ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (15ต.ค.) ขยับลงแรง ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน จากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ และเริ่มมีความวิตกมากขึ้นเรื่อยๆเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของอีโบลา
ดาวโจนส์ ลดลง 173.45 จุด (1.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,141.74 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.21 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,862.49 จุด แนสแดค ลดลง 11.85 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,215.32 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ จีน และเยอรมนี โดยเมื่อวานนี้ สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์จากผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐลดลง 0.1% ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งเป็นการสำรวจกิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ร่วงลงแตะ 6.17 ในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 27.54 ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจขยับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. น้อยกว่าที่ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของจีนและเยอรมนีนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนก.ย.ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงรุนแรงมากกว่าที่คาด และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2553 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับเดือนส.ค.และก.ค.
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ตุลาคม 2557) ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.2% ปิดที่ 311.36 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,939.72 จุด ร่วงลง 148.53 จุด หรือ -3.63% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,571.95 จุด ร่วงลง 253.26 จุด หรือ -2.87% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,211.64 จุด ลดลง 181.04 จุด หรือ -2.83%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเนื่องนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งเป็นการสำรวจกิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ร่วงลงแตะ 6.17 ในเดือนต.ค. จากระดับ 27.54 ในเดือนก.ย. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์จากผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับเดือนส.ค.และก.ค. โดยเงินเฟ้อของเยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ให้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจที่ตกต่ำในภูมิภาค
ดาวโจนส์ ลดลง 173.45 จุด (1.06 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,141.74 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 15.21 จุด (0.81 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,862.49 จุด แนสแดค ลดลง 11.85 จุด (0.28 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,215.32 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ จีน และเยอรมนี โดยเมื่อวานนี้ สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์จากผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐลดลง 0.1% ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งเป็นการสำรวจกิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ร่วงลงแตะ 6.17 ในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 27.54 ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจขยับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. น้อยกว่าที่ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของจีนและเยอรมนีนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนก.ย.ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงรุนแรงมากกว่าที่คาด และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2553 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับเดือนส.ค.และก.ค.
ด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (15 ตุลาคม 2557) ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.2% ปิดที่ 311.36 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,939.72 จุด ร่วงลง 148.53 จุด หรือ -3.63% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,571.95 จุด ร่วงลง 253.26 จุด หรือ -2.87% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,211.64 จุด ลดลง 181.04 จุด หรือ -2.83%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเนื่องนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก เปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งเป็นการสำรวจกิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ร่วงลงแตะ 6.17 ในเดือนต.ค. จากระดับ 27.54 ในเดือนก.ย. ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์จากผู้บริโภคที่อ่อนแอลง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับเดือนส.ค.และก.ค. โดยเงินเฟ้อของเยอรมนี ซึ่งมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ และคาดว่าจะเป็นปัจจัยที่กดดันธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ให้ดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อหนุนเศรษฐกิจที่ตกต่ำในภูมิภาค