xs
xsm
sm
md
lg

2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การสนับสนุนการทำหน้าที่ของมาเลเซียในฐานะเป็นประธานอาเซียนและสมาชิกไม่ถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปี 2558



ด้านความมั่นคง ผมได้แสดงเจตนารมณ์ ยืนยันที่จะเดินหน้าสานต่อกระบวนการ “พูดคุยเพื่อสันติสุข” จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยให้มาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก เป็นกลาง และรับประสานกับกลุ่มเห็นต่างให้เข้ามาสู่กระบวนการทางนายกรัฐมนตรีมาเลเซียก็ให้เกียรติฝ่ายไทยในการตกลงใจในประเด็นปัญหาต่างๆ โดยจะได้มีการหารือในรายละเอียดกันต่อไป เบื้องต้นได้จัดตั้งคณะทำงานออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับนโยบาย – ระดับขับเคลื่อน – ระดับปฏิบัติการ เพื่อให้กระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขมีความคืบหน้าอย่างแท้จริงครับ



ด้านเศรษฐกิจ ไทยกับมาเลเซียต่างให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันทั้งรถและราง โดยเฉพาะการเชื่อมโยงในพื้นที่ชายแดน ซึ่งเราได้เร่งรัดพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษสะเดา-ปาดังเบซาร์ เพื่อเพิ่มการจ้างงาน สร้างรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยเชิญชวนนักลงทุนมาเลเซีย เข้ามาลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น และก็จะส่งเสริมให้นักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในมาเลเซียให้มากขึ้นด้วยเช่นกัน ในที่ประชุมเห็นพ้องกันในการตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นจาก 8 แสนล้านบาทในปี 2556 ให้ได้ถึง 1 ล้านล้านบาทในปี 2558 ซึ่งไทยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของไทย (BOI) ได้พิจารณาปรับเปลี่ยนกฎระเบียบเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนของต่างประเทศด้วย



สำหรับโครงการ Rubber City ระหว่าง จ. สงขลา กับรัฐเกดะห์ ซึ่งทั้งไทยและมาเลเซียได้ร่วมกันผลักดัน ไทยได้ศึกษาการจัดตั้ง Rubber City บริเวณนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ที่บ้านฉลุง อ.หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมแปรรูป เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ยางและส่งเสริมการจ้างงาน นอกจากนี้ เราก็จะมาดูว่าจะควบคุมราคายางได้อย่างไร คือจะเพิ่มราคาให้สูงขึ้นนั่นเอง เป็นห่วงพี่น้องที่ประกอบการเกี่ยวกับเรื่องยางนะครับ ถ้าราคายังตกต่ำอยู่ก็ต้องหาทางเพราะทุกประเทศก็เหมือนกันในขณะนี้



เราทั้งสองประเทศกับมาเลเซียนั้น มีศักยภาพในการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกันให้มีความแข็งแกรงยิ่งขึ้นหลากหลาย ในลักษณะ Package ทั้งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สอดคล้องกับนโยบายของไทย ที่จะกำหนดให้ปีหน้าเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทยด้วย ถ้าต่อเนื่องเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านได้ก็จะเป็นการดี





ในเรื่องของการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ในปัจจุบันนั้น เราก็ได้มีการ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าและการพัฒนาเพื่ออนาคตไว้ด้วย เช่นการกำหนดมาตรการอำนวยความสะดวกในการให้บริการภาครัฐ และลดการทุจริต



ที่ผ่านมาเมื่อเอกชนที่ต้องการขอใบอนุญาตจากรัฐ ต้องเจอกับขั้นตอนมากมายและความล่าช้า ต้องเจอกับกระบวนการเอกสารที่จุกจิก เพื่อการพิจารณาให้ถี่ถ้วน แม้ไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียได้ แต่ต้องเร็ว เพราะทำให้สิทธิของทุกคนที่มาติดต่อราชการ หรือลงทุนค้าขายแล้วก็ทำให้ข้าราชการบางส่วนนั้นทุจริตฉกฉวยประโยชน์จากจุดต่างๆ เหล่านี้ เรียกค่าตอบแทนบ้าง อะไรบ้าง เราต้องอำนวยความสะดวกให้รวดเร็วขึ้น ขณะเดียวกันต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใส ไม่อยากให้มีการจ่าย “เงินใต้โต๊ะ”



แล้วเราต้องให้ความสะดวกสบายให้มากขึ้น ปิดช่องทางฉ้อฉลต่างๆ ให้ได้ วันนี้รัฐบาลได้ริเริ่ม และร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ได้กําหนดให้คณะรัฐมนตรีสามารถออกพระราชกฤษฎีกาเพื่อจัดตั้ง “ศูนย์รับคําขออนุญาต” ซึ่งเป็นหน่วยงานใหม่ ในการเป็นตัวกลางระหว่างประชาชน ผู้ขออนุญาต กับหน่วยงานรัฐ เป็นผู้พิจารณาอนุญาตในเรื่องต่างๆ จะออกแบบให้เป็นหน่วยที่อํานวยความสะดวกให้เร็วยิ่งขึ้น ให้เกิดประโยชน์กับทุกส่วนนะครับ

ในการขออนุญาตนั้น เราจะมีหน้าที่ในการรับคําขออนุญาตและค่าธรรมเนียม ให้ข้อมูล และแนะนําเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการอนุญาต โดยประชาชนสามารถยื่นคําขอ ส่งเอกสารหลักฐาน หรือค่าธรรมเนียม ณ ศูนย์รับคําขออนุญาต แทนหน่วยงานผู้อนุญาตได้ ศูนย์รับคำขออนุญาตนี้ใช้รับเรื่องแทนหน่วยงานรัฐได้ทุกประเภท ในลักษณะ One Stop Service ยกเว้นรัฐสภา คณะรัฐมนตรี การพิจารณาคดีของศาล การดำเนินคดีทางอาญา และการขออนุญาตตามกฎหมายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งต้องยื่นเรื่องกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนั้นๆ โดยตรงอันนี้เป็นของเดิม แต่ต้องเร็วขึ้น ของใหม่นี่ต้องดำเนินการให้ได้นะครับ



ที่สำคัญ เราจะกำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผู้รับคำขอที่จะต้องเป็นคนที่มีประสิทธิภาพนะครับ แล้วจะต้องตรวจสอบความถูกต้องได้รวดเร็ว คำขอความครบถ้วนที่ต้องยื่นพร้อมกับคำขอ หากคำขอไม่ถูกต้อง เจ้าหน้าที่ดังกล่าว ต้องให้คำแนะนำให้ผู้ยื่นคำขอแก้ไข ไม่ใช่ดึงเวลาไว้นานเกินไป ก็ต้องชี้แจงให้เขาทราบทันทีภายในไม่เกิน 7 วัน พร้อมทั้งบันทึกการแจ้งดังกล่าวไว้ด้วย

ทั้งนี้ก็เพื่อแก้ปัญหากระบวนการพิจารณาออกคำสั่งของเจ้าหน้าที่ที่ล่าช้าโดยอ้างเหตุว่าเอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ซึ่งอาจสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้มาใช้บริการ ซึ่งร่างแก้ไขนี้ยังกำหนดด้วยว่า หากเจ้าหน้าที่ยังไม่ปฏิบัติตามคำขอเพราะอ้างเรื่องเอกสารไม่ถูกต้องอยู่ ก็อาจถูกดำเนินการทางวินัยต่อไปได้ ก็ต้องระมัดระวัง ขอให้มีหัวใจในการบริการ





ในเรื่องของการจัดมาตรการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนชาวต่างชาติ กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน อำนวยความสะดวกในการอนุญาตทำงาน ให้แก่นักลงทุนชาวต่างชาติที่มาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยการปรับปรุงแก้ไขระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2552 สำหรับการออกใบอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค (Regional Operating Headquarter : ROH) เดิมได้กำหนดจำนวนการออกใบอนุญาตทำงานไว้ไม่เกิน 5 คน ซึ่งจะได้แก้ไขโดยเพิ่มจำนวนขึ้นเป็น 10 คน และสามารถขอเพิ่มจำนวนได้ตามความเหมาะสมกับธุรกิจที่ดำเนินการอยู่นะครับ

หากสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาคชำระภาษีเงินได้ให้แก่รัฐในรอบปีที่ผ่านมาตามเกณฑ์ที่กำหนด เราก็จะพิจารณาดูแลเป็นพิเศษ นอกจากนั้น ยังได้เร่งรัดการออกใบอนุญาตทำงานให้แล้วเสร็จ ภายใน 1 วันทำการ รวมทั้งยังเพิ่มช่องทางการแจ้งเข้ามาทำงานอันจำเป็นเร่งด่วนระยะเวลาไม่เกิน 5 วัน จากทางโทรสาร เป็นการแจ้งผ่านด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ ด่านตรวจคนหางานดอนเมือง และทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (e-mail)





สำหรับมาตรการตามนโยบาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนจากที่รัฐบาลได้เร่งให้ดำเนินการในเชิงรุกและบูรณาการหน่วยงานของรัฐ เพื่อการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี โดยจะขยายขอบเขตการให้บริการ ทั้งพัฒนารูปแบบให้ดีขึ้นยิ่งๆ ขึ้นไป ดังนี้



(1) ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ ณ ศาลากลางจังหวัดและที่ว่าการอำเภอ ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือ Call Center 1567 สำหรับการรับเรื่องร้องทุกข์ความเดือดร้อน, ร้องเรียนหน่วยงานรัฐ / เอกชน / เจ้าหน้าที่, ขอความช่วยเหลือ, ขอความเป็นธรรม, ปัญหาหนี้สินนอกระบบ, การแจ้งเบาะแสการกระทำผิด รวมทั้ง การเสนอความเห็นการปฏิรูป

(2) ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ณ ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งจัดให้มีเจ้าหน้าที่ทุกกระทรวงมารับคำร้องและให้คำปรึกษา หรือติดต่อที่ Call Center 1111

(3) การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนด้านการทะเบียน ถ้าหน่วยงานนั้นมีระบบที่เชื่อมโยงกับระบบทะเบียนของกรมการปกครองแล้ว ให้เจ้าหน้าที่ของรัฐคัดสำเนารายการทะเบียนบ้านหรือบัตรประจำตัวประชาชนจากฐานข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องลงชื่อรับรองเอกสารก็ได้ หรือหากหน่วยงานนั้นยังไม่มีระบบเชื่อมโยง ก็ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในการถ่ายเอกสารสำเนาทะเบียนบ้านหรือถ่ายเอกสารสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มาติดต่อราชการ จึงขอให้หน่วยงานของรัฐทุกแห่งรับไปปฏิบัติให้เกิดผลด้วย

(4) คลินิกกฎหมายสัญชาติ เพื่อขับเคลื่อนและช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ด้านการกำหนดสิทธิและสถานะตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งปัจจุบันยังมีคนไทยที่ด้อยโอกาส ไม่สามารถแสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ยืนยันตัวตน ทำให้เป็นบุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนอยู่เป็นจำนวนมาก โดยให้เป็นจุดรับคำร้อง ให้คำปรึกษา และดำเนินการแก้ไขให้แก่ประชาชน รวมถึงการเป็นพี่เลี้ยงให้กับสำนักทะเบียนทั่วประเทศ อีกทั้งยังจะเป็นการเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายสัญชาติให้แก่ประชาชนทั่วไป ในเขตกรุงเทพฯ สามารถติดต่อได้ที่กรมการปกครอง วังไชยา ถ.นครสวรรค์ ต่างจังหวัด ณ ที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง หรือ Call Center 1548



(5) ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service)ปัจจุบันกำลังขยายการจดทะเบียนสัญชาติเวียดนามเดิมมี 3 ประเทศ คือ ลาว, พม่า, กัมพูชา

การดำเนินการทั้งหลายเหล่านี้ จะทำให้มีฐานข้อมูลที่ทุกกระทรวงจะสามารถเข้าถึง และนำไปบริหารงาน จัดสรรรูปแบบการให้บริการอย่างเหมาะสมในอนาคต ทั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยความประสานสอดคล้องในการทำงานของหน่วยงานของรัฐ โดยอยู่บนพื้นฐานข้อมูลชุดเดียวกันครับ





การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสในการเข้าถึงบริการของรัฐ

1. การเปิดโอกาสให้ (1) กลุ่มแรงงานนอกระบบ (2) ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และ (3) กลุ่มแรงงานซึ่งยังมิได้มีหลักประกันสังคมใดๆ สมัครเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 40 โดยรัฐบาลช่วยส่งเงินสมทบร่วมกับผู้ประกันตนด้วยส่วนหนึ่ง

ซึ่งมีชุดสิทธิประโยชน์ทางเลือกต่างๆ ให้กับผู้ประกันตนประกอบด้วยสิทธิประโยชน์กรณี (1) เงินทดแทนการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย 200 บาท/วัน (2) ทุพพลภาพ 500 – 1,000 บาท/เดือน แล้วแต่กรณี (3) กรณีเสียชีวิต 20,000 บาท/ราย และ (4) เงินออมสำหรับกรณีชราภาพ

สำหรับการตรวจสอบสิทธิและเงื่อนไขการคุ้มครองต่างๆ สามารถติดต่อสำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา หรือหน่วยบริการเคลื่อนที่ของสำนักงานประกันสังคม รวมทั้งสายด่วน SSC 1506 (Social Security Office)





2. การเปิด “ศูนย์ฟื้นสมรรถภาพคนงานประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”ณ จังหวัดขอนแก่น เพื่อให้บริการฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ลูกจ้าง ผู้ประกันตนที่สูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานและทุพพลภาพ ครอบคลุมพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด โดยให้การฟื้นฟูฯ ที่เหมาะสมครบทุกด้าน อาทิ ด้านการแพทย์ ด้านอาชีพ จิตใจและสังคม ได้แก่

(1) กิจกรรมส่งเสริมการเล่นกีฬาเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพ จนกระทั่งจบการฟื้นฟูสามารถกลับไปดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างอิสระ ประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น

(2) การให้บริการฟื้นฟูด้านอาชีพในหลักสูตรเตรียมเข้าทำงาน จำนวน 5 สาขา ได้แก่ สาขางานสำนักงาน งานสิ่งประดิษฐ์ งานตัดเย็บเสื้อผ้าเบื้องต้น งานไฟฟ้าเบื้องต้น ช่างพื้นฐานอุตสาหกรรม และหลักสูตรฝึกอาชีพ จำนวน 6 สาขา ได้แก่ สาขางานอิเล็กทรอนิกส์ งานตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี งานซ่อมและประกอบคอมพิวเตอร์ งานคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ซ่อมจักรยานยนต์ ช่างเชื่อมอุตสาหกรรม





3. การสร้าง “ชุมชนต้นแบบอารยสถาปัตย์” (Universal Design Community Model) โดยการยกระดับ “เกาะเกร็ด”(หรือ “เกาะเจดีย์เอียง”) ซึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งจังหวัดนนทบุรี มีเป้าหมาย คือ การส่งเสริม และสนับสนุนให้ผู้พิการ หรือผู้ที่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเหลือในการดำเนินชีวิตและการเดินทางหมายรวมถึงผู้สูงอายุ ผู้ป่วยพักฟื้น ตำรวจ-ทหารผ่านศึก เด็กเล็ก และสตรีมีครรภ์ แม้กระทั่งผู้หญิงใส่รองเท้าส้นสูงและกระโปรงสั้น สามารถเดินทางออกจากบ้านไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้โดยสะดวก ปลอดภัย มั่นใจ สามารถมีชีวิตอิสระ ไปไหนมาไหนได้ด้วยตนเองเต็มตามศักยภาพ โดยที่ไม่ต้องตกเป็นภาระของคนรอบข้าง หรือเป็นภาระของสังคมอีกต่อไป



ทั้งนี้ ผมได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ไปแล้ว ว่าทุกโครงการของรัฐ จะต้องคำนึงถึง “การเข้าถึงบริการของรัฐ” อันเป็นสิทธิพื้นฐานและเครื่องหมายแสดงความเท่าเทียมทางสังคม ได้แก่ ใช้บริการระบบขนส่งมวลชน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ห้องน้ำสาธารณะซึ่งจะจัดให้มี“ทางลาด” (Rape) ต้องไม่ลาดชันเกินไป ที่กลุ่มเป้าหมายสามารถเข็นรถเข็น (Wheelchair ) ขึ้นลงเองได้ และไม่อันตรายน่าหวาดเสียวที่สำคัญคือ ทางลาดควรต้องทำให้เชื่อมโยงไปได้ทั่วทุกจุดของสถานที่ หากสถานที่ใดมีบันได ก็ต้องมีทางลาดควบคู่กันไป นอกจากนี้

ทางลาดจะต้องมีขอบกันตก หรือราวจับ ซึ่งจำเป็นมากสำหรับผู้สูงอายุ คนท้อง หรือผู้มีสุขภาพไม่แข็งแรง อีกทั้งพื้นผิวทางลาดต้องไม่ลื่นและไม่แคบ



โครงการชุมชนต้นแบบเกาะเกร็ดนี้เป็นกำลังจะเกิดขึ้น ด้วยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา,กระทรวงคมนาคม,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, องค์กรคนพิการ และเทศบาลนครปากเกร็ด ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการลงพื้นที่สำรวจชุมชน เพื่อเตรียมความพร้อมปรับแบบแปลนโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วมและทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ณ เกาะเกร็ด นนทบุรีครับ

- การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ในระยะเร่งด่วนนั้น

รัฐบาลได้กำหนดแนวทางขับเคลื่อนหลัก 3 ประการสำคัญ คือ

1. จัดประชุม “คณะกรรมการระดับชาติ” เพื่อแสดงความมุ่งมั่น จริงจัง ในการป้องกันและปราบปราม ปัญหาการค้ามนุษย์

2. การจัดตั้ง“ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ” โดยขับเคลื่อนศูนย์แบบ WarRoom มี รัฐมนตรีว่าการฯ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ มีผู้แทนจากส่วนราชการประกอบกำลังร่วมในลักษณะ “ฝ่ายเลขานุการร่วม” เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอบด้าน เกิดเอกภาพในทางปฏิบัติ และมีพลัง

3. การกำหนดมาตรการเร่งรัด เพื่อแก้ไขจุดอ่อนอันสำคัญ 3 ประเด็น คือ

(1) การปรับปรุงแก้ไขกระบวนการยุติธรรมให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว การดำเนินมาตรการทางกฎหมายต้องขยายผลให้สามารถนำตัวผู้กระทำผิดรายใหญ่มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม

(2) ดำเนินมาตรการจัดระเบียบเรือประมงและแรงงานประมง ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาการค้ามนุษย์โดยประสานส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจสอบ จัดระเบียบแรงงาน จดทะเบียนเรือและบุคคลบนเรือและ

(3) ดำเนินมาตรการเกี่ยวกับการควบคุม และคัดแยกผู้หลบหนีเข้าเมืองอย่างรอบคอบ ก็ต้องหาพื้นที่ควบคุมในระหว่างการดำเนินคดี ให้มีมาตรฐาน ไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แล้วต้องเตรียมความพร้อมไม่ให้เกิดปัญหาหรือส่งผลกระทบต่อการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558





ในเรื่องของการแก้ไขกฎหมาย เพื่อขจัดปัญหาใช้ แรงงานเด็กและการค้ามนุษย์

ปัจจุบันทาง กระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกาได้ออกรายงานเกี่ยวกับการใช้แรงงานเด็กของประเทศต่างๆ รวมทั้งเผยรายชื่อประเทศ และสินค้าที่มีเหตุให้เชื่อว่า ยังมีการใช้แรงงานเด็กอย่างไม่ถูกต้อง หนึ่งในนั้นมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย ประกอบกับ ประเทศไทยได้รับรองอนุสัญญาไอแอลโอ (ILO: องค์การแรงงานระหว่างประเทศ) ฉบับที่ 182 ว่าด้วย การขจัดการใช้แรงงานเด็กในรูปแบบที่เลวร้าย เมื่อปี 2544 ผู้ประกอบการต้องร่วมมือนะครับ ท่านต้องสงสารเด็ก อย่าเอาแต่ประโยชน์อย่างเดียวเลย แล้วทำให้มาตรการการค้าการลงทุนต่างๆ มีปัญหา ท่านได้คนเดียว บริษัทเดียว หรือกิจการเดียว แต่คนอื่นเขาเสียหายหมด ทั้งประเทศไม่ได้ เจ้าหน้าที่รัฐก็ต้องเข้มงวด ตรวจตราแล้วดำเนินคดีให้ได้นะครับ



รัฐบาลเป็นห่วงเรื่องนี้นะ ที่เราถูกปรับลดความเชื่อมั่นอะไรต่างๆ ก็มาจากเรื่องเหล่านี้ทั้งนั้น เรื่องเรือประมงบ้าง การใช้แรงงานเด็กแรงงานทาส



เราต้องอุดช่องว่างเหล่านี้ทางกฎหมาย อะไรที่เอื้อให้มีการเลี่ยงกฎหมายได้ก็ต้องแก้ไข เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเป็นปัญหาเราจะยกมาตรฐานการคุ้มครองลูกจ้างแรงงานงานเกษตรกรรมและงานประมง รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยต่อการค้าระหว่างประเทศ



ที่ผ่านมา ครม.คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการกฎกระทรวงจำนวน 2 ฉบับ ได้แก่

1. ร่างกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานเกษตรกรรม มีสาระสำคัญ คือ (1) กำหนดให้นายจ้างจ้างลูกจ้างเข้าทำงานในงานเกษตรกรรม ต้องมีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป

(2) นายจ้างต้องจัดเวลาพักให้ลูกจ้างอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังจากทำงานมาแล้วไม่เกิน 4 ชั่วโมง อันนี้ลูกจ้างก็ต้องทราบนะครับ นายจ้างก็ต้องปฏิบัติ

(3) ห้ามเรียกหลักประกันการทำงานจากลูกจ้างเด็ก

(4) ห้ามมิให้นายจ้างให้ลูกจ้างทำงานอันตราย เช่นงานใช้เลื่อยไฟฟ้า งานปั๊มโลหะ เป็นต้น

(5) นายจ้างต้องจัดให้ลูกจ้างมีสวัสดิการได้แก่ น้ำดื่ม ที่พักอาศัย ที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ เป็นต้น





2.ร่างกฎกระทรวงคุ้มครองแรงงานในงานประมงทะเล มีสาระสำคัญ คือ



(1) บังคับใช้กับเรือประมงทะเลที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป รวมทั้งเรือประมงทะเลที่อยู่นอกราชอาณาจักร ตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป (ตัด)

(2) กำหนดอายุขั้นต่ำที่นายจ้างจะจ้างทำงานประมงทะเลได้ต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปี

(3) กรณีลูกจ้างตกค้างต่างประเทศเนื่องจากการทำงานให้แก่นายจ้างให้นายจ้างจ่ายเงินให้แก่ลูกจ้างไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นต้น ก็จะดูแลทั้งนายจ้างลูกจ้างให้เกิดความเป็นธรรมนะครับ



ช่วงนี้ตัดออก

การดำเนินงานด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด

สำนักงาน ป.ป.ส.ร่วมกับกรมบังคับคดีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการบังคับโทษปรับคดียาเสพติดตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้กระชับและคล่องตัว ตลอดจนให้มีแนวทางปฏิบัติงานในทิศทางเดียวกันของทั้ง 2 หน่วยงาน เพื่อประโยชน์ของรัฐที่จะนําเงินค่าปรับเป็นรายได้เข้าแผ่นดินซึ่งที่ผ่านมาการดําเนินการในการบังคับโทษปรับมีความยุ่งยากซับซ้อนในระเบียบและแนวทางปฏิบัติถือเป็นปัญหาและอุปสรรคสําคัญในการปฏิบัติงานบังคับโทษปรับทําให้ขาดความคล่องตัว ประกอบกับปริมาณคดียาเสพติดเพิ่มมากขึ้นทุกปีจึงจําเป็นต้องลดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้เกิดความคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถดําเนินการยึดทรัพย์สินของผู้กระทําความผิดได้อีกทางหนึ่ง นอกจากที่มีการยึดทรัพย์สินของผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทําความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ.2534 แล้วก็ตาม หากผู้กระทําความผิดยังมีทรัพย์สินที่ไม่สามารถดําเนินการยึด อายัดทรัพย์ได้ตาม พ.ร.บ.มาตรการดังกล่าว การบังคับโทษปรับตามคําพิพากษาของศาลก็สามารถยึดอายัดทรัพย์สินที่ไม่ได้ถูกยึดได้อีกทางหนึ่ง





ในเรื่องของโครงการสนับสนุนการจ้างงานในเขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้กระทรวงแรงงานโดย

สำนักงานประกันสังคม ได้ดำเนิน “โครงการสนับสนุนการจ้างงานในเขตพัฒนาพิเศษ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา (ได้แก่ อำเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และอำเภอเทพา) วงเงินโครงการฯ จำนวน 2,000 ล้านบาท ในการผลักดันให้มีการจ้างงานอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ และให้สถานประกอบการและผู้ประกันตน มีแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ สนับสนุนให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ส่งเสริมการประกอบอาชีพและสนับสนุนการจ้างงานให้กับแรงงานในพื้นที่ ทำให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมเพื่อลดปัญหาการว่างงาน อาชญากรรม ยาเสพติด และปัญหาทางสังคมอื่นๆ ด้วยนะครับ โดยมีวงเงินและอัตราดอกเบี้ยเงินกู้โครงการดังนี้(1) สถานประกอบการรายละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปี คงที่ 5 ปี (2) ผู้ประกันตนรายละไม่เกิน 150,000 บาท อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 6% ต่อปี คงที่ 5 ปี



ปัจจุบันมีธนาคารที่เข้าร่วมโครงการคือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ต้องขอบคุณ และมีการลงนามในบันทึกความร่วมมือเข้าร่วมโครงการ ทั้งนี้



ผู้สนใจยื่นคำขอกู้ตามโครงการดังกล่าว ที่ธนาคารดังกล่าวทั้ง 2 หรือติดต่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1506 หรือสำนักงานประกันสังคมจังหวัดยะลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดสตูล และจังหวัดสงขลา โดยสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงสิ้นปีหน้า วันที่ 31 ธันวาคม 2558





สำหรับการเดินหน้าประเทศไทย ในส่วนของการปฏิรูป ที่ผ่านมานั้น ประเทศหนึ่งในอาเซียน ผมไม่กล่าวนามเคยยิ่งใหญ่ มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วนะครับ วันนี้ก็ต้องประสบภาวะเสื่อมถอยในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการดำเนินนโยบายของรัฐที่ผิดผลาด 3 ประการนำไปสู่ภาวะล้มเหลว(Failed State)

ประการแรก“ขาดธรรมาภิบาล” เล่นพรรคเล่นพวก ขาดสมรรถนะในการบริหารประเทศ สนใจเฉพาะนโยบายที่สร้างคะแนนนิยม ไม่เอาจริงเอาจังกับการวางรากฐากอนาคต ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเสื่อมถอย เศรษฐกิจหดตัว คนตกงาน เงินเฟ้อ การกู้ยืมเงินไปทำโครงการสำคัญไม่สามารถทำได้ ไม่สร้างรายได้ให้ประชาชน เป็นต้น

ประการที่สอง“ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน” ในทุกระดับ ไม่เว้นแม้แต่ในกระบวนการยุติธรรม ทำให้กลายเป็นประเทศที่ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือจากนักธุรกิจ นักลงทุน จากทั้งภายในประเทศและนานาชาติ

ประการที่สาม“การปฏิรูปประเทศ” ที่ขาดความความจริงใจ จริงจัง ทำให้ประเทศติดกับดักถาวร สถานการณ์ทุกมิติไม่ได้รับการแก้ไข พัฒนา ทุกอย่างเหมือนเดิม หรือกลับเลวร้ายกว่าเดิม ทำให้ประเทศล้มเหลว วันนี้ก็ต้องมาแก้ไขกันอีก



สำหรับประเทศไทย ผมคิดว่าเรายังไม่ถึงขั้นนั้น เราก็ต้องรีบดำเนินการหยุดให้ได้ บางอย่างคล้ายคลึง บางอย่างไม่ร้ายแรงเท่า แต่เรื่องที่เป็นปัญหาคือเรื่องทุจริตผิดกฎหมาย ถ้าเราปล่อยปละละเลยกันต่อไป ไม่วางแผน ไม่วางยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน ไม่มีอนาคต ประชาชนยังไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยทีสมบูรณ์ เราก็จะเป็นแบบประเทศเหล่านั้น ไม่ได้รับความเชื่อถือ วันนี้ถ้าเราไม่ทำให้ทุกอย่างมั่นคงแข็งแรงจะเกิด “สูญญากาศแห่งอำนาจ” ใหม่ในการบริหารประเทศ เพราะฉนั้นจะไม่มีหัวหน้ารัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการแก้ไขความขัดแย้งทางการเมืองสำหรับปัญหาเศรษฐกิจที่เป็นภัย 2 ด้านวันนี้เรา คสช. รัฐบาลก็มาดูแล หลังจากมาควบคุมแล้วเราก็ดูแลแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่องเพื่อทำให้เกิดเสถียรภาพ

และเตรียมความพร้อมในการที่จะทะยานออกไปในอนาคต วันนี้ก็เหมือนเสือ เสือกำลังย่อตัวอยู่ พร้อมที่จะทะยานออกต่อไป ในโอกาสอนาคต เพราะอย่างนั้นทุกคนต้องคิดเหมือนกันว่าทำอย่าไร เราจะก้าวไปสู่อนาคตได้ ทำอย่างไรจะมีความพร้อม ได้ ทำอย่างไรจะไม่ผิดพลาดอีก นี่คือการปฏิรูปนะครับ หลักการ



หลีกเลี่ยงความผิดพลาดบทเรียน 3 ประการ ที่ผมกล่าวไปแล้ว ทั้งในต่างประเทศก็มี ประเทศเราก็มีอยู่บ้างนะครับ บางส่วน เกี่ยวข้องกัน

บทเรียนข้อแรก นั้นทำอย่างไรการปฏิรูป เพราะงั้นต้องระวังการบริหารจัดการให้มีความรอบคอบ มีธรรมาภิบาล การวางแผนต้องยึดหลักวางรากฐานอนาคต เยาวชนของเรา คนของเราในอนาคตนะครับ อย่าไปทำอะไรฉาบฉวย คำนึงถึงความยั่งยืน ลดความขัดแย้ง อย่าเอาประเทศไปเสี่ยงภัย ไปต่อสู้กัน ไม่สร้างภาระให้ประเทศโดยไม่จำเป็น การพัฒนาต้องยึดแนวทางเศรษฐกิจแบบพอเพียง ปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็คือ “ความพอประมาณ” ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น,



“ความมีเหตุผล” คือ การตกลงใจใดๆ ต้องพิจารณาทุกเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ทั้งภายในภายนอกนะครับต้องคำนึงถึงผลกระทบที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างรอบด้าน







และ “มีภูมิคุ้มกัน” คือ การเตรียมพร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยต้องมีการคาดการณ์อนาคต ประเมินความเสี่ยงไว้ด้วยอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ต้องมี “ความรู้” และมี “คุณธรรม” ด้วย ในการที่จะเดินหน้าต่อไป

บทเรียนข้อที่สอง ต้องแก้ปัญหาคอร์รัปชันโดยยึดหลัก 3 ประการ คือ การพัฒนาอย่างมีวินัย การต่อต้านคอร์รัปชันอย่าสมยอมกัน การยึดหลักคุณธรรมต้องทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน อย่างเท่าเทียม ไม่เล่นพรรคเล่นพวก และเอาจริงเอาจัง ผมก็พยายามเต็มที่นะ ก็ยังมีข่าวเสมอ เพราะงั้น ถ้าตรวจสอบพบก็ต้องลงโทษทันทีก็ขอข้อมูลด้วยแล้วกันเราจะต้องทำให้เห็นผลในการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ







ผมตีเส้นว่าตั้งแต่ 22 ที่เราเข้ามาจะต้องกระทำผิดอีกไม่ได้ ถ้าทำผิดก็ต้องมาเข้าสู่ขบวนการ เราคงใช้ศาลประชาชนไม่ได้นะ ก็คงเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม เพราะงั้นถ้าเราดำเนินการกับตัวการใหญ่ๆ นี่ จะทำให้เป็นเยี่ยงอย่าง ไม่เกิดกาเอาเยี่ยงเอาอย่างต่อไป ให้เกิดความเกรงกลัว จะได้มีจิตสำนึกกันซะบ้างและมีความละอายในการกระทำความผิดนั้น

สังคมก็ต้องปฏิเสธคนเหล่านี้ บางคนก็โกงแล้วโกงอีกอยู่นั้นแหละ ก็สู้ตามกฎหมาย แล้วก็บางทีก็ชนะนะ เพราะกฎหมายไม่ใช่ คือเขาเปิดโอกาสให้ต่อสู้กันด้วยหลักนิติธรรมนะ ทุกคนก็หาหลักฐานมาสู้กัน บางทีก็ชนะ ชนะไปก็ทำใหม่อีก อย่างนี้ไม่ได้นะ สังคมก็ต้องปฏิเสธคนเหล่านี้นะ

บทเรียนที่สามที่ เราจะปฏิรูปสำคัญที่สุด คือ 5 สาย หรือ 5 ฝ่าย ที่เราทำไว้แล้วปัจจุบัน ครม., คสช., สปช., สนช. และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ นี่ผมให้แนวทางไปบ้างแล้ว ขอให้ทั้ง 5 ส่วนนี่ บูรณาการกันให้ดีอย่าสร้างปัญหาใหม่ แล้วทำอะไรออกมาก็ตาม ร่างอะไรออกมาก็ตาม ต้องได้รับการยอมรับ









แต่ผมว่าจะทำให้ยอมรับทั้งหมดคงไม่ได้ แต่จะหาทางลงเอยกันตรงไหน พออกพอใจกันทุกฝ่าย ถ้าทุกฝ่ายต้องการของตัวเองทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ ขอให้คำนึงถึงว่าประเทศชาติจะไปทางไหนในอนาคตนะ เดี๋ยวพอเราเลือกตั้ง จะเลือกตั้งกันยังไง ขบวนการเลือกตั้งจะเป็นแบบไหน ใครจะเข้ามา ใครจะเป็นรัฐบาล ใครจะเป็นนายกกระบวนการบริหารราชการแผ่นดิน การถ่วงดุลอำนาจ 3 อำนาจ ภายใต้พระมหากษัตริย์ อำนาจของพระมหากษัตริย์ ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นรัฐธรรมนูญของเราอยู่แล้วในระบอบนี้นะครับ

เพราะงั้นทั้งหมดนี่ต้องมาว่ากันทั้งหมด แล้วก็ในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดิน เหล่านี้ต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุล

ที่สำคัญที่สุดคือการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน แล้วก็ในส่วนที่ ต้องมองประชาชนเป็นศูนย์กลาง การบริหาราชการแผ่นดิน ต้องมองประชาชนเป็นศูนย์กลางว่า ทำอย่างไร ประชาชนจะได้ผลประโยชน์มากที่สุด เป็นที่เพียงพอ ข้าราชการ ผู้บริหารก็ต้องซื่อสัตย์สุจริตโปร่งใส นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว อันนี้เป็นปัจจัยสำคัญนะ พูดง่ายๆ ก็คือ มีคุณธรรม จริยธรรม มีธรรมาภิบาล เท่านั้นแหละนะ เพราะฉะนั้น ถ้าเรามองประชาชนเป็นที่ตั้ง มันก็สำเร็จหมด

ปัจจัยเสริมอีก 2 ประการสู่ความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศครั้งนี้ คือ (1) การก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยแสวงหาจุดร่วมและการปรองดอง ปรองดองก็คือปรองดองนะ วันนี้อยากให้ทุกที่ ทุกหน่วยงาน ทุกพื้นที่ หากิจกรรมมีความปรองดอง เล่นกีฬาด้วยกัน ฟังเพลง อะไรทำนองนี้นะ นี่คือปรองดองนะ ถ้าทุกคนทุกฝ่ายอยากจะปรองดอง ไม่ว่าจะฝ่ายการเมือง ข้าราชการ ประชาชน พ่อค้า ถ้าปรองดองกันไป พูดคุย ไม่เคยคุยกัน เคยทะเลาะกัน เคยเห็นต่างกันก็คุยกันก็แค่นั้นปรองดอง ง่ายๆ ใจ ต้องเริ่มที่ใจก่อน ใครมาบังคับท่านก็ไม่ได้ ท่านต้องปรองดอง ถ้าใจท่านไม่ปรองดอง แล้วใครบังคับ ก็ไม่ปรองดอง นี่คือสิ่งที่ต้องปรองดองเริ่มที่ตัวท่านเองก่อน

เพราะงั้นผมอยากให้ใช้ 5 ธันวา นี่ วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปรองดองกันซะ ทกพวก แล้วก็หาตรงกลางออกมาให้ได้ว่าเราจะทำอย่างไร ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าระยะที่เราต้องปฏิรูปใช้เวลาเท่าไร แล้วต่อจากนั้น เลือกตั้งไปแล้วจะต้องปฏิรูปต่อไปยังไง มันต้องเดินต่อต้องทำต่อ ไม่งั้นก็เสียเวลาเปล่า

(2) สำหรับการตื่นตัวของประชาชน นั้นวันนี้ผมดีใจนะทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม แล้วก็มีการสื่อสารเข้ามาแล้วนะวันนี้

ทุกกลุ่ม ทั้งหมดเรามี 11 กลุ่ม วันนี้ก็ส่งข้อมูลเข้ามาที่สภาปฏิรูป แล้วส่งมาที่รัฐบาลก็มี แล้ววันนี้ผมให้ไปตามเก็บมานะ จากนักวิชาการ นิสิตนักศึกษา ก็มีสรุปมา ผมก็เอามาอ่านดู ก็ดีนะเป็นความคิดของคนรุ่นใหม่แต่เราก็ต้องมาปรับหากันนะ

วันนี้ผมขอร้องอย่างเดียวว่าถ้าเรายังขัดแย้งกันต่อต้านกันเรื่องประชาธิปไตย ก็ไปไม่ได้.. ไปไม่ได้เลย ประชาธิปไตยอะไรก็ไปไม่ได้



วันนี้ถ้าเราไม่ต่อต้านกัน ไม่ขัดแย้งกัน พูดคุยกันดีๆ แล้วก็ยอมรับในหลักการซึ่งกันและกัน ภายใต้การปรองดองด้วยหัวใจดีๆ แล้วยอมรับในหลักการซึ่งกันและกัน ภายใต้การปรองดองด้วยหัวใจของพวกเราทุกคนนะ ไม่มาต่อสู้กันอีก ไม่เอาความขัดแย้งมาเกิดขึ้นอีกไม่ใช้การเมือง มานำประชาชนเป็นพวกเป็นฝ่าย คิดว่าบ้านเราก็ไม่เกิดวิกฤติอีกต่อไป ไม่มีความเสี่ยงนะ

เราพร้อมที่จะเดินหน้าประเทศเราพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางของอาเซี่ยน เราพร้อมในทุกมิติ แต่เรายังไม่พร้อมในเรื่องของการขจัดความขัดแย้ง แล้วก็การเมืองที่เป็นประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ มีระบบธรรมาภิบาล แล้วในเรื่องของการทุจริตผิดกฎหมาย อะไรเหล่านี้ต้องเลิกหมด แต่รัฐบาลปัจจุบัน และ คสช. ไม่ยอมแพ้นะครับ ยังมีพลังอยู่ ยังมีกำลังใจอยู่นะในการที่จะดำเนินการต่อไปให้ได้ เพื่อจะก้าวให้พ้นกับดักเหล่านี้ให้ได้



เพราะงั้น เวลานี้เป็นเวลาสำคัญที่จะให้คนไทยทุกคนได้ปฏิรูปในทุกมิติ แล้วก็แบ่งการปฏิรูปเป็น 3 ระดับด้วยกัน เร่งด่วน 1 ปี แล้วก็ส่งต่อๆ ไป อาจจะต้องมีองค์กรที่ดูแลในเรื่องนี้ มีกฎหมาย มีอะไรต่างๆ อันนี้ก็คงเป็นหลักการเท่านั้นเอง ผมคิดว่าในสภาปฏิรูป ในคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ สนช. เขาเก่งอยู่แล้วทุกคน เป็นผู้แทนมาจากหลายส่วน ก็ทำได้แน่นอน



ก็ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ให้ความไว้วางใจกับพวกเรา คสช. และรัฐบาล ทุกเรื่องนะเราทำเยอะมาก เยอะ บางที่อาจจะยังไม่มีผล อาจจะอยู่ในขั้นตอนกระบวนการ เขาเรียกว่า กระบวนการโปรเสธไง มันเยอะนะ จะทำอะไรสั่งอะไร ไม่ใช่สั่งปากเปล่า เพราะงั้นอาจจะไม่ทันใจ ให้ไปดูจริงๆ ว่าเราทำอะไรไปแล้วบ้างมีทุกอย่างทั้งทำเร่งด่วน ทำทันที มีผลสัมฤทธิ์ แล้วก็เตรียมส่งต่อ มีทั้ง 3 อย่าง แยกๆ เอานะ

เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องการรับมอบโบราณวัตถุจากอเมริกากลับคืนสู่ประเทศไทย เมื่อประมาณสัก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 19 มั้ง สหรัฐอเมริกาได้ส่งมอบโบราณวัตถุจำนวน 554 ชิ้น ซึ่งเดิมเก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Bowers (บาวเออร์ส) เมืองซานตาอานา มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้กลับมาอยู่ในความครอบครองของเรา ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ก่อนที่จะถูกเคลื่อนย้ายไปเก็บรักษาไว้ ณ คลังกลาง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรมศิลปากรต่อไป โบราณวัตถุส่วนมากเป็นโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะจากแหล่งวัฒนธรรมบ้านเชียง การส่งคืนโบราณวัตถุครั้งนี้ นับว่ามีจำนวนมากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จึงนับเป็นเรื่องที่น่ายินดีของประชาชนชาวไทยที่ได้มรดกเก่าแก่ล้ำค่าคืนกลับสู่แผ่นดินไทย เรามีมากมาย แต่กระจัดกระจายไปทั่ว วันหน้าเราต้องเอามา เอามรดกของแผ่นดิน แล้วก็ให้ประชาชนได้ชื่นชม ได้ภูมิใจ ในความเป็นชาติ ในความเป็นคนไทย ถ้าเราไม่รู้ว่าประวัติศาสตร์เราเป็นอย่างไร ไม่รู้ความเป็นมาของเรา ไม่มีหักฐานทางประวัติศาสตร์เลย เราก็ไม่ภูมิใจนะ ไม่ภูมิใจในความเป็นคนไทยจะทะเลาะเบาะแว้ง ขัดแย้งกันต่อไปอีกไม่ได้ คนไทยต้องรักกัน

เพราะงั้น ในนามของรัฐบาล จึงขอขอบคุณรัฐบาลสหรัฐอเมริกาสำหรับการให้ความร่วมมือในครั้งนี้ รวมทั้ง เป็นการแสดงระดับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนของทั้ง 2 ประเทศมาเกือบ 200 ปี (นับแต่ พ.ศ.2376 – 2557)

เรื่องต่อไปเรื่อง พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้นำกลับไปปรับปรุงแก้ไข และ ส่งมาให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พิจารณาตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง เพื่อนำส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจสอบแก้ไขตามหลักของกฎหมายนะครับ ที่ผ่านมานั้นเราได้มีการเตรียมการเสนอไปแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ทันสมัยเพราะร้างเอาไว้ตั้งแต่ 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อจะแก้ไขปัญหาเรื่องการชุมนุม แต่ขณะนี้การชุมนุมได้เปลี่ยนรูปแบบ ไปแล้ว เราต้องพัฒนาให้ตรงไปตามรูปแบบเหล่านั้นนะครับ ก็ต้องขอร้องรัฐบาลทุกรัฐบาลนะครับ ความมุ่งหมายของ พรบ. นี้ก็เพื่อจะดูแลทั้งผู้ชุมนุม ดูแลประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการแล้วก็ในเรื่องของการคุ้มครองสถานที่ สถานที่ราชการ ในการออกกฎหมายนี้ใช้มาตรฐานเดียวกันนะครับ อย่ามาคิดว่าเราทำเพื่อรัฐบาลผม อะไรอย่างนี้ ทำเพื่อทุกรัฐบาลนั่นแหละในอนาคตนะ ใช้มาตรฐานเดียวกับกฎหมายต่างประเทศ เช่น ฝรั่งเศส และ เกาหลี ขณะเดียวกันก็ระมัดระวังไม่ให้เกิดปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน โดยจะกำหนดรูปแบบการชุมนุม เช่น การชุมนุมของผู้ใช้แรงงาน การชุมนุมทางการเมืองจะทำยังไง ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเหลือจะทำยังไง นะครับ

กฎหมายเหล่านี้หรือกฎหมายเรื่องนี้นั้นวัตถุประสงค์ คุ้มครองประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องจะได้ไม่เดือดร้อน ไม่ได้รับผลกระทบ ไม่ถูกละเมิดสิทธิพื้นฐาน ในขณะเดียวกันก็คุ้มครองเจ้าหน้าที่ ในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติงานตามหน้าที่ด้วยครับ.

คือไม่อยากใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่ก็ลำบากใจนะ เวลาทำนี่ แต่จะไม่ทำก็ไม่ได้ เพราะเป็นหน้าที่ เป็นกฎหมาย พอทำแล้วก็ไม่อยากใช้ความรุนแรง ไม่ต้องการใช้อาวุธ ใช้อะไรสักอย่างเลย แต่ก็ต้องระมัดระวังสำหรับผู้ที่ชุมนุมแล้วเอาอาวุธมาด้วย ก็ยังมีหลายคดีอยู่ในศาล ในกระทรวงยุติธรรม ที่ผ่านมามีหลายคนอยู่นะ เพราะงั้นต่อไปต้องไม่มี ต้องไม่เกิดขึ้น

เห็นใจเจ้าหน้าที่บ้างนะครับ ลำบากนะ ไม่ทำก็ไม่ได้ถูกสั่งมาก็ต้องปฏิบัติแล้เมื่อมีการใช้อาวุธจะทำยังไง เจ้าหน้าที่จะป้องกันตัวเองได้อย่างไร ให้ปลอดภัย

ช่วยกันคิดหน่อย ช่วยกันคิด แล้วก็ไปปริยัติติกันเข้ามา เสนอเข้าไปใน สนช. ก็ได้ ว่าอยากจะทำยังไง แต่ไม่มีไม่ได้ พรบ. เหล่านี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นสากล

วันหน้าก็เกิดอีกทุกเรื่อง ผมไม่อยากให้การทำงานของพวกเรา ความยากลำบากของพวกเราแล้วก็ประสบการณ์ในอดีต ทำให้คนไทยต้องถอยหลังกลับไปติดหล่ม หรือติดกับดักเหมือนเดิมอีก

ต้องขอร้องกันนะครับ ขอความร่วมมือ ผมพยายามที่จะปรับการทำงานของรัฐบาลอยู่เสมอ แม้ตัวผมเองผมก็ปรับอยู่นะครับ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งสิ้นทั้งปวง ขอขอบคุณอีกครั้งนะครับ

สำหรับวันนี้แต่งชุดเรียบร้อย เพราะมีงานหลายอย่างที่ต้องปฏิบัติ ทั้งเป็นราชการด้วยอะไรด้วย วันๆ ก็แก้ปัญหาหลายอย่างอยู่แล้ว แต่ไม่เป็นไร ทำเพื่อพ่อแม่พี่น้องคนไทยทุกคนนะครับ เพื่ออนาคตของพวกเรา ความรู้คู่คุณธรรม นำสู่อนาคต นะครับ

สวัสดีครับ.. ขอบคุณครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น