น้ำมันดิ่งแรงมื่อวันจันทร์(3พ.ย.) เหตุซาอุดีอาระเบียปรับลดราคาแก่ลูกค้าสหรัฐฯ หลังต้องเผชิญกับผลผลิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจากอเมริกาเหนือ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2012 หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วน้ำมันดิบชนิดนี้ปรับลดถึงร้อยละ 12 และหากนับตั้งแต่ต้นปี มันร่วงลงไปแล้วกว่าร้อยละ 20 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากตลอดทั้งเดือนตุลาคม ปรับลดลงถึงร้อยละ 9.3
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่าการปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่มีมุมมองเป็นบวกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความผันผวของข้อมูลภาคการผลิตในสหรัฐ โดยมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนต.ค.ลดลงแตะ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 57.5 ในเดือนก.ย.
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59 จาก 56.6 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 9.509 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.76 ดอลลาร์ ปิดที่ 78.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2012 หลังจากเมื่อเดือนที่แล้วน้ำมันดิบชนิดนี้ปรับลดถึงร้อยละ 12 และหากนับตั้งแต่ต้นปี มันร่วงลงไปแล้วกว่าร้อยละ 20 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.08 ดอลลาร์ ปิดที่ 84.78 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากตลอดทั้งเดือนตุลาคม ปรับลดลงถึงร้อยละ 9.3
สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจากมีรายงานว่าการปิโตรเลียมซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบที่ส่งออกให้กับสหรัฐ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่มีมุมมองเป็นบวกว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ตลาดน้ำมันนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความผันผวของข้อมูลภาคการผลิตในสหรัฐ โดยมาร์กิตเปิดเผยผลสำรวจที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนต.ค.ลดลงแตะ 55.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จาก 57.5 ในเดือนก.ย.
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 59 จาก 56.6 ในเดือนก.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนก.ย.ปรับตัวลง 0.4% สู่ระดับ 9.509 แสนล้านดอลลาร์ โดยเป็นการปรับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐในรอบสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ต.ค.เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล แตะ 379.7 ล้านบาร์เรล และสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอคลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งน้ำมัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 776,000 บาร์เรล สู่ระดับ 21.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย.