ไข้หวัดใหญ่พักยกระบาด หลังทำคนไทยตายแล้วถึง 50 รายตั้งแต่ต้นปี จ่ออาละวาดระลอก 2 ช่วงฤดูฝน สธ. เตรียมจัดฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง สั่งทุกโรงพยาบาลจัดช่องทางพิเศษให้ผู้ป่วยไข้หวัด หากมีจำนวนเกิน 5% ของผู้ป่วยนอก สั่งซักประวัติมากขึ้น ป่วยไข้เกิน 2 วันให้นอนโรงพยาบาล จัดยาโอเซลฯทันที ไม่ต้องรอผลตรวจเชื้อ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปีนี้ประชาชนป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 จนถึงวันที่ 25 เม.ย. สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานมีผู้ป่วยทั่วประเทศ 30,024 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2556 ร้อยละ 36 ผู้เสียชีวิต 50 ราย แต่ปี 2556 ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย จากการวิเคราะห์เชื้อพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลสายพันธุ์ H1N1 หรือหวัดใหญ่ 2009 จัดเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงกว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่น คนไทยส่วนใหญ่ยังมีภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนี้น้อย จึงมีโอกาสพบผู้ป่วยมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่สายพันธุ์นี้ไม่เคยระบาดมาก่อน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการระบาดสัปดาห์นี้ชะลอตัว ผู้ป่วยเริ่มน้อยลงจากสัปดาห์ละประมาณ 2,000 รายเหลือ 500 กว่าราย แต่คาดว่าจะเริ่มระบาดระลอก 2 มากขึ้นในช่วงฤดูฝน และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยตลอดปีจะมากกว่าปี 2556
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การดูแลประชาชนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ เน้น 3 มาตรการ ได้แก่ 1. ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเฝ้าระวังผู้ป่วยไข้หวัดทุกชนิดที่ไปตรวจรักษาและจัดช่องบริการพิเศษ ไม่ให้ปะปนกับผู้ป่วยอื่นๆ หากมีจำนวนมากกว่าร้อยละ 5 ของผู้ป่วยนอกทั้งหมด และให้ผู้ป่วยทุกรายใส่หน้ากากอนามัย จัดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตั้งตามจุดต่างๆ 2. กำชับแพทย์ให้เพิ่มการซักประวัติผู้ป่วย หากมีประวัติหลังป่วย 2 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้นึกถึงโรคไข้หวัดใหญ่ รับตัวไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล และให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันที โดยไม่ต้องรอผลตรวจเชื้อ เพราะร้อยละ 40 ของผู้เสียชีวิต เป็นผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวและไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง โดยขณะนี้ สธ.ได้ตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่เป็นการเฉพาะ 1 ชุด เพื่อเป็นที่ปรึกษาแก่แพทย์ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง และ 3. การฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยง
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ทั่วโลกพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงปีละ 3-5 ล้านราย เสียชีวิตประมาณ 2-5 แสนราย จากการติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา พบผู้เสียชีวิต 85 ราย ไวรัสเป็นกลุ่มเดียวกับที่พบในไทย โดยในไทยจะพบการระบาดในหน้าฝนและหน้าหนาว ติดต่อกันง่ายทางการไอจาม อาการคือมีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว เมื่อป่วยแล้วต้องใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันเชื้อแพร่สู่คนอื่น หยุดเรียนหยุดทำงาน ควรนอนพักผ่อน อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง หากไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรพบแพทย์โดยเร็ว
“การป้องกันโรคขอให้ประชาชนหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคตามธรรมชาติ เพิ่มการรับประทานผักผลไม้สด เพื่อเพิ่มวิตามินซีช่วยป้องกันโรค หมั่นล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ ให้ติดเป็นนิสัย เพราะการล้างมือจะกำจัดเชื้อโรคที่ติดมากับมือได้ถึงร้อยละ 80 ไม่ใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด และไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย” อธิบดี คร. กล่าว
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปีนี้ประชาชนป่วยโรคไข้หวัดใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 โดยตั้งแต่ต้นปี 2557 จนถึงวันที่ 25 เม.ย. สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานมีผู้ป่วยทั่วประเทศ 30,024 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2556 ร้อยละ 36 ผู้เสียชีวิต 50 ราย แต่ปี 2556 ไม่มีผู้เสียชีวิตเลย จากการวิเคราะห์เชื้อพบว่า ส่วนใหญ่เป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลสายพันธุ์ H1N1 หรือหวัดใหญ่ 2009 จัดเป็นเชื้อที่มีความรุนแรงกว่าเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่น คนไทยส่วนใหญ่ยังมีภูมิต้านทานต่อเชื้อชนิดนี้น้อย จึงมีโอกาสพบผู้ป่วยมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่สายพันธุ์นี้ไม่เคยระบาดมาก่อน อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการระบาดสัปดาห์นี้ชะลอตัว ผู้ป่วยเริ่มน้อยลงจากสัปดาห์ละประมาณ 2,000 รายเหลือ 500 กว่าราย แต่คาดว่าจะเริ่มระบาดระลอก 2 มากขึ้นในช่วงฤดูฝน และคาดว่าจำนวนผู้ป่วยตลอดปีจะมากกว่าปี 2556
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การดูแลประชาชนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ เน้น 3 มาตรการ ได้แก่ 1. ให้โรงพยาบาลทุกแห่งเฝ้าระวังผู้ป่วยไข้หวัดทุกชนิดที่ไปตรวจรักษาและจัดช่องบริการพิเศษ ไม่ให้ปะปนกับผู้ป่วยอื่นๆ หากมีจำนวนมากกว่าร้อยละ 5 ของผู้ป่วยนอกทั้งหมด และให้ผู้ป่วยทุกรายใส่หน้ากากอนามัย จัดเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตั้งตามจุดต่างๆ 2. กำชับแพทย์ให้เพิ่มการซักประวัติผู้ป่วย หากมีประวัติหลังป่วย 2 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้น ให้นึกถึงโรคไข้หวัดใหญ่ รับตัวไว้นอนรักษาในโรงพยาบาล และให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ทันที โดยไม่ต้องรอผลตรวจเชื้อ เพราะร้อยละ 40 ของผู้เสียชีวิต เป็นผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวและไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง โดยขณะนี้ สธ.ได้ตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่เป็นการเฉพาะ 1 ชุด เพื่อเป็นที่ปรึกษาแก่แพทย์ทั่วประเทศตลอด 24 ชั่วโมง และ 3. การฉีดวัคซีนแก่กลุ่มเสี่ยง
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ทั่วโลกพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มีอาการรุนแรงปีละ 3-5 ล้านราย เสียชีวิตประมาณ 2-5 แสนราย จากการติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา พบผู้เสียชีวิต 85 ราย ไวรัสเป็นกลุ่มเดียวกับที่พบในไทย โดยในไทยจะพบการระบาดในหน้าฝนและหน้าหนาว ติดต่อกันง่ายทางการไอจาม อาการคือมีไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย มีน้ำมูกไหล ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว เมื่อป่วยแล้วต้องใส่หน้ากากอนามัย ป้องกันเชื้อแพร่สู่คนอื่น หยุดเรียนหยุดทำงาน ควรนอนพักผ่อน อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง หากไม่ดีขึ้นภายใน 2 วัน ควรพบแพทย์โดยเร็ว
“การป้องกันโรคขอให้ประชาชนหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3 วัน เพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคตามธรรมชาติ เพิ่มการรับประทานผักผลไม้สด เพื่อเพิ่มวิตามินซีช่วยป้องกันโรค หมั่นล้างมือฟอกสบู่บ่อยๆ ให้ติดเป็นนิสัย เพราะการล้างมือจะกำจัดเชื้อโรคที่ติดมากับมือได้ถึงร้อยละ 80 ไม่ใช้เครื่องใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด และไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย” อธิบดี คร. กล่าว