xs
xsm
sm
md
lg

ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์ “เอ็ม แรมบ๊อง” ข่มขืนสาว ป.โท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ศาลเลื่อนอ่านอุทธรณ์ คดี “เอ็ม แรมบ๊อง” ข่มขืนสาว ป.โท ไป 4 พ.ย.นี้ พร้อมสั่งออกหมายจับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยาเพื่อฟังคำพิพากษา เหตุเบี้ยวมาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง



เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (30 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดี หมายเลขดำ อ.4407/2552 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ฟ้อง นายสุรชัย หรือคณิศร วิวัฒนชาติ อายุ 38 ปี หรือ “เอ็ม แรมบ๊อง” และนางธนวรรณ อุดมมีชัย หรือคล้ายแพร อายุ 47 ปี ภรรยา เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา, ความผิดต่อเสรีภาพ หมิ่นประมาท และ พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490

โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2552 สรุปความผิดว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย. - 10 ส.ค. 2551 เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองร่วมกันข่มขืนใจ น.ส.ดาว (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย ให้กระทำการหรือจำยอมทำงานเป็นพนักงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเทคทีฟฯ ของจำเลยทั้งสอง โดยไม่ยอมให้ผู้เสียหายลาออก โดยจำเลยที่ 1 นำอาวุธปืนออกมาเล็งขู่เข็ญบังคับผู้เสียหาย ส่วนจำเลยที่ 2 พูดข่มขืนใจ ขู่ขืนใจ ขู่เข็ญผู้เสียหายและทำให้ผู้เสียหายปราศจากเสรีภาพในร่างกาย รวมทั้งยังได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหลายครั้งอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ขู่เข็ญผู้เสียหายว่าจะเอารูปถ่ายผู้เสียหายที่จำเลยที่ 1 แอบถ่ายขณะมีเพศสัมพันธ์กับผู้เสียหายออกเผยแพร่ ใช้กำลังประทุษร้ายหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้เสียหาย และจำเลยที่ 1 ได้บันทึกภาพวิดีโอการร่วมประเวณีดังกล่าวไว้ด้วย ต่อมาวันที่ 20 ส.ค. 2551 จำเลยทั้งสองร่วมกันหมิ่นประมาทผู้เสียหายโดยการโฆษณาการกระจายภาพร่วม ประเวณีดังกล่าว เหตุเกิดที่แขวงสีกัน เขตดอนเมือง แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง แขวงและเขตสะพานสูง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ และแขวงใดไม่ปรากฏชัด เขตหลักสี่ กทม., ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี, อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ต.สร้างถ่อ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี เกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2556 ว่า ผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยัน มีเหตุผล เชื่อมโยงเป็นลำดับตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยากที่จะปรุงแต่งที่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียและอับอายแก่ตัว ที่กระทบต่อชีวิตครอบครัว รวมทั้งหน้าที่การงานของผู้เสียหาย อีกทั้งโจทก์ยังมีบันทึกเสียงและภาพ การสนทนาทางโทรศัพท์ที่จำเลยที่ 1 พูดข่มขู่ผู้เสียหาย พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงน่าเชื่อถือ ขณะที่ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง, มาตรา 309 วรรคแรก, มาตรา 310 วรรคแรก, มาตรา 326, มาตรา 371 และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมให้ลงโทษทุกกรรม ให้จำคุกจำเลยที่ 1 รวมทั้งสิ้น 85 ปี 6 เดือน อย่างไรก็ตาม ตามกฎหมายแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ทั้งสิ้น 50 ปี ปรับ 2,000 บาท คำให้การของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่งเฉพาะโทษปรับ คงปรับทั้งสิ้น 1,050 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 10 ปี ฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1 กระทำความผิด ต่อมาจำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้เมื่อถึงเวลานัดปรากฏว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้เดินทางมาศาลและไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลจึงให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 เพื่อมาฟังคำพิพากษา พร้อมเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นวันที่ 4 พ.ย. นี้เวลา 09.00 น.
















กำลังโหลดความคิดเห็น