xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดคงที่ จากข้อมูลผสมผสาน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ (14พ.ย.) แกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบๆ ก่อนปิดทรงตัว ขณะที่นักลงทุนตรึกตรองข้อมูลทั้งด้านบวกและลบ

ดาวโจนส์ ลดลง 18.05 จุด (0.10 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17,634.74 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.49 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,039.82 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 8.40 จุด (0.18 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,688.54 จุด

สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 0.3% และ S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.4% ซึ่งทั้งสองดัชนีต่างเดินหน้าขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สี่ ส่วน NASDAQ พุ่ง 1.2% โดยดัชนีปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ห้าในวันศุกร์ และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2543

ภาวะการซื้อขายในวันศุกร์ค่อนข้างเงียบเหงา โดยถึงแม้ว่ามีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมที่เป็นบวก แต่นักลงทุนลังเลที่จะเข้าซื้อหุ้น หลังจากที่ดัชนีทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้งในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์นั้นมีอยู่หลายรายการด้วยกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในต.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% นับเป็นสัญญาณสดใสที่บ่งชี้ว่า การปรับตัวลงของราคาน้ำมันช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ในขณะที่สหรัฐกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายซื้อของเนื่องในเทศกาลวันหยุด

กระทรวงพาณิชย์รายงานในวันเดียวกันว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. ขณะที่ยอดขายของภาคธุรกิจแทบไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะที่ผลสำรวจโดยทอมสัน รอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกนบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนพ.ย.ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปี

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นแตะที่ระดับ 89.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 และสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด

ด้านกระทรวงแรงงานเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าของสหรัฐลดลง 1.3% ในเดือนต.ค. โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลง ขณะที่ราคาส่งออกลดลง 1.0%

ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นลงระหว่างแดนบวกและลบในระหว่างวัน และสามารถปิดปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้หลายครั้ง ขณะที่นักลงทุนพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการภาคเอกชน ควบคู่ไปกับการประเมินราคาหุ้น เพื่อใช้เป็นปัจจัยประกอบการตัดสินใจในการเข้าลงทุน

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิด โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงได้สร้างแรงกดดันให้หุ้นของบริษัทพลังงาน แต่ขณะเดียวกันก็เป็นปัจจัยสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น