ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์(1ธ.ค.) ปิดลบเล็กน้อย จากแรงฉุดของกลุ่มค้าปลีก ในนั้นรวมถึงบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างแอปเปิล หลังจากยอดขายวัน "แบล็คฟรายเดย์" ช่วงปลายสัปดาห์ที่แล้ว ออกมาน่าผิดหวัง
ดาวโจนส์ ลดลง 51.44 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,776.80 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 14.12 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,053.44 จุด แนสแดค ลดลง 64.28 จุด (1.34 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,727.35 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจาก NRF รายงานว่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากโปรโมชั่นส่งเสริมการขายล่วงหน้า การซื้อของออนไลน์ และเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นนั้น ได้เปลี่ยนรูปแบบการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดของปี
ผลสำรวจประเมินว่ายอดการใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาของปีนี้ อยู่ที่ระดับ 5.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าระดับ 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ย.ลดลงแตะ 54.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และสถาบัน ISM ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 58.7 จาก 59.0 ในเดือนต.ค.
หุ้นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ร่วงลง รวมถึงหุ้นวอล-มาร์ทซึ่งปรับตัวลง 1.51% และหุ้นเมซี ดิ่งลง 2.65%
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 3.26% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 6.4% ในระหว่างวัน
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้นกว่า 2% ขณะที่หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม คอร์ป พุ่งขึ้น 3.8% และหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ทะยานขึ้น 2.6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.จาก ADP , ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ
ส่วนในวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.
ดาวโจนส์ ลดลง 51.44 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,776.80 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 14.12 จุด (0.68 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,053.44 จุด แนสแดค ลดลง 64.28 จุด (1.34 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,727.35 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา หลังจาก NRF รายงานว่าการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้าปรับตัวลงเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่ปี 2551 เนื่องจากโปรโมชั่นส่งเสริมการขายล่วงหน้า การซื้อของออนไลน์ และเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นนั้น ได้เปลี่ยนรูปแบบการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งเป็นช่วงสุดสัปดาห์ที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดของปี
ผลสำรวจประเมินว่ายอดการใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงวันขอบคุณพระเจ้า ตั้งแต่วันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมาของปีนี้ อยู่ที่ระดับ 5.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่ำกว่าระดับ 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนพ.ย.ลดลงแตะ 54.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน และสถาบัน ISM ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย.ลดลงสู่ระดับ 58.7 จาก 59.0 ในเดือนต.ค.
หุ้นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ร่วงลง รวมถึงหุ้นวอล-มาร์ทซึ่งปรับตัวลง 1.51% และหุ้นเมซี ดิ่งลง 2.65%
หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 3.26% หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักถึง 6.4% ในระหว่างวัน
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้นกว่า 2% ขณะที่หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม คอร์ป พุ่งขึ้น 3.8% และหุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ทะยานขึ้น 2.6%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนพ.ย.จาก ADP , ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนพ.ย. และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ
ส่วนในวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และในวันศุกร์จะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.