xs
xsm
sm
md
lg

กอ.รส.โชว์ยึดคลังแสง 5 คดี ขอสอบโยงใคร นัดทูตคุยพรุ่งนี้ จ่อขอ “สุเทพ” ย้ายม็อบพ้น UN

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รองโฆษกทัพบกแถลงผลประชุม กอ.รส.พร้อมอาวุธสงครามที่ยึดได้ 5 คดี ขอสอบก่อนโยงกลุ่มไหน ย้ำกวาดล้างอาวุธ ขอทุกฝ่ายงดเคลื่อนไหว แจงยิบกฎอัยการศึกเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โอ่ท่องเที่ยวไม่ชะงัก นัดทูตต่างชาติคุยพรุ่งนี้ เผย “ประยุทธ์” เตรียมถก “สุเทพ” ย้ายม็อบพ้นเขตสหประชาชาติตามคำขอยูเอ็น ยัน กอ.รส.ยังไม่มีแฟนเพจ

วันนี้ (22 พ.ค.) ที่ศูนย์ประสานงานสื่อมวลชน กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ห้องประชุมกำลังเอก สนามกีฬากองทัพบก เมื่อเวลา 10.30 น. พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก พ.อ.วีระชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกกองทัพบก ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม กอ.รส.ในช่วงเช้าที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ ผอ.รส. เป็นประธาน ภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ได้นำอาวุธสงครามที่ได้ทำการจับกุม 5 คดีแบ่งเป็นก่อนประกาศกฎอัยการศึก 1 คดีที่จังหวัดนครนายก และหลังประกาศกฎอัยการศึก 4 คดี มาแสดงพร้อมการแถลงข่าว

พ.อ.วินธัยกล่าวว่า ปัญหาของการตรวจจับอาวุธสงครามนั้นเป็นปัญหาหลักของความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสังคม และเป็นนโยบายเร่งด่วนของ กอ.รส.ที่จะดำเนินการเด็ดขาด จากคำสั่งของ กอ.รส.ระบุชัดเจนว่า อาวุธสงครามสามารถพกพาได้เฉพาะเจ้าพนักงานทหาร และเจ้าพนักงานตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ กรณีของเจ้าพนักงานตำรวจนั้นจะใช้ตำรวจตระเวนชานแดน (ตชด.) ที่สนับสนุนกองกำลังป้องกันชายแดน เป็นกำลังที่สนับสนุนกองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) เพราะฉะนั้นในส่วนอื่นๆจึงไม่สามารถอนุญาตให้พกพาอาวุธสงครามได้ ขณะนี้ได้มีการจับกุมผู้พกอาอาวุธสงครามได้ทั้งหมด 4 คดี มีอยู่ 1 คดีที่ถูกจับกุมได้ก่อนประกาศกฎอัยการศึก ดำเนินการจับกุมได้ที่จังหวัดนครนายก ขณะนี้อยู่ในกระบวนการหาตัวผู้กระทำผิด

พ.อ.วินธัยกล่าวต่อว่า สำหรับคดีที่ 2 เป็นคดีที่ผู้ต้องสงสัยถูกจับได้ที่เขตทวีวัฒนา จังหวัดกรุงเทพมหานคร อันเป็นบริเวณใกล้เคียงพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม นปช. พบอาวุธสงครามปืนเล็กยาวแบบ AK 47 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนจำนวน 30 นัด ส่วนคดีที่ 2 เป็นการตรวจจับได้ที่บ้านในจังหวัดลพบุรี พบของกลางเป็นจำนวนมาก รวมถึงพบวัตถุระเบิดด้วย สำหรับคดีที่ 4 ได้จับกุมได้ที่อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี โดยตรวจพบเสื้อเกราะ และหมวกเคฟรา คดีที่ 5 ได้ตรวจพบอาวุธสงครามและวัตถุระเบิดร้ายแรงจำนวนมากที่ จ.สมุทรสาคร ทั้งนี้ขั้นตอนการสอบสวนจะเน้นขั้นตอนการสอบสวนและขยายผล แสดงให้เห็นว่าทหารและตำรวจเอาจริงในเรื่องการปราบปราม

สำหรับการเชื่อมโยงไปยังกลุ่มใดนั้น ขอให้รอผลการสอบสวน เพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นอ่อนไหว และกระทบต่อความรู้สึกของใคร จึงไม่ได้ระบุเชื่อมโยงไปยังแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มไหน ซึ่ง กอ.รส.มีนโยบายที่จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ใครทำผิดก็ดำเนินคดี และคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก ทั้งนี้ ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำกับ กองกำลัง กอ.รส.ทั้ง 4 กองทัพภาคว่าต้องทำให้เกิดความสงบในพื้นที่ ไม่มีการทำผิดกฎหมาย รวมทั้งกวาดล้างอาวุธสงคราม ทำความเข้าใจต่อประชาชน และขอร้องให้ทุกฝ่ายอย่าปลุกระดม งดเว้นการรวมพลัง และเคลื่อนย้ายคนไปที่ต่างๆ รวมถึงขอความร่วมมือกับประชาชนให้ระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นให้ข้อมูลข่าวสารเชิงปลุกระดม ชี้นำสังคมให้เกิดความสับสนแตกแยก ซึ่งขัดต่อแนวทางในการรักษาความสงบเรียบร้อยของ กอ.รส. รวมถึงประกาศต่างๆ ที่ออกไปก่อนหน้านี้ หากยังมีการกระทำที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เจ้าหน้าที่จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย สำหรับการหารือ 7 ฝ่ายในวันนี้ จะเป็นการหารือแบบเปิด ไม่ขีดเส้นเวลาว่าจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อใด โดย ผบ.ทบ.ขอทำหน้าที่เป็นผู้ฟังก่อน

พ.อ.วินธัยยังกล่าวถึงกรณีที่มีความคาดเคลื่อน และความเข้าใจผิดต่อการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ว่า พ.ร.บ.กฎอัยการศึกได้ถูกประกาศไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.เวลา 03.00 น. ซึ่งทาง พล.อ.ประยุทธ์มีกำลังทหารในการบังคับบัญชาเกินกว่า 1 กองพัน และมีอำนาจตามขอบเขตความรับผิดชอบทั้ง 4 กองทัพภาค จึงถือว่ามีเขตอำนาจครอบคลุมทั่วราชอาณาจักร เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มจะเกิดภาวการณ์จลาจล และความไม่เรียบร้อยในหลายพื้นที่ อันจะกระทบต่อความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ดังนั้นทาง พล.อ.ประยุทธ์จึงมีอำนาจในการประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร และเมื่อได้ประกาศใช้แล้วทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารก็จะมีผลบังคับใช้กฎหมายนี้ทันที โดยที่ได้รายงานให้ทางรัฐบาลและผู้บังคับบัญชาได้รับทราบ โดยที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารจึงมีอำนาจตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก โดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ

รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า ส่วนกรณีรัฐธรรมนูญ มาตรา 118 วรรคสอง ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นั้น ขอชี้แจงว่าในกรณีที่มีความจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกเฉพาะแห่งเป็นการเร่งด่วน ฉะนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารย่อมกระทำได้ตามกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.กฎอัยการศึก แสดงให้แห็นว่าเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ สำหรับรายละเอียดในมาตรา 2 ของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นสาระสำคัญส่วนหนึ่งว่า เมื่อมีเหตุจำเป็นที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยให้ปราศจากภัยที่มาจากภายนอก หรือภายในราชอาณาจักร จะได้มีพระบรมราชโองการให้ใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกทุกมาตรา หรือแต่บางมาตรา หรือใช้ข้อความส่วนใดส่วนหนึ่งของมาตรา ตลอดจนเงื่อนไขของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกนั้นที่บังคับใช้ส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักร หรือตลอดทั่วราชอาณาจักร และถ้าได้ประกาศใช้เมื่อใด และ ณ ที่ใดแล้ว บรรดาข้อความ หรือ พ.ร.บ.ใด กฎหมายใดที่ขัดต่อ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก ที่ให้บังคับต้องระงับ และใช้บทบัญญัติของ พ.ร.บ.กฎอัยการศึกแทน

สำหรับมาตรา 4 เมื่อมีสงคราม หรือจลาจล ณ แห่งใด ให้ผู้บังคับบัญชาทหาร ณ ที่นั้น ที่อยู่ใต้บังคับไม่น้อยกว่า 1 กองพัน หรือเป็นเป็นผู้บังคับบัญชาในป้อมหรือที่มั่นอย่างใดๆ ของทหารมีอำนาจประกาศใช้ พ.ร.บ.กฎอัยการศึก เฉพาะในเขตหน้าที่ของกองทหารนั้นได้ แต่ต้องรีบรายงานให้รัฐบาลทราบโดยเร็วที่สุด

ขณะที่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์กล่าวถึงการสร้างความเชื่อมั่นกับต่างประเทศภายหลังจากที่ประกาศกฎอัยการศึกว่า ในช่วง 2-3 วันที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกไปแล้ว การประกอบการต่างๆ ไม่มีว่าจะเป็นธุรกิจ หรือการท่องเที่ยว ของไทยหรือของต่างประเทศยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ไม่ได้มีการชะงักงัน ทาง กอ.รส.ขอเรียนว่าจะขอดูแล และ สร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการ ทั้งในส่วนคนไทยและต่างประเทศ ให้สามารถดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการดูแลสถานที่สำคัญของต่างประเทศ และสถานทูตในไทย หากสถานทูตใดต้องการขอกำลังจาก กอ.รส.ไปดูแลรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม ทางกอ.รส.พร้อมจะสนับสนุน

พ.อ.วีระชนกล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 พ.ค.) กอ.รส.จะเชิญเอกอัครราชทูต อุปทูต ผู้ช่วยทูตทหาร ผู้แทนหน่วยงาน องค์กรต่างๆ เช่น สหประชาชาติ เข้ามาหารือสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับการประกาศใช้อัยการศึก ในเวลา 10.00 น. ที่สโมสรทหารบก โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รอง ผบ.ทบ. และรอง ผอ.รส.เป็นประธานการประชุม โดยจุดประสงค์ในการเชิญมาก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าหลังการประกาศกฎอัยการศึกแล้ว กอ.รส.จะดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างดีที่สุด เหตุผลในการประกาศใช้ และแนวทางการดำเนินการของ กอ.รส.ต่อไป ทั้งนี้ ยูเอ็นได้ประสานงานมายัง ผบ.ทบ.ขอให้ช่วยพูดคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ไม่ให้มีการชุมนุมบริเวณรอบรั้วยูเอ็น ซึ่ง ผบ.ทบ.ได้รับทราบ และจะพูดคุยกับนายสุเทพในวันนี้ด้วย

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ยังกล่าวถึงการเผยแพร่ข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตว่า ขณะนี้มีเว็บไซต์ที่อ้างว่าเป็นของ กอ.รส. ขอเรียนให้ทราบว่าทาง กอ.รส.ยังไม่ได้จัดตั้งเฟซบุ๊ก หรือเว็บเพจแต่อย่างใด มองว่าน่าจะเป็นความปรารถนาดีของสื่อสังคมออนไลน์ที่มีการจัดตั้งขึ้น โดยใช้ช่อง และนำข้อมูลของ กอ.รส.ไปเผยแพร่ให้ แต่ทาง กอ.รส.ขอให้มีความระมัดระวังอย่านำข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หรือบิดเบือนไปนำเสนอ ไม่เช่นนั้น กอ.รส.จะดำเนินการ สำหรับเว็บเพจของ กอ.รส.นั้นกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ ยังไม่แล้วเสร็จ






















กำลังโหลดความคิดเห็น