xs
xsm
sm
md
lg

“ไข้หวัดใหญ่” ร่วมกันทำ...ป้องกันได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย...สิรวุฒิ รวีไชยวัฒน์

จากการพยากรณ์โรคในปี 2557 โดยกรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พบว่า โรคท็อปฮิตติดชาร์ตที่คาดว่าจะมีการระบาดหนักก็คือ “โรคไข้หวัดใหญ่” จากข้อมูลล่าสุดทำให้ตื่นตระหนกไม่น้อย เพราะตั้งแต่ ม.ค.- พ.ค. 2557 มีผู้ป่วยแล้ว 36,390 ราย ตาย 59 ราย

ที่สำคัญจำนวนผู้ป่วยมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ในปี 2556 ถึง 2 เท่า

เมื่อจำแนกออกเป็นรายเดือนยิ่งชัดเจน โดย ก.พ. 2557 พบผู้ป่วยมากกว่า ก.พ. 2556 คิดเป็น 1.9 เท่า มีนาคม มากกว่า 3.1 เท่า และ เม.ย. มากกว่า 2 เท่า

นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดี คร. กล่าวว่า การพยากรณ์โรคคาดว่า ในปี 2557 จะมีรายงานผู้ป่วยสูงสุดใน ส.ค.- ก.ย. ประมาณเดือนละ 20,000 - 26,000 ราย ถ้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ดำเนินตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคที่ดีและเหมาะสม

จากข้อมูลข้างต้น ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะกล่าวว่า “โรคไข้หวัดใหญ่” จะเป็นโรคที่สมควรเฝ้าระวังมากที่สุดในช่วงนี้ เพราะล่าสุด กรมควบคุมโรคเองก็ออกประกาศกรมควบคุมโรค เรื่อง การป้องกันโรคที่เกิดในฤดูฝน ประจำปี 2557 โดยแบ่งโรคเป็น 3 กลุ่ม 9 โรค ดังนี้ 1. โรคที่มีแนวโน้มจะระบาด ได้แก่ โรคไข้หวัดใหญ่และโรคมือ เท้า ปาก 2. โรคที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ได้แก่ โรคไข้เลือดออก และไวรัสตับอักเสบ เอ และ 3. โรคที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ได้แก่ โรคเลปโตสไปโรซิส โรคปอดบวม ไข้สมองอักเสบเจอี อหิวาตกโรค และมาลาเรีย

แต่ที่น่าห่วงของไข้หวัดใหญ่คือ การกลับมาระบาดของ หวัดมรณะ 2009 หรือ เชื้อ H1N1 ซึ่งคาดกันว่าทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกเมื่อปี 2552 ประมาณ 150,000 - 500,000 คน แต่ขณะนี้กลายเป็นเชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลไปแล้ว อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นเชื้อประจำตามฤดูกาล แต่ H1N1 ก็ยังเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง สังเกตได้จากจำนวนผู้ตายในปีนี่ พบว่า มากกว่า 90% ตายจากเชื้อ H1N1 และที่น่าห่วงคือผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เพราะพบว่า 40% ของผู้เสียชีวิตมีโรคเรื้อรัง และกว่า 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตไปรับการรักษาช้า
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรจึงจะห่างไกลจากโรคไข้หวัดใหญ่นี้ได้ ซึ่ง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองอธิบดี คร. แนะนำว่า ทุกคนจะต้องร่วมมือร่วมใจกันทำ จึงจะสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงจากโรคไข้หวัดใหญ่ได้ โดยเบื้องต้นคือ ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หมั่นล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย ใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเมื่อไอจาม และกลุ่มเสี่ยงสูงต้องไปรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

ทั้งนี้ เมื่อแบ่งการรับมือป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ออกเป็นกลุ่มๆ หากร่วมกันดำเนินการตามนี้ นพ.โอภาส บอกว่า จะสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้อย่างเฉียบขาดคือ

1.กลุ่มประชาชน สามารถทำได้โดย
หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัด ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูด ช้อนส้อม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว และหลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเทไม่สะดวก

2.กลุ่มผู้ที่มีอาการป่วย สามารถทำได้โดย
ควรป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ทำได้โดยการหยุดงาน หยุดเรียน ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ

3.กลุ่มโรงเรียน สถานประกอบการ สามารถทำได้โดยจัดให้มีสถานที่สำหรับล้างมือ พร้อมสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ ทำความสะอาดอุปกรณ์ เครื่องมือที่มีผู้ใช้ร่วมกันจำนวนมาก เช่น โทรศัพท์ ลูกบิดประตู ตรวจสอบจำนวนบุคลากรที่ขาด้รียน ขาดงานผิดปกติ หากสงสัยว่าป่วยไข้หวัดใหญ่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ทันทีเพื่อควบคุมโรค และต้องให้บุคลากรที่มีอาการป่วยลาป่วยอย่างน้อย 7 วันหลังเริ่มวันป่วย

4.กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ สามารถทำได้โดย
ต้องให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์แก่ผู้ป่วยสงสัยไข้หวัดใหญ่ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทันทีและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ส่วนผู้ป่วยที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงควรแนะนำให้กลับมาพบแพทย์ หากอาการไม่ดีขึ้นใน 2 วัน นอกจากนี้ ต้องสวมเครื่องป้องกันการติดเชื้อที่เหมาะสม และล้างมือทุกครั้งก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย รวมถึงปฏิบัติตามแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่อย่างเคร่งครัด

และ 5.เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สามารถทำได้โดย
ติดตามจำนวนผู้ป่วยอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่อย่างใกล้ชิด สอบสวนการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ หรือผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ทุกราย และประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับสถานการณ์โรคและการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่

การป้องกันไข้หวัดใหญ่ไม่ใช่เรื่องยาก และเป็นพฤติกรรมใกล้ตัวที่สามารถทำได้ ข้อเพียงทุกคน ทุกฝ่าย ร่วมกันปฏิบัติ มิเช่นนั้นแล้ว ผู้ป่วยอีกกว่า 26,000 รายที่จะป่วยในช่วงฤดูฝนนี้ สุดท้ายอาจเป็นคุณ!!

ติดตาม Instagram และ Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่





กำลังโหลดความคิดเห็น