ราคาน้ำมันโลกวานนี้(28ต.ค.) ขยับขึ้นเล็กน้อย หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดที่ 81.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 86.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 94.5 จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 89.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนต.ค.เคลื่อนไหวในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 87.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แรงบวกของสัญญาน้ำมันดิบได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 1.3% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น 0.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนของสหรัฐวางแผนที่จะลดการลงทุนทางธุรกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากบาร์เคลย์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจชื่อดังของอังกฤษ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงสู่ระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า และลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลงสู่ระดับ 93 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ต.ค.ได้ปรับตัวสูงขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 377.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27 พ.ย.นี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ ปิดที่ 81.42 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ ปิดที่ 86.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งการอ่อนค่าของดอลลาร์จะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งซื้อขายในรูปสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่นๆ
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นขานรับรายงานของคอนเฟอเรนซ์ บอร์ดซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐในเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับ 94.5 จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 89.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเดือนต.ค.เคลื่อนไหวในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายปี 2550 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 87.0 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีความมั่นใจในแนวโน้มเศรษฐกิจและตลาดแรงงานภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม แรงบวกของสัญญาน้ำมันดิบได้ถูกสกัดลงในระหว่างวัน หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย.ปรับตัวลดลง 1.3% ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น 0.5% ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนของสหรัฐวางแผนที่จะลดการลงทุนทางธุรกิจ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากบาร์เคลย์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจชื่อดังของอังกฤษ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI ลงสู่ระดับ 85 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า และลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ลงสู่ระดับ 93 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนจับตาดูรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ ซึ่งสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพุธนี้ หลังจากสต็อกน้ำมันดิบในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 17 ต.ค.ได้ปรับตัวสูงขึ้น 7.1 ล้านบาร์เรล แตะที่ 377.7 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.1 ล้านบาร์เรล
นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27 พ.ย.นี้ โดยมีกระแสคาดการณ์ว่าโอเปคอาจจะปรับลดปริมาณการผลิตเพื่อสกัดการเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันในตลาดโลก
