ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ตุลาคม 2557) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,399.67 จุด เพิ่มขึ้น 19.26 จุด หรือ +0.12% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,316.07 จุด เพิ่มขึ้น 57.63 จุด หรือ +1.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,904.01 จุด เพิ่มขึ้น 17.25 จุด หรือ +0.91%
ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) ซึ่งเปิดเผยว่าผลประกอบการช่วงไตรมาส 3 ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. ลดลง 4% แตะ 2.24 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 2.34 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชน ซึ่งมุมมองดังกล่าวช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งในสัปดาห์นี้ รวมถึงโคคา-โคลา, แมคโดนัลด์ คอร์ป,โบอิ้ง โค และแคทเทอร์พิลลาร์
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ตุลาคม 2557) ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 317.01 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,991.24 จุด ลดลง 41.94 จุด หรือ -1.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,717.76 จุด ลดลง 132.51 จุด หรือ -1.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,267.07 จุด ลดลง 43.22 จุด หรือ -0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากบริษัทหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการ รวมถึงบริษัท SAP ซึ่งระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานในปี 2557 อาจจะอยู่ที่ 5.8 พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6 พันล้านยูโร
หุ้นรอยัล ฟิลิปส์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 536 ล้านยูโรในไตรมาส 3 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 554 ล้านยูโร ส่วนยอดขายอยู่ที่ 5.55 พันล้านยูโรโซน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของธนาคารกลางเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ ที่ระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีความคล้ายคลึงกับในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของเยอรมนีหดตัวลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ การขยายตัวของเยอรมนีเผชิญกับความไม่แน่นอนนับตั้งแต่ไตรมาส 2 เมื่อเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป หดตัวลง 0.2% หลังจากที่ขยายตัว 0.7% ในช่วงต้นปีนี้
ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการของบริษัทอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชีนส์ คอร์ป (IBM) ซึ่งเปิดเผยว่าผลประกอบการช่วงไตรมาส 3 ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. ลดลง 4% แตะ 2.24 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ 2.34 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ตลาดดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทเอกชน ซึ่งมุมมองดังกล่าวช่วยหนุนตลาดปิดในแดนบวก ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทหลายแห่งในสัปดาห์นี้ รวมถึงโคคา-โคลา, แมคโดนัลด์ คอร์ป,โบอิ้ง โค และแคทเทอร์พิลลาร์
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (20 ตุลาคม 2557) ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.5% ปิดที่ 317.01 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,991.24 จุด ลดลง 41.94 จุด หรือ -1.04% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,717.76 จุด ลดลง 132.51 จุด หรือ -1.50% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,267.07 จุด ลดลง 43.22 จุด หรือ -0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงหลังจากบริษัทหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการ รวมถึงบริษัท SAP ซึ่งระบุว่า กำไรจากการดำเนินงานในปี 2557 อาจจะอยู่ที่ 5.8 พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ก่อนหน้านี้ที่ 6 พันล้านยูโร
หุ้นรอยัล ฟิลิปส์ ร่วงลง 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยปรับตัวลดลงสู่ระดับ 536 ล้านยูโรในไตรมาส 3 ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 554 ล้านยูโร ส่วนยอดขายอยู่ที่ 5.55 พันล้านยูโรโซน ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของธนาคารกลางเยอรมนี หรือ บุนเดสแบงก์ ที่ระบุว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะมีความคล้ายคลึงกับในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจของเยอรมนีหดตัวลงเล็กน้อย
ทั้งนี้ การขยายตัวของเยอรมนีเผชิญกับความไม่แน่นอนนับตั้งแต่ไตรมาส 2 เมื่อเศรษฐกิจเยอรมนี ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของยุโรป หดตัวลง 0.2% หลังจากที่ขยายตัว 0.7% ในช่วงต้นปีนี้
