xs
xsm
sm
md
lg

“ฮอท พอท”ชูสุกี้ชาบูควงคู่ปิ้งย่าง เล็งเปิดเพิ่ม 16 สาขา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“HOT POT” เปิดงบ Q 2/2557 รายได้อยู่ที่ 628,16 ล้านบาท ปรับเพิ่ม 6.21 เปอร์เซ็นต์ จาก Q1/2557 และพลิกกลับมามีกำไรจากขาดทุนในไตรมาสก่อน แต่คาดครึ่งปีหลังกลับมาดีหลังความเชื่อมั่นในการบริโภค เศรษฐกิจ การเมือง โดยเฉพาะภาคการเมืองมีความชัดเจนบวกกับช่วงไตรมาส 3 และ 4 เป็นช่วงปิดเทอมกลางภาค และเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีไหม่หนุนธุรกิจกลับมาดีอีกครั้ง “สกุณา บ่ายเจริญ” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HOTPOT เร่งมือผลักดันรายได้ให้สูงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเตรียมจัดโปรโมชั่นใหม่รับปิดเทอมพฤศจิกายนนี้ พร้อมเปลี่ยนลุคสาขา จับ HOTPOT คู่ DAIDOMON มีทั้งสุกี้ ชาบู และปิ้งย่าง ในร้านเดียว โดยปีนี้เล็งเปิดสาขาประมาณ 15-16 สาขา พร้อมปิดสาขาที่ขาดทุน เชื่อส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาว

นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์ สุกี้ ชาบู สไตล์ญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟต์,ฮอทพอท บุฟเฟต์ แวลลู, ฮอท พอท ราเมน บุฟเฟต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ และไดโดมอน

ซึ่งเป็นอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 2/2557 ที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 621.49 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนเล็กน้อย เนื่องจากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายลดลง โดยเฉพาะการให้ส่วนลดบุฟเฟ่ต์ อาทิ โปรโมชั่นมา 4 จ่าย 3 โปรโมชั่นมา 3 จ่าย 2 ประกอบกับเหตุการณ์ทางการเมืองยืดเยื้อตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2556 จนถึงกลางไตรมาส 2 ปี 2557 ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้จ่ายของประชาชน อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2557 บริษัทมีรายได้รวม 628.16 ล้านบาทในไตรมาส 2/2557 เพิ่มขึ้น จำนวน 36.75 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.21 ซึ่งสาเหตุที่รายได้เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในแต่ละสาขา ประกอบกับการขยายสาขาใหม่ที่มีศักยภาพ การปรับรูปโฉมสาขาให้เป็นรูปแบบ HOTPOT ควบคู่ DAIDOMON โดยปัจจุบันมีจำนวน 21 สาขา ซึ่งทิศทางการเปิดสาขาใหม่ จะเป็นรูปแบบใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงไดโดมอนในรูปโฉมร้านใหม่ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี รวมทั้งการทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดอย่างต่อเนื่อง

เมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงาน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/2557 อยู่ที่ 1.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/2557 ที่ขาดทุนสุทธิ 5.95 ล้านบาท นับเป็นการส่งสัญญาณว่าบริษัทเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่ารายได้ และกำไรจะกลับมาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทฯมีแผนดำเนิน

กิจกรรมทางการตลาดเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากเป็นช่วงปิดเทอม และเทศกาลปลายปี ในปี 2557 บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงสาขาฮอทพอท แวลู เป็นฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ เพื่อลดความสับสนในแบรนด์สินค้าของฮอท พอท ประกอบกับ ฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ มีความหลากหลายของอาหาร รวมทั้ง ความทันสมัยมากกว่าด้วย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปีนี้ พร้อมกันนี้บริษัท มีแผนเปิดสาขาใหม่อย่างต่อเนื่องโดยคาดว่าปีนี้จะเปิดสาขาประมาณ 15-16 สาขา ในห้างสรรพสินค้าใหม่ ที่มีศักยภาพ ซึ่งจะเปิดในปีนี้ โดยเปิดสาขาล่าสุดในที่เซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาทั้งสิ้น 152 สาขา แบ่งเป็นฮอท พอท 135 สาขา และไดโดมอน 17 สาขา บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะบุกตลาดน้ำจิ้มสุกี้ โดยจะเริ่มวางขายในร้านค้าปลีกเพิ่มเติมภายในไตรมาส 4 ของปีนี้ นอกจากนั้น บริษัทฯ ได้ปิดสาขาที่ผลประกอบการขาดทุน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นสาขาที่ได้รับผลกระทบจากการที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาเปิดบริการในพื้นที่ใกล้เคียงกัน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการปิดสาขาฮอทพอทที่ขาดทุน จะส่งผลดีต่อผลประกอบการในภาพรวมของบริษัทในอนาคต

สำหรับความคืบหน้าเรื่องการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯได้เริ่มเข้าไปศึกษาการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องศึกษารายละเอียดในแต่ละประเทศอย่างรอบด้าน เนื่องจากมีข้อแตกต่างทั้งเรื่องข้อกฎหมาย ศาสนา วัฒนธรรม รวมทั้งรูปแบบของการเข้าไปลงทุน

“ช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคไม่ค่อยมีอารมณ์ใช้จ่าย เพราะการเมือง เศรษฐกิจ บวกกับเราไม่ทำการตลาดมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา เพราะทำไปก็ยิ่งเสียค่าใช้จ่ายที่ไม่คุ้มค่า ทำให้ยอดขายลดลงในช่วงไตรมาส 1 และ 2 ปีนี้ต่อเนื่อง แต่ไตรมาส 2/2557 เริ่มกลับมามีกำไรส่งสัญญาณที่ดีโดยครึ่งปีหลังมีแผนทำการตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณการใช้จ่ายมากขึ้นตั้งแต่สิงหาคม เชื่อว่าครึ่งปีหลังจะมีรายได้กำไรที่ดีขึ้น ส่วนที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรให้กระชับ เพิ่มขีดความสามารถให้บุคลากรเพื่อลดบุคลากรต่อสาขาทั้งลดแบรนด์ฮอทพอท แวลู บุฟเฟ่ต์ เพื่อให้ง่ายแต่การจดจำแบรนด์ จะเหลือ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ และ ไดโดมอน ที่มีการเพิ่มสาขาจำนวนสาขามากขึ้น และเป็นสัดส่วนรายได้หลักของบริษัท ” นางสาวสกุณากล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น