วานนี้ (30 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย และมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ นำโดยนายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวีฯ และนายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ เดินทางมายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) โดยเรียกร้องให้ตรวจสอบโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร (กทม.) จากกรณีถูกปฏิเสธไม่ให้องค์การพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ด้านเอดส์ จัดประชุมสัมมนา และบริการห้องพัก ห้องอาหาร โดยอ้างเหตุผลว่าลูกค้าคนอื่นไม่สะดวกใจที่จะใช้บริการร่วมกัน โดยมี นพ.แท้จริง ศิริพานิช กรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นตัวแทนออกมารับมอบ
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเครือข่ายฯ และเอ็นจีโอด้านเอดส์ ก็มาใช้บริการที่โรงแรมแห่งนี้หลายปี โดยที่ไม่มีปัญหา แต่เมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ได้ประสานงานติดต่อขอใช้บริการจัดประชุมสัมมนาที่โรงแรมแห่งเดิม กลับได้รับการปฏิเสธ โดยโรงแรมแจ้งทางวาจาคร่าวๆ กับผู้ประสานงานว่า ลูกค้าที่มาใช้บริการที่โรงแรมไม่สะดวกใจที่จะรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่ได้แจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด ซึ่งหากเป็นเหตุผลนี้จริง ทางเครือข่ายฯ ก็เห็นใจทางโรงแรม จึงได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารโรงแรม โดยหวังให้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันว่า มีความขัดข้องใจตรงไหนอย่างไร หรือติดเงื่อนไขอะไร แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
"การที่โรงแรมไม่มาพูดคุย ก็จะทำให้เกิดความคาใจทั้ง 2 ฝ่ายว่าเพราะเหตุใดจึงต้องกีดกันผู้ทำงานด้านเอชไอวี เอดส์ และเพศ ไม่ให้เข้าใช้บริการ ทั้งที่จริงแล้วการทำงานของพวกเราก็ทำเพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคน ทั้งคนที่ติดเชื้อและคนทั่วไปที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย คือ ทำอย่างไรไม่ให้คนธรรมดาติดเชื้อ และไม่ให้ผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อต้องเสียชีวิต โดยผู้ประสานงานของเราได้รับแจ้งอีกครั้งว่าไม่สามารถให้บริการได้ และขอให้ไปใช้บริการที่โรงแรมอื่น จึงต้องมายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยอาจเชิญทางโรงแรมมาพูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริง เพราะการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการกีดกันสิทธิมนุษยชน แต่ไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการสิทธิฯ จะมีอำนาจในการดำเนินการเรื่องใดได้บ้าง" นายอภิวัฒน์ กล่าว
นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเอดส์ได้รับการรักษาฟรีทุกสิทธิการรักษา ซึ่งการกินยาต้านไวรัสก็ช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป และช่วยไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น หากเรื่องที่โรงแรมอ้างว่าลูกค้าไม่สะดวกใจที่จะใช้บริการร่วมกันเป็นเรื่องจริง ถือว่าน่ากังวลใจว่าสังคมเรียนรู้เรื่องโรคเอดส์น้อย กลายเป็นการตัดสินลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ด้วยโรค สังคมคงต้องทบทวนเรื่องนี้โดยด่วนว่า การติดเชื้อเอชไอวีทำให้ถึงกับต้องสูญเสียความเป็นมนุษย์เลยหรือ
นพ.แท้จริง กล่าวว่า หลังจากนี้จะประสานให้ผู้บริหารโรงแรมเข้ามาให้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อพิจารณาดูว่าเหตุผลของทางโรงแรมเป็นการกีดกันสิทธิมนุษยชนจริงหรือไม่ เพราะกรณีเช่นนี้เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่ประเทศไทยพัฒนาในเรื่องความรู้ด้านโรคเอดส์ไปมากแล้วว่า การใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันไม่ได้ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด
นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วเครือข่ายฯ และเอ็นจีโอด้านเอดส์ ก็มาใช้บริการที่โรงแรมแห่งนี้หลายปี โดยที่ไม่มีปัญหา แต่เมื่อประมาณ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ได้ประสานงานติดต่อขอใช้บริการจัดประชุมสัมมนาที่โรงแรมแห่งเดิม กลับได้รับการปฏิเสธ โดยโรงแรมแจ้งทางวาจาคร่าวๆ กับผู้ประสานงานว่า ลูกค้าที่มาใช้บริการที่โรงแรมไม่สะดวกใจที่จะรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่ได้แจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษรแต่อย่างใด ซึ่งหากเป็นเหตุผลนี้จริง ทางเครือข่ายฯ ก็เห็นใจทางโรงแรม จึงได้ทำหนังสือถึงผู้บริหารโรงแรม โดยหวังให้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกันว่า มีความขัดข้องใจตรงไหนอย่างไร หรือติดเงื่อนไขอะไร แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง
"การที่โรงแรมไม่มาพูดคุย ก็จะทำให้เกิดความคาใจทั้ง 2 ฝ่ายว่าเพราะเหตุใดจึงต้องกีดกันผู้ทำงานด้านเอชไอวี เอดส์ และเพศ ไม่ให้เข้าใช้บริการ ทั้งที่จริงแล้วการทำงานของพวกเราก็ทำเพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคน ทั้งคนที่ติดเชื้อและคนทั่วไปที่ไม่ได้ติดเชื้อด้วย คือ ทำอย่างไรไม่ให้คนธรรมดาติดเชื้อ และไม่ให้ผู้ป่วยหรือผู้ติดเชื้อต้องเสียชีวิต โดยผู้ประสานงานของเราได้รับแจ้งอีกครั้งว่าไม่สามารถให้บริการได้ และขอให้ไปใช้บริการที่โรงแรมอื่น จึงต้องมายื่นเรื่องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยอาจเชิญทางโรงแรมมาพูดคุยเพื่อหาข้อเท็จจริง เพราะการกระทำเช่นนี้ถือเป็นการกีดกันสิทธิมนุษยชน แต่ไม่แน่ใจว่าคณะกรรมการสิทธิฯ จะมีอำนาจในการดำเนินการเรื่องใดได้บ้าง" นายอภิวัฒน์ กล่าว
นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ทุกวันนี้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเอดส์ได้รับการรักษาฟรีทุกสิทธิการรักษา ซึ่งการกินยาต้านไวรัสก็ช่วยให้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป และช่วยไม่ให้เกิดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น หากเรื่องที่โรงแรมอ้างว่าลูกค้าไม่สะดวกใจที่จะใช้บริการร่วมกันเป็นเรื่องจริง ถือว่าน่ากังวลใจว่าสังคมเรียนรู้เรื่องโรคเอดส์น้อย กลายเป็นการตัดสินลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ด้วยโรค สังคมคงต้องทบทวนเรื่องนี้โดยด่วนว่า การติดเชื้อเอชไอวีทำให้ถึงกับต้องสูญเสียความเป็นมนุษย์เลยหรือ
นพ.แท้จริง กล่าวว่า หลังจากนี้จะประสานให้ผู้บริหารโรงแรมเข้ามาให้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อพิจารณาดูว่าเหตุผลของทางโรงแรมเป็นการกีดกันสิทธิมนุษยชนจริงหรือไม่ เพราะกรณีเช่นนี้เข้าข่ายเป็นการเลือกปฏิบัติ ทั้งที่ประเทศไทยพัฒนาในเรื่องความรู้ด้านโรคเอดส์ไปมากแล้วว่า การใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันไม่ได้ทำให้ติดเชื้อเอชไอวีแต่อย่างใด
