อภ. ยืนยันยาต้านไวรัสเอดส์ไม่ขาด ยังมีในสต๊อกเพียงพอ พร้อมเร่งผลิตส่งทั้ง สปสช. และประกันสังคม ก่อนแฉ สปสช. ยืมยาเอดส์ 1.2 แสนขวด โดยไม่ทำสัญญาก็ให้ยืมก่อน เหตุเห็นแก่ผู้ป่วยตามหลักมนุษยธรรม
นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงกรณีภาคประชาชนกล่าวหา อภ. ผลิตยาต้านไวรัสเอชไอวี ไม่ทัน โดยเหลือสต๊อกยาของกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพียง 2 เดือน จนกระทบต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง และลามไปถึงสิทธิประกันสังคม ว่า ทุกปี อภ. มีการผลิตส่งยาให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่อาจมีการส่งช้าบ้าง แต่ไม่กระทบผู้ป่วย ส่วนปีนี้ที่ส่งไม่ทันงวด เพราะได้รับใบสั่งยาจำนวนมาก หลายรายการในคราวเดียวกัน จึงต้องทยอยผลิตยาที่จำเป็นก่อน ซึ่งยาต้านไวรัสเอชไอวีก็มีความจำเป็น แต่มีปัญหาในส่วนของบริษัทรับจ้างหาวัตถุดิบและยาจากอินเดีย หรือซัพพลายเออร์ โดยเกิดปัญหาการจัดหาวัตถุดิบและแหล่งผลิตที่ต้นทาง
นพ.สุวัช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยาต้านไวรัสเอชไอวีตัวนี้ ชื่อ “ยาโลพินาเวียร์ (Lopinavir)” มีสต๊อกอยู่ 2 เดือน โดย อภ. ค้างส่งอยู่ 20,388 กล่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตและจัดส่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.ย. นี้ ทั้งนี้ สปสช. ได้ทำสัญญากับ อภ. ให้ผลิตยา 22 รายการ ค้างส่งอยู่ 7 รายการ โดยแต่ละรายการมีอยู่ในสต๊อกใช้ได้นานตั้งแต่ 2 - 15 เดือน ซึ่งทั้งหมดจะผลิตและจัดส่งได้ไม่เกิน ก.ย. เช่นกัน
“อภ. ยังผลิตยาต้านไวรัสเอชไอวีอีกกลุ่มสำรองไว้ให้ สปสช. ด้วย เนื่องจาก อภ. ตรวจสอบพบว่า ยาต้านไวรัสเอชไอวีกลุ่ม ลามิวูดีน (Lamivudine) ขนาด 300 มิลลิกรัม เหลืออยู่ในสต๊อกเพียง 4,013 ขวดเท่านั้น ซึ่งจะสามารถใช้ได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะหมด อภ. จึงได้ผลิตสำรองจำนวน 15,000 ขวด ในกรณี สปสช. มาทำเรื่องยืม” ผอ.อภ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำเรื่องยืมโดยไม่ทำสัญญาว่าจ้าง แสดงว่า สปสช. เคยดำเนินการลักษณะนี้หรือไม่ นพ.สุวัช กล่าวว่า มี โดย 2 งวดที่ผ่านมา คือ วันที่ 26 มิ.ย. และ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือยืม ยาต้านไวรัสเอชไอวีในกลุ่มยาเอฟฟาไวเรนซ์ (Efavirenz) จำนวนงวดละ 60,000 ขวด รวมทั้งหมด 1.2 แสนขวด มีมูลค่า 26 ล้านบาท ซึ่ง อภ. ก็ไม่ได้มีปัญหา จัดส่งให้ก่อน เพราะคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นหลัก จากนั้นจึงมาเคลียร์บัญชีภายหลัง
นพ.สุวัช กล่าวว่า ส่วนของสำนักงานประกันสังคม ไม่ได้มีปัญหาขาดยา แต่ที่ผ่านมาได้หารือว่าหากต้องการยาเร่งด่วน อาจใช้ยาของ สปสช. ก่อน ซึ่งจริงๆ เมื่อยาตัวเดียวกันก็ให้ใช้ในคลังเดียวกันได้ และค่อยมาแยกบัญชี โดยประกันสังคมสั่งซื้อยาจาก อภ. 4 รายการ ซึ่งยังมีในสต๊อกยาไม่ต่ำกว่า 3 - 7 เดือน ไม่น่ากังวล เพราะ อภ. จะผลิตต่อจาก สปสช. ทันที
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.สุวัช เซียศิริวัฒนา ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงกรณีภาคประชาชนกล่าวหา อภ. ผลิตยาต้านไวรัสเอชไอวี ไม่ทัน โดยเหลือสต๊อกยาของกองทุนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าเพียง 2 เดือน จนกระทบต่อผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง และลามไปถึงสิทธิประกันสังคม ว่า ทุกปี อภ. มีการผลิตส่งยาให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) แต่อาจมีการส่งช้าบ้าง แต่ไม่กระทบผู้ป่วย ส่วนปีนี้ที่ส่งไม่ทันงวด เพราะได้รับใบสั่งยาจำนวนมาก หลายรายการในคราวเดียวกัน จึงต้องทยอยผลิตยาที่จำเป็นก่อน ซึ่งยาต้านไวรัสเอชไอวีก็มีความจำเป็น แต่มีปัญหาในส่วนของบริษัทรับจ้างหาวัตถุดิบและยาจากอินเดีย หรือซัพพลายเออร์ โดยเกิดปัญหาการจัดหาวัตถุดิบและแหล่งผลิตที่ต้นทาง
นพ.สุวัช กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ยาต้านไวรัสเอชไอวีตัวนี้ ชื่อ “ยาโลพินาเวียร์ (Lopinavir)” มีสต๊อกอยู่ 2 เดือน โดย อภ. ค้างส่งอยู่ 20,388 กล่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการผลิตและจัดส่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ก.ย. นี้ ทั้งนี้ สปสช. ได้ทำสัญญากับ อภ. ให้ผลิตยา 22 รายการ ค้างส่งอยู่ 7 รายการ โดยแต่ละรายการมีอยู่ในสต๊อกใช้ได้นานตั้งแต่ 2 - 15 เดือน ซึ่งทั้งหมดจะผลิตและจัดส่งได้ไม่เกิน ก.ย. เช่นกัน
“อภ. ยังผลิตยาต้านไวรัสเอชไอวีอีกกลุ่มสำรองไว้ให้ สปสช. ด้วย เนื่องจาก อภ. ตรวจสอบพบว่า ยาต้านไวรัสเอชไอวีกลุ่ม ลามิวูดีน (Lamivudine) ขนาด 300 มิลลิกรัม เหลืออยู่ในสต๊อกเพียง 4,013 ขวดเท่านั้น ซึ่งจะสามารถใช้ได้ไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะหมด อภ. จึงได้ผลิตสำรองจำนวน 15,000 ขวด ในกรณี สปสช. มาทำเรื่องยืม” ผอ.อภ. กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำเรื่องยืมโดยไม่ทำสัญญาว่าจ้าง แสดงว่า สปสช. เคยดำเนินการลักษณะนี้หรือไม่ นพ.สุวัช กล่าวว่า มี โดย 2 งวดที่ผ่านมา คือ วันที่ 26 มิ.ย. และ 17 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือยืม ยาต้านไวรัสเอชไอวีในกลุ่มยาเอฟฟาไวเรนซ์ (Efavirenz) จำนวนงวดละ 60,000 ขวด รวมทั้งหมด 1.2 แสนขวด มีมูลค่า 26 ล้านบาท ซึ่ง อภ. ก็ไม่ได้มีปัญหา จัดส่งให้ก่อน เพราะคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นหลัก จากนั้นจึงมาเคลียร์บัญชีภายหลัง
นพ.สุวัช กล่าวว่า ส่วนของสำนักงานประกันสังคม ไม่ได้มีปัญหาขาดยา แต่ที่ผ่านมาได้หารือว่าหากต้องการยาเร่งด่วน อาจใช้ยาของ สปสช. ก่อน ซึ่งจริงๆ เมื่อยาตัวเดียวกันก็ให้ใช้ในคลังเดียวกันได้ และค่อยมาแยกบัญชี โดยประกันสังคมสั่งซื้อยาจาก อภ. 4 รายการ ซึ่งยังมีในสต๊อกยาไม่ต่ำกว่า 3 - 7 เดือน ไม่น่ากังวล เพราะ อภ. จะผลิตต่อจาก สปสช. ทันที
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
