ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) ร่วงลงแรง แนสแดคปิดลบกว่าร้อยละ 2 ตามหลังแนวโน้มอันซึมเซาของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ดาวโจนส์ ลดลง 115.11 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,544.14 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 22.08 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,906.13 จุด แนสแดค ลดลง 102.10 จุด (2.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,276.24 จุด
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแนสแดคดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทไมโครชิพ เทคโนโลยีได้ออกรายงานเตือนว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้เข้าสู่ภาวะปรับฐานแล้ว และจะเข้าสู่ภาวะ ปรับฐานลง เป็นวงกว้างในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขณะที่หุ้นของไมโครชิพ เทคโนโลยี ร่วงลง 12.26% หุ้นอินเทล คอร์ป ดิ่งลง 5.1% หุ้นไมครอน เทค ร่วงลง 9.3% และหุ้นเอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดัคเตอร์ ดิ่งลง 12.4%
ด้านสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 90.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะเผชิญอุปสรรคในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่รัฐมนตรีคลังของเยอรมนีออกมาเตือนเรื่องการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แบบเดียวกับในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการขัดแย้งกับที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า อีซีบีพร้อมที่จะใช้มาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในยูโรโซน
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 321.62 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,788.81 จุด ร่วงลง 216.21 จุด หรือ -2.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,073.71 จุด ลดลง 67.74 จุด หรือ -1.64% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,339.97 จุด ลดลง 91.88 จุด หรือ -1.43%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอีซีบีพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังชะลอตัวลงอย่างหนัก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,221.7 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดทั้งสัปดาห์นั้น สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์
ดาวโจนส์ ลดลง 115.11 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,544.14 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 22.08 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,906.13 จุด แนสแดค ลดลง 102.10 จุด (2.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,276.24 จุด
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้นแนสแดคดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทไมโครชิพ เทคโนโลยีได้ออกรายงานเตือนว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้เข้าสู่ภาวะปรับฐานแล้ว และจะเข้าสู่ภาวะ ปรับฐานลง เป็นวงกว้างในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขณะที่หุ้นของไมโครชิพ เทคโนโลยี ร่วงลง 12.26% หุ้นอินเทล คอร์ป ดิ่งลง 5.1% หุ้นไมครอน เทค ร่วงลง 9.3% และหุ้นเอ็นเอ็กซ์พี เซมิคอนดัคเตอร์ ดิ่งลง 12.4%
ด้านสัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 90.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) อาจจะเผชิญอุปสรรคในการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่รัฐมนตรีคลังของเยอรมนีออกมาเตือนเรื่องการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แบบเดียวกับในสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการขัดแย้งกับที่นายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีได้ออกมาส่งสัญญาณก่อนหน้านี้ว่า อีซีบีพร้อมที่จะใช้มาตรการ QE เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในยูโรโซน
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 1.6% ปิดที่ 321.62 จุด ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,788.81 จุด ร่วงลง 216.21 จุด หรือ -2.40% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,073.71 จุด ลดลง 67.74 จุด หรือ -1.64% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,339.97 จุด ลดลง 91.88 จุด หรือ -1.43%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) หลังจากนายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ส่งสัญญาณว่าอีซีบีพร้อมที่จะใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจยูโรโซนกำลังชะลอตัวลงอย่างหนัก
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อันเป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 3.6 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,221.7 ดอลลาร์/ออนซ์ อย่างไรก็ตาม ตลาดทั้งสัปดาห์นั้น สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.4% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ครั้งแรกในรอบ 6 สัปดาห์