นพ.อิทธพร คณะเจริญ กรรมการประกันสังคม เปิดเผยว่า ในการประชุมสำนักงานประกันสังคม ได้มีการอนุมัติเพิ่มสิทธิยาจำเป็นเข้าไปในบัญชียาพิเศษเบิกได้สำหรับผู้ประกันตนอีก 4 รายการ ประกอบด้วย 1.ยาทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) รักษาโรคมะเร็งชนิดสารพันธุ์เฮอร์ทู ระยะเริ่มต้น 2. ยาเพคอินเตอร์เฟอรอน (Peginterferon) รักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี สายพันธุ์ 1 หรือ 6 ในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีร่วมด้วย จากเดิมที่ให้สิทธิเฉพาะสายพันธุ์ 2 และ 3 เท่านั้น 3. ให้ใช้ยานิโลทินิฟ (Nilotinip) เป็นยาลำดับที่ 2 ในการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีลอยด์ ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยาอิมาทินิฟ (Imatinip) ได้ และ 4. ให้ใช้ยาดาซาทินิฟ (Fasatinap) รักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดมัยอีลอยด์ในกรณีที่ไม่สามารถใช้ยานิโลทินิฟได้ นอกจากนี้ยังได้เตรียมปรับสิทธิประโยชน์ด้านยาให้กับผู้ประกันตนในอีกหลายรายการ
นพ.อิทธพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาปรับข้อบ่งชี้การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในผู้ป่วยที่มีระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือซีดีโฟร์ (CD4) น้อยกว่า 500 จากเดิมที่อนุมัติให้ใช้ยาต้านฯ ในผู้ป่วยที่มีระดับซีดีโฟร์อยู่ที่ 350 ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคมพบว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีลงทะเบียนในระบบจำนวน 70,000 คน และประมาณการณ์ 70% ของผู้ติดเชื้ออยู่ในเกณฑ์รับยาต้านไวรัส ขณะที่ซีดีโฟร์ 350 ดังนั้นคาดว่าเมื่อกรรมการปรับเพิ่มเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัสเช่นนี้แล้ว จะทำให้มีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้น 30 % หรือ 21,000 คน รวมค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายาที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,000 บาท ต่อคน ต่อเดือน ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป โดยเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด
นพ.อิทธพร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาปรับข้อบ่งชี้การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีในผู้ป่วยที่มีระดับภูมิคุ้มกันของร่างกาย หรือซีดีโฟร์ (CD4) น้อยกว่า 500 จากเดิมที่อนุมัติให้ใช้ยาต้านฯ ในผู้ป่วยที่มีระดับซีดีโฟร์อยู่ที่ 350 ซึ่งจากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคมพบว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีลงทะเบียนในระบบจำนวน 70,000 คน และประมาณการณ์ 70% ของผู้ติดเชื้ออยู่ในเกณฑ์รับยาต้านไวรัส ขณะที่ซีดีโฟร์ 350 ดังนั้นคาดว่าเมื่อกรรมการปรับเพิ่มเกณฑ์การให้ยาต้านไวรัสเช่นนี้แล้ว จะทำให้มีผู้ได้รับสิทธิเพิ่มขึ้น 30 % หรือ 21,000 คน รวมค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายาที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1,000 บาท ต่อคน ต่อเดือน ทั้งนี้เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. เป็นต้นไป โดยเงื่อนไขให้เป็นไปตามที่สำนักงานประกันสังคมกำหนด