โฆษก คสช.เผย หัวหน้า คสช.ย้ำ ขรก.มุ่งทำความเข้าใจ หยุดเพื่อจัดระเบียบ ก่อนเดินตาม ปชต.ต่อ ขออย่ากล่าวหาทุจริตลอยๆ ขอให้รอดูกระบวนการยุติธรรม ห้ามดึงฟ้าต่ำ อยากให้มองผลงานหลังคุมอำนาจ แจงแนะ ขรก.ผ่านเอกสาร ไม่ชี้นำ ย้ำแผน ตปท.เดินหน้า 3 ระยะ เผยวันนี้เชิญฝ่ายเศรษฐกิจ ถกนโยบายตรวจโครงการ ให้โปร่งใส คตร.พิจารณาไม่เหมาะสั่งยกเลิก เช็ก 8 โครงการ 1 หน่วยงาน จัดคืนความสุขดูหนังนเรศวรฟรี
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะหัวหน้า คสช. ได้เน้นย้ำในที่ประชุมว่าให้ข้าราชการต้องงานทำให้ประเทศเดินหน้ามุ่งสร้างความเข้าใจ อาศัยหลักการ และเหตุผล โดยขอให้เข้าใจว่าทุกประเทศจะเห็นด้วยทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ แต่ต้องเร่งสร้างความเข้าใจ โดยให้ครอบคลุมในทุกมิติ อธิบายถึงเหตุผลที่มาที่ไปว่าปัจจุบันเป็นอย่างไร และอนาคตจะเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ให้ยึดในจุดหมายของการรักษาระบอบประชาธิปไตยทั้ง 3 อำนาจ ได้แก่บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ
“ขณะนี้เป็นการหยุดชั่วคราว เพื่อจัดระเบียบ ไม่มีใครอยากทำ แต่อย่างให้นานาชาติรู้ว่าประเทศชาติมาก่อนเสมอ ซึ่งถ้าทุกอย่างสมบูรณ์ตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว ประเทศชาติก็จะได้อยู่ภายใต้เจตนารมณ์ของระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง” พ.อ.วินธัยกล่าว
พ.อ.วินธัยกล่าวด้วยว่า ในส่วนเรื่องของการทุจริตที่หลายฝ่ายมีความเห็นผ่านทางโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก อยากให้ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ข้อเท็จจริง เป็นไปตามกระบวนการที่จำเป็น ที่ผ่านมาบางระบบราชการก็ไม่สามารถทำได้ รวมถึงบางหน่วยงานไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติก็ยังถูกตำหนิในสังคม สำหรับความพยายามให้เกิดความปรองดองระหว่างคนในชาติ ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามสร้างความเกลียดชัง โดยหลังจากนี้ไม่อยากให้มีการกล่าวหากันลอยๆ ผิดถูกอย่างไรขึ้นอยู่กับกระบวนการยุติธรรม และพยานหลักฐาน นอกจากนี้ ยังมีการบิดเบือนข่าวสาร บางครั้งมีการดึงสถาบันมาเกี่ยวข้อง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งทั้งปวง ซึ่งกฎหมายบางมาตรายังคงต้องมีไว้เพื่อปกป้องสถาบัน
พ.อ.วินธัยยังได้กล่าวถึงการประเมินผลการบริหารประเทศของ คสช.ด้วยว่า ไม่อยากให้มองเปรียบเทียบในช่วงเดือน พ.ค.ปีนี้กับปีที่ผ่านมา แต่อยากให้มองที่ผลการทำงานโดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการควบคุมอำนาจการปกครอง และอยากให้มองย้อนหลังไป 6 เดือนที่ผ่านมา ในทุกมิติทั้งระบบบริหารราชการ ความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของประชาชน การสัญจรบนถนน การตรวจจับอาวุธสงคราม เป็นต้น ทั้งนี้ยืนยันว่า การขับเคลื่อนจะใช้ระบบบริหารราชการปกติเป็นหลัก และคณะที่ปรึกษาจะเป็นเพียงให้ข้อแนะนำผ่านทางเอกสารเป็นหลักเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำใดๆ ทั้งสิ้น
“คสช.ได้เน้นย้ำกับกลุ่มประเทศตะวันตกว่าการดำเนินการของ คสช.จะแบ่งเป็น 3 ระยะ ซึ่งระยะแรกอยู่ระหว่างการดำเนินการ ส่วนระยะที่ 2 อีก 3 เดือน คงจะมี การจัดตั้งสภานิติบัญญัติ มีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และสภาปฏิรูป กำหนดรูปแบบกฎเกณฑ์กติกาเรียบร้อย และนำไปสู่ระยะที่ 3 ก็คือการเลือกตั้งดำเนินการตามระบอบปกติต่อไป” พ.อ.วินธัยระบุ
พ.อ.วินธัยเปิดเผยด้วยว่า วันนี้ได้มีการประชุม คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธาน ว่าได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมบัญชีกลาง สำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ และผู้แทนฝ่ายต่างๆ ประชุมหารือคณะกรรมการ คตร. เพื่อหารือกำหนดนโยบายการตรวจสอบโครงการต่างๆ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส คุ้มค่า เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง โดยในวันนี้ที่ประชุมได้ข้อสรุปถึงนโยบายการตรวจสอบโครงการที่คตร. จะดำเนินการ มี 3 ลักษณะ ได้แก่ หากโครงการใดที่ คตร.เข้าตรวจสอบแล้วพบว่ามีความเหมาะสมจะให้ส่วนราชการสามารถดำเนินการตามขั้นตอนได้ต่อไป โครงการที่เข้าตรวจสอบแล้ว พบว่าต้องทบทวนเปลี่ยนแปลงจะให้ส่วนราชการได้แก้ไขให้เหมาะสมก่อนแล้วถึงจะดำเนินการ ส่วนโครงการที่ คตร.พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสมจะให้ยกเลิกและหยุดดำเนินการ
พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่ คตร.จะเข้าดำเนินการตรวจสอบ ได้แก่ โครงการซึ่งเป็นแผนงานขนาดใหญ่ที่วงเงินเกิน 1,000 ล้านบาท ในขั้นต้นจะให้ฝ่ายต่างๆ พิจารณาตรวจสอบก่อนและแจ้งให้ คตร.ทราบเพื่อดำเนินการต่อไป นอกจากนี้จะเข้าตรวจสอบในโครงการซึ่ง คตร.ได้พิจารณาจากเอกสารผลการรายงานจากฝ่ายต่างๆ เพื่อจัดชุดตรวจไปติดตาม และตรวจสอบแล้วจัดทำเป็นข้อเสนอหัวหน้า คสช. อย่างไรก็ตาม ในขั้นต้นที่ประชุมมีมติจะเข้าตรวจสอบโครงการ 8 โครงการ และ 1 หน่วยงาน จากทั้ง 28 โครงการที่อยู่ในข่ายจะเข้าตรวจสอบ
พ.อ.วินธัย เปิดเผยว่า คสช.มีแผนจัดกิจกรรมสร้างความปรองดอง ในส่วนของกิจกรรมให้ประชาชนรับชมภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ภาค 5 โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายพร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งในวันที่ 14 มิ.ย.เวลา 15.00 น. จะฉายรอบพิเศษสำหรับสื่อมวลชน และข้าราชการ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วยคณะ คสช.เข้าร่วมรับชมด้วยที่โรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพลกซ์ จากนั้นวันที่ 15 มิ.ย. รอบเวลา 11.00 น. เป็นรอบของประชาชนที่สามารถเข้ารับชมภาพยนตร์ได้พร้อมกัน จำนวน 160 โรง ทุกเครือทั่วประเทศ ทั้งนี้ภาพยนตร์ดังกล่าวมีเนื้อหาในการสร้างจิตสำนึกให้คนไทยรักชาติ วัฒนธรรม ประเพณี และอัตลักษณ์ของไทยรวมไปถึงการเทิดทูนสถาบัน ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงถือเป็นมรดกที่มีค่าของชาติ