ดัชนีหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างทรงตัวเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดขยับลงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้นปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นครั้งที่หกในรอบเจ็ดวันทำการที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะซื้อขายที่ค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากนักลงทุนส่วนหนึ่งชะลอการเข้าลงทุน หลังจากที่ตลาดเคลื่อนไหวแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ และทำสถิติใหม่หลายครั้งในรอบสัปดาห์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดลง 18.05 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 17,634.74 จุด ดัชนี S&P500 ขยับขึ้น 0.49 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 2,039.82 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 8.40 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 4,688.54 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) โดยภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มบริการสุขภาพ และกลุ่มเหมือง ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสสาม แต่การฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 335.63 จุด โดยทั้งสัปดาห์ดัชนีขยับขึ้น 0.1%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 14.51 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 4,202.46 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 4.43 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 9,252.94 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 18.92 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 6,654.37 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นได้ช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มบริษัทพลังงานดีดตัว ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งรวมถึงจีดีพียุโรป และผลผลิตภาคการก่อสร้างของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 18.92 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 6,654.37 จุด หลังจากที่ร่วงลง 0.4% ในช่วงแรกของการซื้อขาย สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีเพิ่มขึ้น 1.2% ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบสี่ปีเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปคอาจตัดสินใจลดกำลังการผลิตเพื่อหนุนราคาน้ำมันที่ร่วงลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 75.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. สำหรับตลอดสัปดาห์ ราคาร่วงลง 3.6%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 1.92 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 79.41 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 5.4% ในรอบสัปดาห์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) เนื่องจากได้แรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นวันที่สอง และจากการที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าโอเปคอาจลดกำลังการผลิต
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 24.1 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 1,185.6 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินเยน หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ ได้แก่ ยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสนับสนุนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2487 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5680 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5718 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 116.25 เยน เทียบกับระดับ 115.71 เยน ลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9591 ฟรังค์ จาก 0.9625 ฟรังค์ และลดลงแตะ 1.1283 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.1364 ดอลลาร์แคนาดา
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดลง 18.05 จุด หรือ 0.10% ปิดที่ 17,634.74 จุด ดัชนี S&P500 ขยับขึ้น 0.49 จุด หรือ 0.02% ปิดที่ 2,039.82 จุด ดัชนี NASDAQ เพิ่มขึ้น 8.40 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 4,688.54 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเล็กน้อยเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) โดยภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มบริการสุขภาพ และกลุ่มเหมือง ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยตัวเลขจีดีพีซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสสาม แต่การฟื้นตัวยังคงเป็นไปอย่างซบเซา
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.1% ปิดที่ 335.63 จุด โดยทั้งสัปดาห์ดัชนีขยับขึ้น 0.1%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 14.51 จุด หรือ 0.35% ปิดที่ 4,202.46 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 4.43 จุด หรือ 0.05% ปิดที่ 9,252.94 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนเพิ่มขึ้น 18.92 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 6,654.37 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) หลังจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นได้ช่วยหนุนให้หุ้นกลุ่มบริษัทพลังงานดีดตัว ขณะเดียวกันมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ ซึ่งรวมถึงจีดีพียุโรป และผลผลิตภาคการก่อสร้างของอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 18.92 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 6,654.37 จุด หลังจากที่ร่วงลง 0.4% ในช่วงแรกของการซื้อขาย สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีเพิ่มขึ้น 1.2% ซึ่งปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงลงอย่างหนักแตะระดับต่ำสุดในรอบสี่ปีเมื่อวันก่อน นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายได้แรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากลุ่มโอเปคอาจตัดสินใจลดกำลังการผลิตเพื่อหนุนราคาน้ำมันที่ร่วงลงต่ำกว่า 80 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบสี่ปี
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 1.61 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 75.82 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 3 ก.ย. สำหรับตลอดสัปดาห์ ราคาร่วงลง 3.6%
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนม.ค.ปรับตัวขึ้น 1.92 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 79.41 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 5.4% ในรอบสัปดาห์
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) เนื่องจากได้แรงหนุนจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรเป็นวันที่สอง และจากการที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าโอเปคอาจลดกำลังการผลิต
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 24.1 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 1,185.6 ดอลลาร์/ออนซ์
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบสกุลเงินยูโรเมื่อวันศุกร์ (14 พ.ย.) หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลดลง แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินเยน หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ ได้แก่ ยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสนับสนุนมุมมองที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวแข็งแกร่งขึ้น
เงินยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2525 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2487 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5680 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5718 ดอลลาร์
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวสูงขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 116.25 เยน เทียบกับระดับ 115.71 เยน ลดลงเมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ระดับ 0.9591 ฟรังค์ จาก 0.9625 ฟรังค์ และลดลงแตะ 1.1283 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.1364 ดอลลาร์แคนาดา