xs
xsm
sm
md
lg

ศาลฎีกาปรับ1.3แสน เก็บขยะขายซีดีเก่า ไม่มีเงินจ่ายโดนขังแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวันที่ 13 พ.ย. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.3060/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 28 ปี ลูกจ้างชั่วคราวเก็บขยะ ประจำเขตสะพานสูง กองรักษาความสะอาด กรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยในความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำนำภาพยนตร์ ซึ่งเป็นแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ ตามความผิดพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวีดีทัศน์ พ.ศ.2551 โดยอัยการโจทก์ยื่นฟ้องบรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.51 จำเลยประกอบกิจการให้เช่าแลกเปลี่ยน หรือจำนำภาพยนตร์ที่เป็นแผ่นวีซีดีภาพยนตร์อันเป็นวัสดุที่มีการบันทึกภาพและเสียงซึ่งสามารถนำมาฉายให้เห็นเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดจำหน่ายเป็นแผงลอย ไม่มีเลขที่ ตั้งอยู่ริมบาทวิถีในตลาดนัดใกล้สี่แยกกรุงเทพกรีฑา เขตบางกะปิ กทม.และได้รับเงินตามราคาแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ที่ได้จำหน่ายในราคาแผ่นละ 20 บาท โดยไม่ได้รับใบอนุญาตเหตุเกิดที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวน

ขณะที่ชั้นพิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธนำสืบต่อสู้ว่า จำเลยเป็นพนักงานเก็บขยะประจำเขตสะพานสูง กองรักษาความสะอาดกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นลูกจ้างชั่วคราว เก็บขยะระหว่างเวลา 04.00 - 10.00 น. เมื่อเก็บขยะแล้วจะแยกขยะที่พอขายได้ไปขายที่ แผงลอย ตลาดหน้าหมู่บ้านนักกีฬาโดยขายปะปนกับหม้อหุงข้าว และรองเท้าเก่า ต่อมาถูกตำรวจ สน.หัวหมากจับโดยยอมรับว่าขายจริง แต่ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการ ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 53 เห็นว่าจำเลยกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ภาพยนตร์ ฯ มาตรา 38 วรรคหนึ่ง และ ม.79 ให้ปรับ 200,100 บาท แต่คำรับสารภาพจำเลยในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง เห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงปรับจำนวน 133,400 บาท หากจำเลยไม่ชำระ ให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 และ 30 ขณะที่จำเลยยื่นอุทธรณ์ และเมื่อวันที่ 10 ก.ค.55 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกาสู้คดี

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว รับฟังได้ตามทางนำสืบว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 51 จำเลย ได้นำแผ่นซีดีภาพยนตร์ 83 แผ่น และแผ่นซีดีเพลง 13 แผ่น มาวางขายกับพื้น บริเวณตลาดนัดสี่แยกกรุงเทพกรีฑาแขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ต่อมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมากเข้าจับกุมชั้นสอบสวนให้การรับสารภาพ ขณะที่ของกลาง ซึ่งเป็นพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนมีเจ้าพนักงานของรัฐตรวจสอบและมีบันทึกคำรับสารภาพในชั้นจับกุมที่มีลายมือชื่อจำเลย ส่วนที่จำเลย ฎีกาว่า พ.ร.บ. ภาพยนตร์ฯขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ฯ จึงใช้บังคับกับคดีนี้ไม่ได้ นั้น เห็นว่าฎีกาของจำเลยไม่มีรายละเอียดว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ หมวดใดเรื่องใด เพราะอะไร จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง และที่จำเลยต่อสู้ว่าไม่มีเจตนาประกอบธุรกิจค้าแผ่นซีดี ในลักษณะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่การกระทำผิดของจำเลยจึงไม่ต้องตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้น

ศาลเห็นว่าแม้จำเลยจะยกประเด็นขึ้นฎีกา แต่ไม่มีข้อความใดเป็นการคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามบทบัญญัติอำนาจฎีกา ตามประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคแรก จึงเป็นฎีกาที่ไม่ชอบ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้องที่ศาลล่างพิพากษามานั้นชอบแล้ว พิพากษายืน

ภายหลังอ่านคำพิพากษาฎีกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วปรากฏว่า นายสุรัตน์ จำเลย ไม่มีเงินชำระค่าปรับ จำนวน 133,400 บาท เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงได้ควบคุมตัวนายสุรัตน์ไปกักขังแทนค่าปรับตามคำพิพากษาต่อไป

ขณะที่นายสุรัตน์กล่าวก่อนถูกควบคุมตัวไปกักขังว่า เตรียมใจมาแล้วว่าต้องถูกตัดสินโทษซึ่งรับสารภาพมาแต่ต้นว่า เป็นคนขายซีดีจริง โดยตนก็ไม่รู้กฎหมายขณะที่เวลานั้น ตนไม่ได้ขายซีดีอย่างเดียว แต่นำเอาสิ่งของอื่นที่ได้มาจากกองขยะมาวางขายด้วย วันนี้ยังไม่มีค่าปรับที่จะจ่ายได้ทันที แต่จะลองให้ภรรยาไปหายืม หรือกู้เงินนอกระบบมาชำระค่าปรับ ซึ่งหนทางเหมือนจะมืดมน ไม่รู้จะไปพึงใคร ตอนนี้สงสารแต่ลูกซึ่งที่ผ่านมาทำงานเก็บขยะอยู่ที่เดิม แต่ก็ไม่กล้านำอะไรมาขายอีกเลย
กำลังโหลดความคิดเห็น