ฮอท พอท เผยปี 58 คาดรายได้เติบโตจากปี 57 ได้ และหวังพลิกมีกำไรสุทธิได้ พร้อมลุยขยายสาขาเพิ่มในทุกแบรนด์ร้านอาหาร เดินหน้ายกระดับมาตรฐานอาหาร รสชาติ การบริการให้ดีขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ โดยเฉพาะ ฮอท พอท บุฟเฟต์ ที่มีกว่า 140 สาขาทั่วประเทศ สร้างพอร์ตธุรกิจอาหารให้ครอบคลุมความ ต้องการของผู้บริโภค ผู้บริหารย้ำ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ ทั้งคุณภาพอาหาร รสชาติ การบริการเป็นซึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจอาหารมากกว่าโปรโมชันลด ราคา ทั้งนี้ เพื่อให้ ฮอท พอท เป็นร้านอาหารหนึ่งในใจผู้บริโภค
น.ส.สกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟต์แบบนานาชาติ ภายใต้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ รวมทั้งไดโดมอน ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น และซิกเนเจอร์ สเต๊ก ลอฟต์ (Signature Steak Loft) กล่าวว่า HOTPOT คาดว่ารายได้ในปี 2558 จะเติบโตจากปี 2557 และสามารถพลิกกลับมามีกำไรอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน ซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ประกอบกับผลขาดทุนจากการปิดสาขาที่มีไม่ทำกำไร เพื่อจะทำให้ผลประกอบการในภาพรวมของ HOT POT กลับมีกำไรได้
สำหรับแบรนด์ภายใต้การบริหารของ HOT POT GROUP ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 144 สาขา ประกอบด้วย ฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟต์ (HOT POT INTER BUFFET) จำนวน 126 สาขา (รวมฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟต์ ที่เพิ่มเตาปิ้งย่าง 31 สาขา) ฮอท พอท เพรสทีจ (HOT POT PRESTIGE) จำนวน 1 สาขา ฮอท พอท สุกี้ชาบู (HOT POT SUKI SHABU) จำนวน 4 สาขา ไดโดมอน (DAIDOMON) จำนวน 12 สาขา และได้ขยายธุรกิจแบรนด์ใหม่ล่าสุดในชื่อ “Signature Steak Loft” เพื่อเป็นการขยายพอร์ตธุรกิจร้านอาหารให้ครอบคลุมกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2557 ที่ผ่านมา จำนวน 1 สาขา ที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงมั่นใจว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการในภาพรวมบริษัทฯ ให้มีรายได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5-10 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาหาพื้นที่ภายในศูนย์สรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
อย่างไรก็ตาม นอกจากการขยายสาขา และจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายแล้ว ในช่วงที่ผ่าน มาบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดกลุ่มแบรนด์เพื่อให้แต่ละแบรนด์มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการปิดสาขาที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร ซึ่งจะสนับสนุนให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
“บริษัทฯ เน้นการยกระดับคุณภาพอาหาร รสชาติ การบริการให้มีมาตรฐานระดับสูงขึ้น เพื่อให้เราเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการ โดยหากอาหารมีคุณภาพ และรสชาติดี บริการอย่างประทับใจ แบรนด์จะมีความแข็งแรง ลูกค้ามีความเชื่อมั่นทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการมากกว่าการพึ่งพาโปรโมชันลดแลกแจกแถมเรียกลูกค้า ซึ่งจะส่งผลดีในภาพรวม ทั้งต่อแบรนด์ และลูกค้า” น.ส.สกุณา กล่าว