ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน รวมถึงเฟซบุ๊ก แคทเทอร์พิลลาร์ และอาลีบาบา นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,069.64 จุด พุ่งขึ้น 125.18 จุด หรือ +0.79% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,506.68 จุด เพิ่มขึ้น 38.51 จุด หรือ +0.86% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,893.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.41 จุด หรือ +0.55%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่ารัสเซียกำลังเจรจากับซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพื่อร่วมกันปรับลดกำลังการผลิต และยุติปัญหาน้ำมันล้นตลาด
หุ้นเฟซบุ๊กทะยานขึ้น 15.52% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2558 พุ่งขึ้น 52% สู่ระดับ 5.84 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาส 4/2557 ที่ระดับ 3.85 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้น 4.73% หลังจากบริษัทเปิดเผยผผลประกอบการที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559
หุ้นอาลีบาบาปรับขึ้น 3.77% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) หุ้น 3M และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.5% หลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้น 4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 8.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 7.8% และหุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ปรับขึ้น 7.9%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐ ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 280,000 ราย นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2558, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,069.64 จุด พุ่งขึ้น 125.18 จุด หรือ +0.79% ดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 4,506.68 จุด เพิ่มขึ้น 38.51 จุด หรือ +0.86% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 1,893.36 จุด เพิ่มขึ้น 10.41 จุด หรือ +0.55%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมทั้งราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนนี้ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่ารัสเซียกำลังเจรจากับซาอุดิอาระเบีย และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เพื่อร่วมกันปรับลดกำลังการผลิต และยุติปัญหาน้ำมันล้นตลาด
หุ้นเฟซบุ๊กทะยานขึ้น 15.52% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2558 พุ่งขึ้น 52% สู่ระดับ 5.84 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาส 4/2557 ที่ระดับ 3.85 พันล้านดอลลาร์
หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์พุ่งขึ้น 4.73% หลังจากบริษัทเปิดเผยผผลประกอบการที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปี 2559
หุ้นอาลีบาบาปรับขึ้น 3.77% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) หุ้น 3M และหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 2.5% หลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นขานการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป พุ่งขึ้น 4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ทะยานขึ้น 8.1% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 7.8% และหุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ปรับขึ้น 7.9%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วของสหรัฐ ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน โดยลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 278,000 ราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 280,000 ราย นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงประมาณการครั้งแรกจีดีพีช่วงไตรมาส 4/2558, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน