ผู้ป่วยเอดส์รับบริการไม่เต็มชุดสิทธิประโยชน์ พบไม่ได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสหลังรับยาต้านไวรัสถึง 21% จี้ สธ.- สปสช. หาสาเหตุและแก้ปัญหา ด้าน HITAP เตรียมเผยผลศึกษาความคุ้มค่าการรักษาผู้ป่วยเอดส์ทุกระดับการรักษา 20 มิ.ย. ก่อนเสนอเป็นชุดสิทธิประโยชน์ใหม่
นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กล่าวว่า ขณะนี้ HITAP กำลังศึกษาหัวข้อการให้การรักษาผู้ป่วยเอดส์ของทุกระดับภูมิต้านทาน (CD4) ซึ่งแต่เดิมจะให้ยาต้านไวรัสที่ค่า CD4 คือ 350 แต่ข้อเสนอนี้คือจะให้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาได้เลย ไม่ว่าจะมีค่า CD4 เท่าไรก็ตาม ซึ่งผลการศึกษาใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยวันที่ 20 มิ.ย. นี้ เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี HITAP จะนำผลการศึกษามาแสดงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนผู้ป่วย ผู้แทนนักวิชาการ เป็นต้น เพื่อให้ร่วมแสดงความคิดเห็น ก่อนที่จะนำผลการศึกษานี้เสนอต่อคณะอนุกรรมการพัฒนาสิทธิประโยชน์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อพิจารณา หากเห็นชอบก็จะเสนอต่อบอร์ด สปสช. เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นชุดสิทธิประโยชน์ต่อไป
“ขณะนี้คงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า การให้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาเลยไม่ว่าค่า CD4 จะอยู่ที่ระดับใดก็ตาม จะมีความคุ้มค่า คุ้มทุน และระบบสามารถรองรับไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากข้อมูลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในวันที่ 20 มิ.ย. ร่วมกับการศึกษาในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ชุดสิทธิประโยชน์มะเร็ง ชุดสิทธิประโยชน์การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงานในวัยทำงาน เป็นต้น” นพ.ยศ กล่าว
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของผลการศึกษาเช่นกัน แต่ไม่ว่าผลการศึกษาจะออกมาเป็นเช่นไร ในความคิดของตนคือการให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ เข้าถึงการรักษา หรือรับยาต้านไวรัสยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี โดยที่ไม่ต้องรอให้ค่า CD4 ตก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า การรักษาเร็วจะช่วยลดผลกระทบระยะยาวได้ เช่น การเจ็บป่วยจากไวรัสในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอก็จะเกิดโรคฉวยโอกาสตามมาอีกมาก ยิ่งเพิ่งติดเชื้อภายใน 30 วัน ก็มีความหวังว่าอาจรักษาให้หายได้
“ข้อเท็จจริงคือการกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจะสามารถควบคุมไวรัสในร่างกายได้ เมื่อตรวจหาอาจพบน้อยกว่า 50 ตัว หรือหาไม่เจอเลย เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม ที่น่าห่วงคือคนยังมารับยาต้านไวรัสช้าอยู่ เรื่องสำคัญคือต้องประชาสัมพันธ์ให้คนตื่นตัวในการไปตรวจเลือด เมื่อมีความเสี่ยง เพราะหากมีการติดเชื้อจะได้เข้าสู่การรักษาที่รวดเร็ว” นายนิมิตร์ กล่าวและว่า ตามชุดสิทธิประโยชน์รับยาต้านไวรัสนั้นจะได้รับการตรวจจำนวนไวรัสในร่างกายปีละครั้ง แต่ปัญหาคือมีผู้ใช้สิทธิประโยชน์นี้ถึง 21% ที่ไม่ได้รับการตรวจตามสิทธิประโยชน์ ซึ่งปัญหาเกิดจากอะไรนั้นกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ สปสช. ต้องร่วมกันค้นหาสาเหตุ เช่น ผู้ป่วยไม่มาตรวจเอง หรือเครื่องมือในการตรวจมีน้อย ต้องรอคิวนาน หรือเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่แจ้งสิทธิให้ทราบ และดำเนินการแก้ไขให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่เต็มชุดสิทธิประโยชน์
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
นพ.ยศ ตีระวัฒนานนท์ หัวหน้าโครงการประเมินเทคโนโลยีและนโยบายด้านสุขภาพ (HITAP) กล่าวว่า ขณะนี้ HITAP กำลังศึกษาหัวข้อการให้การรักษาผู้ป่วยเอดส์ของทุกระดับภูมิต้านทาน (CD4) ซึ่งแต่เดิมจะให้ยาต้านไวรัสที่ค่า CD4 คือ 350 แต่ข้อเสนอนี้คือจะให้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาได้เลย ไม่ว่าจะมีค่า CD4 เท่าไรก็ตาม ซึ่งผลการศึกษาใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยวันที่ 20 มิ.ย. นี้ เวลา 13.00 น. ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี HITAP จะนำผลการศึกษามาแสดงต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้แทนภาคประชาสังคม ผู้แทนผู้ป่วย ผู้แทนนักวิชาการ เป็นต้น เพื่อให้ร่วมแสดงความคิดเห็น ก่อนที่จะนำผลการศึกษานี้เสนอต่อคณะอนุกรรมการพัฒนาสิทธิประโยชน์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อพิจารณา หากเห็นชอบก็จะเสนอต่อบอร์ด สปสช. เพื่อพัฒนาขึ้นเป็นชุดสิทธิประโยชน์ต่อไป
“ขณะนี้คงยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า การให้ยาต้านไวรัสเพื่อทำการรักษาเลยไม่ว่าค่า CD4 จะอยู่ที่ระดับใดก็ตาม จะมีความคุ้มค่า คุ้มทุน และระบบสามารถรองรับไว้ได้หรือไม่ เนื่องจากข้อมูลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยรายละเอียดในวันที่ 20 มิ.ย. ร่วมกับการศึกษาในเรื่องอื่นๆ ด้วย เช่น ชุดสิทธิประโยชน์มะเร็ง ชุดสิทธิประโยชน์การส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคที่เกิดจากการทำงานในวัยทำงาน เป็นต้น” นพ.ยศ กล่าว
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของผลการศึกษาเช่นกัน แต่ไม่ว่าผลการศึกษาจะออกมาเป็นเช่นไร ในความคิดของตนคือการให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/ผู้ป่วยเอดส์ เข้าถึงการรักษา หรือรับยาต้านไวรัสยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี โดยที่ไม่ต้องรอให้ค่า CD4 ตก เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า การรักษาเร็วจะช่วยลดผลกระทบระยะยาวได้ เช่น การเจ็บป่วยจากไวรัสในร่างกาย เมื่อร่างกายอ่อนแอก็จะเกิดโรคฉวยโอกาสตามมาอีกมาก ยิ่งเพิ่งติดเชื้อภายใน 30 วัน ก็มีความหวังว่าอาจรักษาให้หายได้
“ข้อเท็จจริงคือการกินยาต้านไวรัสอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจะสามารถควบคุมไวรัสในร่างกายได้ เมื่อตรวจหาอาจพบน้อยกว่า 50 ตัว หรือหาไม่เจอเลย เมื่อมีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ อย่างไรก็ตาม ที่น่าห่วงคือคนยังมารับยาต้านไวรัสช้าอยู่ เรื่องสำคัญคือต้องประชาสัมพันธ์ให้คนตื่นตัวในการไปตรวจเลือด เมื่อมีความเสี่ยง เพราะหากมีการติดเชื้อจะได้เข้าสู่การรักษาที่รวดเร็ว” นายนิมิตร์ กล่าวและว่า ตามชุดสิทธิประโยชน์รับยาต้านไวรัสนั้นจะได้รับการตรวจจำนวนไวรัสในร่างกายปีละครั้ง แต่ปัญหาคือมีผู้ใช้สิทธิประโยชน์นี้ถึง 21% ที่ไม่ได้รับการตรวจตามสิทธิประโยชน์ ซึ่งปัญหาเกิดจากอะไรนั้นกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และ สปสช. ต้องร่วมกันค้นหาสาเหตุ เช่น ผู้ป่วยไม่มาตรวจเอง หรือเครื่องมือในการตรวจมีน้อย ต้องรอคิวนาน หรือเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่แจ้งสิทธิให้ทราบ และดำเนินการแก้ไขให้ผู้ป่วยได้รับบริการที่เต็มชุดสิทธิประโยชน์
ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
