอยลดการชดเชยข้ามประเภท (Cross Subsidy) และให้ทุกกลุ่มผู้ใช้ก๊าซ LPG ควรจะใช้ราคาตามต้นทุนจัดหาเฉลี่ย โดยให้มีการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม สำหรับแนวทางการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบด้วย 1) การปรับปรุงอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงให้ใกล้เคียงกัน โดยคำนึงถึงการปล่อยมลภาวะ 2) ทยอยลดการชดเชยข้ามประเภทเชื้อเพลิง (Cross Subsidy) และ 3) การกำหนดค่าการตลาด ให้สะท้อนกลไกตลาด "

เมื่อมีมติกบง.เช่นนี้ รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงพลังงานซึ่งนั่งหัวโต๊ะใน กบง.สมควรยุติการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในทันที เพราะราคาก๊าซตลาดโลกในขณะนี้ได้ลดลงตามการลดลงของราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ราคาที่เก็บจากผู้ใช้ก๊าซจึงเป็นราคาตลาดโลกอยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องใช้กองทุนน้ำมันมาชดเชยก๊าซอีก อีกประการหนึ่งคือราคาก๊าซจากอ่าวไทย ราคาย่อมต้องถูกกว่าราคานำเข้า แต่ไม่เคยมีการเปิดเผยต้นทุนที่แท้จริงของก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ทำให้มีข้อสงสัยว่า การที่รัฐมนตรีมีนโยบายผลักผู้ใช้ก๊าซLPG ทุกกลุ่มไปใช้ราคาต้นทุนการจัดหา(ตามมติกบง.)หมายถึงให้ไปใช้ราคาตลาดโลกทั้งหมดใช่หรือไม่? เว้นไว้ให้ปิโตรเคมีได้ใช้ก๊าซราคาถูกจากอ่าวไทยแต่เพียงผู้เดียว ใช่หรือไม่?

หากยกเลิกกองทุนน้ำมัน
1) เบนซิน 95 ลดไปลิตรละ 10.15บาท ราคาเบนซินเหลือลิตรละ 29.16บาท
2) แก๊สโซฮอลล์ 95 ลดไปลิตรละ 4.65บาท ราคาแก๊สโซฮอลล์ 95 เหลือลิตรละ 27.65 บาท
3) แก๊สโซฮอลล์ 91 ลดไปลิตรละ 2.95บาท ราคาแก๊สโซฮอลล์ 91 เหลือลิตรละ 27.33 บาท
4) E20 ลดไปลิตรละ 1.20บาท ราคา E20 เหลือลิตรละ 27.78 บาท
5) ดีเซล ลดไปลิตรละ 4.80บาท ราคาดีเซล เหลือลิตรละ 23.09 บาท

หากรัฐบาลยังไม่ต้องการลดราคาน้ำมันเท่ากับเงินกองทุนน้ำมันที่เก็บเงินจากประชาชน ก็สามารถเก็บเงินบางส่วนเข้าภาษีสรรพสามิตที่กำหนดอัตราสูงสุดที่จะเก็บได้ตามกฎหมายคือลิตรละ 7บาท โดยเฉพาะดีเซลหากโอนเงินจากกองทุนน้ำมัน 4.80 บาทไปเป็นภาษีสรรพสามิต ราคาดีเซลจะคงราคาไว้ที่ลิตรละ 27.89 บาท ก็จะทำให้ดีเซลมีราคาใกล้เคียงกับเบนซิน95 ซึ่งเป็นสิ่งรัฐบาลต้องการให้เป็นเช่นนั้น จะได้ไม่ต้องขึ้นราคาดีเซลอีกเพราะจะทำให้กระทบราคาสินค้าและค่าครองชีพประชาชนในวงกว้าง

กองทุนน้ำมันเป็นกองทุนที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเคยตรวจสอบแล้วมีคำวินิจฉัยว่า เป็นกองทุนที่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีกฎหมายรองรับให้สามารถเก็บเงินจากประชาชน และการที่กองทุนน้ำมันสามารถเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันโดยไม่มีเพดานสูงสุดนั้น น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะแม้แต่พรก.ภาษีสรรพสามิตที่ผ่านรัฐสภา ก็ยังต้องกำหนดเพดานสูงสุดที่รัฐบาลสามารถเก็บเงินจากประชาชนได้ไม่เกิน7บาท/ลิตร

กองทุนน้ำมันเป็นสิ่งที่รัฐบาลควรยกเลิกโดยเร็ว หากต้องการคงกองทุนน้ำมันไว้ ควรออกกฎหมายมารองรับ และควรนำกองทุนน้ำมันกลับมาไว้ที่กระทรวงการคลังดังเดิม นอกจากนี้ควรตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของกองทุนน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา และเปิดเผยต่อประชาชนผู้เป็นเจ้าของเงินอย่างโปร่งใส
กำลังโหลดความคิดเห็น