นายสมชาย แสวงการ อดีตประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน อดีตกรรมาธิการการต่างประเทศ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องทุจริต วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เกมโลกล้อมประเทศ ยังเดินหน้าเต็มกำลัง ฝ่ายการต่างประเทศยังไม่ช่วยคสช. เต็มที่และจริงจัง ขณะที่สมุนบริวานระบอบทักษิณยังทำงานต่อเนื่องโกหกต่างชาติให้ร้ายประเทศ
ผมให้กำลังใจคสชครับ แต่ คสชต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีสู้ด้วย
ลองอ่านความเห็นนี้ดู น่าสนใจครับ
เมื่อ คสช.แพ้ในเกมต่างประเทศ ลับ ลวง พราง ของฝ่ายถูกปราบ
ขณะที่หลายฝ่ายกำลังยินดีกับการเดินกวาดบ้านของคสช. อย่างจริงจัง ซึ่งก็ยอมรับว่าเข้าเป้าและตรงปัญหาในหลายจุด ในขณะยุทธการงานนอกบ้านกลับไม่ให้ความสำคัญหรือยังคลำทางไม่ถูก ?
ลับ ลวง พราง ของฝ่ายถูกปราบ จึงเลือกเดินยุทธวิธีตรงกันข้ามนั้นคือ “ถอยสุดตัวในประเทศ แต่รุกแบบเต็มสูบทุกรูปแบบในต่างประเทศ”
“เขาจะทำอะไร ปล่อยให้เขาทำไป ให้งดกิจกรรมทุกอย่าง หลบลงไปใต้ดิน แล้วเตรียมตัวแบบเงียบๆให้พร้อม เมื่อไหร่มีเลือกตั้งยังไงเราก็ชนะ แล้วเราจะกลับมายิ่งใหญ่จัดการมันอีกครั้ง” แกนนำที่หน้าคล้ายซาลาเปากล่าวไว้ในการประชุมอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ในยุทธการถอยเพื่อรุก จริงหรือไม่?
อย่าลืมว่า ฝ่ายถูกปราบ ถูกปราบเพราะเรื่องทุจริตคอรัปชั่นในประเทศ เรื่องสร้างความแตกแยกคนในชาติ เรื่องใช้อำนาจรัฐมิชอบ ล้วนเป็นปัญหาที่กระทบคนในชาติเป็นหลัก แต่ที่ผ่านมาก็อย่าลืมว่าทักษิณเดินเกมกับนายทุนและรัฐบาลตะวันตกอย่างต่อเนื่อง มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัน แม้ทักษิณถูกมองว่า มีการขัดกันของผลประโยชย์ ทำให้รัฐไทยเสียหาย แต่อย่าลืมว่าผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ที่ยกให้ต่างชาตินั้น มีมหาศาล จนเป็นเครือข่ายผลประโยชน์ในนามพันธมิตรทักษิณ มาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังเดินเกมธุรกิจสัมพันธ์การเมืองต่างชาติต่อเนื่อง คือ นายกฯยิ่งลักษณ์ไปเจรจากับประเทศไหน จะมี ทริปประกบของทักษิณและลูกน้องมาคุยธุรกิจต่อเนื่องทุกครั้งไป ไม่รู้มีการแลกผลประโยชน์ประเทศไปแล้วเท่าไหร่ รู้แต่ยิ่งนายกยิ่งลักษณ์ไป ประเทศไทยยิ่งเสียดุลการค้ากับประเทศนั้น ไม่เชื่อลองเทียบตารางดูได้ มีการจัดระบบทูตใหม่สมัยยิ่งลักษณ์ โดยแทบทุกประเทศที่ยิ่งลักษณ์ไปเยือน ทำให้ความสัมพันธ์ผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจทักษิณ เชื่อมโยงกับการเมืองระหว่างประเทศอย่างเหนียวแน่นในหลายประเทศ มาวันนี้เครือข่ายและเงื่อนผลประโยชน์เหล่านั้นส่งผลต่อการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้
จุดอ่อนของ คสช.วันนี้ ที่ถูกโจมตีในต่างประเทศ หรือภาพที่ถูกสร้างจากคนบางกลุ่มให้ต่างประเทศมองไปว่า (1) อำนาจรัฐไทยปัจจุบันนี้ คสช.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจประชาชน (2) กรณีการจับกุมแกนนำเฉพาะฝ่ายเสื้อแดง และการต่อสู้โดยไม่มีทนาย เป็นการไม่เป็นธรรม และ(3) การริดรอนสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
นี่คือภาพมุมลบในสายตาต่างชาติที่ถูกสร้างโดยการเมืองฝ่ายตรงข้ามคสช.ที่ขณะนี้เดินเกมถอยสุดตัวในประเทศอย่างมีนัยยะ เช่น (1)การสั่งปิดพรรคเพื่อไทยทั้งที่ทำการและเวปไซค์ ทั้งที่ไม่ได้มีคำสั่ง คสช. แม้ดูไม่เป็นปัญหาต่อคสชที่จะดำเนินการในประเทศ แต่ให้รู้ไว้เลยว่า ภาพที่ปรากฎต่อกระบวนการสร้างข่าวในต่างประเทศหรือการส่งสัญญาณของพรรคเพื่อไทยในต่างประเทศก็คือ การสั่งปิดพรรคเพื่อไทยอันเป็นพรรครัฐบาลที่โดนรัฐประหาร (2)การเตรียมชุดขุนพลสลับสู้ศึกตามสถานการณ์ ซึ่งคนแรกน่าจะชัดแล้วคือ จาตุรนต์ ฉายแสง ในภาพของแกนนำต่อสู้กับเผด็จการ และหากสถานการณ์เปลี่ยนหรือ การต่อสู้ของจาตุรนต์โดนปิดกั้น ก็จะมีตัวเล่นอื่นที่หลบอยู่ใต้ดินโผล่ขึ้นมาเป็นหนามยอกอกคสช.เรื่อยๆ
ดังนั้นการรุกหน้าทำงานอย่างดูมีแบบแผนของคสช.ก็ยังมีบางจุดที่ยังคลำทางไม่ชัดหรือยังให้น้ำหนักน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะในการเมืองระหว่างประเทศ รวมไปถึงการกวาดบ้านชำระประเทศที่บางส่วนหากเจาะไม่ถึงรากไม่ขุดรากเน่าออกให้หมด เชื้อร้ายที่ยังไม่ตาย อาจบ่มเพาะกลายเป็นกองโจรฝังใต้ดินกลับมาเล่นงานคสช.และสร้างปัญหาให้ประเทศอีกครั้งได้
1.คสช.ไม่ได้แถลงอย่างรวดเร็วให้ต่างประเทศทราบเหตุผลสำคัญของการรัฐประหารรอบนี้ หรือไม่ก็ยังส่งสัญญาณไม่ถูกระดับต่อรัฐบาลต่างประเทศหรือสื่อต่างประเทศ เพราะภาพและเนื้อข่าวของยุโรปและสหรัฐที่เสนอเกี่ยวกับรัฐประหารไทยครั้งนี้ คือ เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น และไม่มีรายละเอียด อันตรายมากเนื่องจากฝ่ายผู้ถูกปราบใช้ช่องว่างที่คสช.ไม่พูดในเวทีโลกนี้ เติมคำในช่องว่างให้เต็มโดยใส่เหตุผลที่ทำให้ตนเองได้ประโยชน์ แต่เพิ่มบาดแผลให้คสช.และประเทศ โดยคสช.น่าจะมีการอธิบายให้ชัดถึงสาเหตุและรากเหง้าของปัญหา เพื่อทุกคนเข้าใจความเป็นมาของวิกฤติการเมืองไทย
2. การใช้ทูตทหารมาเจรจากับทูตทหาร หรือการใช้ทูตทหารมาเจรจากับอัครทูต เหมือนการดำเนินการของมือสมัครเล่น ที่อาจส่งผลเสียมากกว่าดี เพราะพิธีการทางการทูตที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันนั้น ต้องให้เอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มเท่านั้น ในการดำเนินการในต่างประเทศแทนรัฐ แต่หากปัญหาทุกวันนี้คือ เอกอัครทูตหลายคนมีความเชื่อมโยงหรือเป็นกลไกเป็นมือไม้ของระบอบทักษิณ จึงทำให้งานเดินไม่ตรงหรือล่าช้า ก็ควรจะปรับเปลี่ยนให้คนอื่นเข้ามาทำหน้าที่โดยเร็วที่สุด
3.คสช.ประกาศเพียงคืนความสุขให้กับประเทศ แต่ไม่ยอมออกมาพูดเรื่องกรณีที่จับอาวุธได้ จับกองกำลังเถื่อนที่ฝังตัวเป็นจุดๆรอบกรุงเทพและที่อีสานได้ เหตุใดไม่ยอมเปิดแผนเหล่านี้ให้ต่างประเทศรับทราบถึงภัยชัดเจนต่อความมั่นคงของประเทศ แม้แต่คนไทยบางกลุ่มก็ยังไม่รับทราบเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
4. ปัญหา abuse of power ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ที่ผ่านมาล่งผลอย่าไรต่อการเมืองและประชาชนในประเทศ เช่นเรื่องฆ่าตัดตอน รัฐตำรวจ ใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต เอาเปรียบและทำร้ายประชาชน เรื่องนี้คสช.น่าจะยกมาพูดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวให้ต่างชาติเข้าใจวิถีการดำเนินการของกลุ่มที่ออกไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศของไทยกลุ่มนี้ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ที่แท้ก็เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก
5. ปัญหาคอรัปชั่นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณที่ผ่านมา และที่สำคัญเรื่องจำนำข้าว ปญหาบัญชีจำนำข้าว ปัญหาสต๊อกข้าวหาย ที่น่าจะเร่งจัดการในเรื่องนี้และแถลงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อต่างประเทศเห็นความเลวร้ายของการเมืองฝ่ายที่ถูกปราบว่าดำเนินการเช่นนี้
6. เรื่องโครงการน้ำที่ถูกโจมตีทุกวันนี้ คสช.ต้องพูดความจริงต่อชาวโลกและคนไทยอีกครั้งว่าปัญหาแท้จริงที่ศาลปกครองสั่งระงับโครงการครั้งแรกคือการดำเนินโครงการโดยไม่รับฟังความคิดเห็นประชาชน และคสช.ก็ต้องกลับไปทบทวนเรื่องนี้ เร่งทำประชาพิจารณ์กับประชาชนก่อนเริ่มโครงการ
จริงๆแล้ว การที่คสช.โดยพลเอกประยุทธ์มีการแถลงทุกอาทิตย์ นับเป็นเรื่องดีที่ทำให้ประชาชนคนไทยรับรู้การดำเนินการ เป้าหมายและผลดำเนินการเป็นระยะ สิ่งเหล่านี้หากมีการแปลและแถลงอย่างเป็นทางการในนามคสช.เป็นภาษาอังกฤษ บวกเรื่องอื่นๆที่แม้จะมองว่าคนไทยเข้าใจอยู่แล้ว แต่มุมมองของต่างชาติยังไม่เข้าใจเช่นเรื่อง สาเหตุการจับกุมแกนนำเสื้อแดง ความเข้าใจเรื่องมาตรา 112 หรือ 5-6เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น แล้วส่งตรงไปสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำต่างประเทศให้ช่วยทำความเข้าใจอย่างเป็นทางการ ก็จะช่วยทำให้ยุทธการ“ถอยสุดตัวในประเทศ แต่รุกแบบเต็มสูบทุกรูปแบบในต่างประเทศ”ของฝ่ายถูกปราบไปไม่รอดได้
นอกจากนี้ขอฝากเพิ่มเรื่องการจัดการในบ้าน ที่คสช.ยังปล่อยปละละเลยมองข้าม หรือไม่ทันมองเห็น ก็คือเรื่องการจัดการรัฐวิสาหกิจ ที่ผ่านมาเครือข่ายการเมืองของระบอบทักษิณเข้าไปแทรกซึมนั่งบริหารในรัฐวิสาหกิจต่างๆมากมาย นอกจากได้เงินเดือนสูงและการนำเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจหลายแห่งแล้ว ยังมีเรื่องช่องทางการทุจริตของรัฐวิสาหกิจที่ตรวจสอบได้ยากอีกด้วย เช่นนั้นแล้วงานนี้อย่าได้ย่ามใจที่จะปรับแค่บอร์ดรัฐวิสาหกิจ และต้องปรับระดับกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารระดับบนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งอีกด้วย แม้ยังรักษาแผลไม่เสร็จในวันเดียวแต่อย่างน้อยเลือดก็ควรจะหยุดไหลได้แล้ว ไออาร์พีซีที่ระเบิด ที่แท้คือบริษัทลูกของปตท.อย่าคิดว่า คนอื่นจะตามไม่ทัน?
"คนเมื่ออยู่ในที่สูง มักจะมองได้กว้างกว่าบ้าง ชัดเจนกว่าบ้างแต่รอจนเมื่อเริ่มตกลงไปก็มักจะกลับกลายเป็นเห็นไม่ชัดทุกประการ"
ผมให้กำลังใจคสชครับ แต่ คสชต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีสู้ด้วย
ลองอ่านความเห็นนี้ดู น่าสนใจครับ
เมื่อ คสช.แพ้ในเกมต่างประเทศ ลับ ลวง พราง ของฝ่ายถูกปราบ
ขณะที่หลายฝ่ายกำลังยินดีกับการเดินกวาดบ้านของคสช. อย่างจริงจัง ซึ่งก็ยอมรับว่าเข้าเป้าและตรงปัญหาในหลายจุด ในขณะยุทธการงานนอกบ้านกลับไม่ให้ความสำคัญหรือยังคลำทางไม่ถูก ?
ลับ ลวง พราง ของฝ่ายถูกปราบ จึงเลือกเดินยุทธวิธีตรงกันข้ามนั้นคือ “ถอยสุดตัวในประเทศ แต่รุกแบบเต็มสูบทุกรูปแบบในต่างประเทศ”
“เขาจะทำอะไร ปล่อยให้เขาทำไป ให้งดกิจกรรมทุกอย่าง หลบลงไปใต้ดิน แล้วเตรียมตัวแบบเงียบๆให้พร้อม เมื่อไหร่มีเลือกตั้งยังไงเราก็ชนะ แล้วเราจะกลับมายิ่งใหญ่จัดการมันอีกครั้ง” แกนนำที่หน้าคล้ายซาลาเปากล่าวไว้ในการประชุมอดีต ส.ส.ภาคเหนือ ในยุทธการถอยเพื่อรุก จริงหรือไม่?
อย่าลืมว่า ฝ่ายถูกปราบ ถูกปราบเพราะเรื่องทุจริตคอรัปชั่นในประเทศ เรื่องสร้างความแตกแยกคนในชาติ เรื่องใช้อำนาจรัฐมิชอบ ล้วนเป็นปัญหาที่กระทบคนในชาติเป็นหลัก แต่ที่ผ่านมาก็อย่าลืมว่าทักษิณเดินเกมกับนายทุนและรัฐบาลตะวันตกอย่างต่อเนื่อง มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัน แม้ทักษิณถูกมองว่า มีการขัดกันของผลประโยชย์ ทำให้รัฐไทยเสียหาย แต่อย่าลืมว่าผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ที่ยกให้ต่างชาตินั้น มีมหาศาล จนเป็นเครือข่ายผลประโยชน์ในนามพันธมิตรทักษิณ มาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็ยังเดินเกมธุรกิจสัมพันธ์การเมืองต่างชาติต่อเนื่อง คือ นายกฯยิ่งลักษณ์ไปเจรจากับประเทศไหน จะมี ทริปประกบของทักษิณและลูกน้องมาคุยธุรกิจต่อเนื่องทุกครั้งไป ไม่รู้มีการแลกผลประโยชน์ประเทศไปแล้วเท่าไหร่ รู้แต่ยิ่งนายกยิ่งลักษณ์ไป ประเทศไทยยิ่งเสียดุลการค้ากับประเทศนั้น ไม่เชื่อลองเทียบตารางดูได้ มีการจัดระบบทูตใหม่สมัยยิ่งลักษณ์ โดยแทบทุกประเทศที่ยิ่งลักษณ์ไปเยือน ทำให้ความสัมพันธ์ผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจทักษิณ เชื่อมโยงกับการเมืองระหว่างประเทศอย่างเหนียวแน่นในหลายประเทศ มาวันนี้เครือข่ายและเงื่อนผลประโยชน์เหล่านั้นส่งผลต่อการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้
จุดอ่อนของ คสช.วันนี้ ที่ถูกโจมตีในต่างประเทศ หรือภาพที่ถูกสร้างจากคนบางกลุ่มให้ต่างประเทศมองไปว่า (1) อำนาจรัฐไทยปัจจุบันนี้ คสช.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแต่เข้ามายึดอำนาจประชาชน (2) กรณีการจับกุมแกนนำเฉพาะฝ่ายเสื้อแดง และการต่อสู้โดยไม่มีทนาย เป็นการไม่เป็นธรรม และ(3) การริดรอนสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
นี่คือภาพมุมลบในสายตาต่างชาติที่ถูกสร้างโดยการเมืองฝ่ายตรงข้ามคสช.ที่ขณะนี้เดินเกมถอยสุดตัวในประเทศอย่างมีนัยยะ เช่น (1)การสั่งปิดพรรคเพื่อไทยทั้งที่ทำการและเวปไซค์ ทั้งที่ไม่ได้มีคำสั่ง คสช. แม้ดูไม่เป็นปัญหาต่อคสชที่จะดำเนินการในประเทศ แต่ให้รู้ไว้เลยว่า ภาพที่ปรากฎต่อกระบวนการสร้างข่าวในต่างประเทศหรือการส่งสัญญาณของพรรคเพื่อไทยในต่างประเทศก็คือ การสั่งปิดพรรคเพื่อไทยอันเป็นพรรครัฐบาลที่โดนรัฐประหาร (2)การเตรียมชุดขุนพลสลับสู้ศึกตามสถานการณ์ ซึ่งคนแรกน่าจะชัดแล้วคือ จาตุรนต์ ฉายแสง ในภาพของแกนนำต่อสู้กับเผด็จการ และหากสถานการณ์เปลี่ยนหรือ การต่อสู้ของจาตุรนต์โดนปิดกั้น ก็จะมีตัวเล่นอื่นที่หลบอยู่ใต้ดินโผล่ขึ้นมาเป็นหนามยอกอกคสช.เรื่อยๆ
ดังนั้นการรุกหน้าทำงานอย่างดูมีแบบแผนของคสช.ก็ยังมีบางจุดที่ยังคลำทางไม่ชัดหรือยังให้น้ำหนักน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะในการเมืองระหว่างประเทศ รวมไปถึงการกวาดบ้านชำระประเทศที่บางส่วนหากเจาะไม่ถึงรากไม่ขุดรากเน่าออกให้หมด เชื้อร้ายที่ยังไม่ตาย อาจบ่มเพาะกลายเป็นกองโจรฝังใต้ดินกลับมาเล่นงานคสช.และสร้างปัญหาให้ประเทศอีกครั้งได้
1.คสช.ไม่ได้แถลงอย่างรวดเร็วให้ต่างประเทศทราบเหตุผลสำคัญของการรัฐประหารรอบนี้ หรือไม่ก็ยังส่งสัญญาณไม่ถูกระดับต่อรัฐบาลต่างประเทศหรือสื่อต่างประเทศ เพราะภาพและเนื้อข่าวของยุโรปและสหรัฐที่เสนอเกี่ยวกับรัฐประหารไทยครั้งนี้ คือ เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น และไม่มีรายละเอียด อันตรายมากเนื่องจากฝ่ายผู้ถูกปราบใช้ช่องว่างที่คสช.ไม่พูดในเวทีโลกนี้ เติมคำในช่องว่างให้เต็มโดยใส่เหตุผลที่ทำให้ตนเองได้ประโยชน์ แต่เพิ่มบาดแผลให้คสช.และประเทศ โดยคสช.น่าจะมีการอธิบายให้ชัดถึงสาเหตุและรากเหง้าของปัญหา เพื่อทุกคนเข้าใจความเป็นมาของวิกฤติการเมืองไทย
2. การใช้ทูตทหารมาเจรจากับทูตทหาร หรือการใช้ทูตทหารมาเจรจากับอัครทูต เหมือนการดำเนินการของมือสมัครเล่น ที่อาจส่งผลเสียมากกว่าดี เพราะพิธีการทางการทูตที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันนั้น ต้องให้เอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มเท่านั้น ในการดำเนินการในต่างประเทศแทนรัฐ แต่หากปัญหาทุกวันนี้คือ เอกอัครทูตหลายคนมีความเชื่อมโยงหรือเป็นกลไกเป็นมือไม้ของระบอบทักษิณ จึงทำให้งานเดินไม่ตรงหรือล่าช้า ก็ควรจะปรับเปลี่ยนให้คนอื่นเข้ามาทำหน้าที่โดยเร็วที่สุด
3.คสช.ประกาศเพียงคืนความสุขให้กับประเทศ แต่ไม่ยอมออกมาพูดเรื่องกรณีที่จับอาวุธได้ จับกองกำลังเถื่อนที่ฝังตัวเป็นจุดๆรอบกรุงเทพและที่อีสานได้ เหตุใดไม่ยอมเปิดแผนเหล่านี้ให้ต่างประเทศรับทราบถึงภัยชัดเจนต่อความมั่นคงของประเทศ แม้แต่คนไทยบางกลุ่มก็ยังไม่รับทราบเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
4. ปัญหา abuse of power ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ที่ผ่านมาล่งผลอย่าไรต่อการเมืองและประชาชนในประเทศ เช่นเรื่องฆ่าตัดตอน รัฐตำรวจ ใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต เอาเปรียบและทำร้ายประชาชน เรื่องนี้คสช.น่าจะยกมาพูดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวให้ต่างชาติเข้าใจวิถีการดำเนินการของกลุ่มที่ออกไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศของไทยกลุ่มนี้ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ที่แท้ก็เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก
5. ปัญหาคอรัปชั่นของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณที่ผ่านมา และที่สำคัญเรื่องจำนำข้าว ปญหาบัญชีจำนำข้าว ปัญหาสต๊อกข้าวหาย ที่น่าจะเร่งจัดการในเรื่องนี้และแถลงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อต่างประเทศเห็นความเลวร้ายของการเมืองฝ่ายที่ถูกปราบว่าดำเนินการเช่นนี้
6. เรื่องโครงการน้ำที่ถูกโจมตีทุกวันนี้ คสช.ต้องพูดความจริงต่อชาวโลกและคนไทยอีกครั้งว่าปัญหาแท้จริงที่ศาลปกครองสั่งระงับโครงการครั้งแรกคือการดำเนินโครงการโดยไม่รับฟังความคิดเห็นประชาชน และคสช.ก็ต้องกลับไปทบทวนเรื่องนี้ เร่งทำประชาพิจารณ์กับประชาชนก่อนเริ่มโครงการ
จริงๆแล้ว การที่คสช.โดยพลเอกประยุทธ์มีการแถลงทุกอาทิตย์ นับเป็นเรื่องดีที่ทำให้ประชาชนคนไทยรับรู้การดำเนินการ เป้าหมายและผลดำเนินการเป็นระยะ สิ่งเหล่านี้หากมีการแปลและแถลงอย่างเป็นทางการในนามคสช.เป็นภาษาอังกฤษ บวกเรื่องอื่นๆที่แม้จะมองว่าคนไทยเข้าใจอยู่แล้ว แต่มุมมองของต่างชาติยังไม่เข้าใจเช่นเรื่อง สาเหตุการจับกุมแกนนำเสื้อแดง ความเข้าใจเรื่องมาตรา 112 หรือ 5-6เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น แล้วส่งตรงไปสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำต่างประเทศให้ช่วยทำความเข้าใจอย่างเป็นทางการ ก็จะช่วยทำให้ยุทธการ“ถอยสุดตัวในประเทศ แต่รุกแบบเต็มสูบทุกรูปแบบในต่างประเทศ”ของฝ่ายถูกปราบไปไม่รอดได้
นอกจากนี้ขอฝากเพิ่มเรื่องการจัดการในบ้าน ที่คสช.ยังปล่อยปละละเลยมองข้าม หรือไม่ทันมองเห็น ก็คือเรื่องการจัดการรัฐวิสาหกิจ ที่ผ่านมาเครือข่ายการเมืองของระบอบทักษิณเข้าไปแทรกซึมนั่งบริหารในรัฐวิสาหกิจต่างๆมากมาย นอกจากได้เงินเดือนสูงและการนำเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจหลายแห่งแล้ว ยังมีเรื่องช่องทางการทุจริตของรัฐวิสาหกิจที่ตรวจสอบได้ยากอีกด้วย เช่นนั้นแล้วงานนี้อย่าได้ย่ามใจที่จะปรับแค่บอร์ดรัฐวิสาหกิจ และต้องปรับระดับกรรมการผู้จัดการและผู้บริหารระดับบนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งอีกด้วย แม้ยังรักษาแผลไม่เสร็จในวันเดียวแต่อย่างน้อยเลือดก็ควรจะหยุดไหลได้แล้ว ไออาร์พีซีที่ระเบิด ที่แท้คือบริษัทลูกของปตท.อย่าคิดว่า คนอื่นจะตามไม่ทัน?
"คนเมื่ออยู่ในที่สูง มักจะมองได้กว้างกว่าบ้าง ชัดเจนกว่าบ้างแต่รอจนเมื่อเริ่มตกลงไปก็มักจะกลับกลายเป็นเห็นไม่ชัดทุกประการ"