xs
xsm
sm
md
lg

แนะคสช.แก้เกม"แม้ว" ตอบโต้แผนโลกล้อมประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คืนสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างเร่งด่วน และกำหนดกรอบเวลาการเลือกตั้งให้ชัดเจน พร้อมขอให้เคารพสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานว่า ในข้อห่วงใยทั้งหมด เป็นที่เข้าใจได้ โดยที่ผ่านมาได้มีการทำความเข้าใจผ่านในหลายช่องทางที่มีอยู่ แยกเป็นประเด็นๆ ตามข้อกังวลสงสัยที่เกิดขึ้น เพราะมั่นใจว่าข้อมูลในทุกๆประเด็นฯ นั้นไทยมีหลักเหตุผลข้อเท็จจริงสนับสนุนอย่างเพียงพอ โดยขอให้เปิดใจกว้าง และเน้นเห็นใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในห้วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะทางออกของปัญหา ที่ได้พยายามแสวงหามาตลอด ได้ถูกปิดสนิทลงหมดทุกทาง จึงเชื่อว่าส่วนใหญ่น่าจะมีความเข้าใจที่ดีขึ้น แต่ด้วยในบางประเทศอาจมีข้อกำหนดเดิมต่อรูปแบบการแสดงออก หรืออาจมีวัฒนธรรมในการแสดงออกในทางสังคมต่อเหตุการณ์ทำนองนี้ต่างกัน ซึ่งทางประเทศไทยจะต้องดำรงความต่อเนื่องในการสร้างความเข้าใจต่อไป
สำหรับในวันนี้ (23มิ.ย.) ที่จะมีการประชุมตามวงรอบประจำเดือนของคณะรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหภาพยุโรป ทั้ง 28 ชาติ ซึ่งบางฝ่ายคาดว่า อาจจะมีการทบทวนในเรื่องกรอบความร่วมมือในทุกมิติ ที่ทางสหภาพยุโรปกับประเทศไทย มีแผนที่จะตกลงกันมายาวนานแล้ว ตั้งแต่ช่วงปี 47 ซึ่งปัจจุบันก็ยังอยู่ในช่วงระหว่างการดำเนินการนั้น จะเป็นอย่างไร คงต้องติดตามต่อไป

**แจงกรณีเรียก"กริชสุดา"รอบสอง

พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึงกรณี องค์กรสิทธิมนุษยชนฮิวแมนไรท์วอทช์ ได้แสดงความกังวลต่อน.ส.กริชสุดา คุณะแสน ว่า เดิม จนท.ทหาร ตำรวจหน่วยปฏิบัติในพื้นที่ ได้ขอควบคุมตัวไปเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ที่ผ่านมาที่ จ.ชลบุรี เนื่องจากน.ส.กริชสุดา เกี่ยวพันกับผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง ที่ต้องสงสัยว่ามีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับเรื่องของอาวุธสงคราม รวมถึงต้องสงสัยความผิดตาม ม.116 (2) กับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จนท.จึงต้องขอควบคุมตัวเพื่อสอบสวนซักถามตามขั้นตอน ซึ่งก็ได้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในครั้งนั้นจนท.ไม่ได้มีการตั้งข้อกล่าวหาใดๆ และได้ให้กลับบ้านไปแล้ว แต่เป็นเพราะเจ้าตัวไม่ยอมเปิดเผยตัวเองต่อสังคม เมื่อพ้นความรับผิดชอบ จนท.ไปแล้ว จึงทำให้หลายฝ่ายอาจเข้าใจผิด และเป็นกังวล โดยที่ผ่านมา ก็มีลักษณะอย่างนี้อยู่หลายคน
ทั่งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ทาง คสช. ต้องการขอความร่วมมือจากน.ส.กริชสุดา เพิ่มเติม รวมทั้งต้องการให้ได้เข้าสู่กระบวนการปรับทัศนคติ และสร้างความเข้าใจเพิ่มเติม จึงได้มีประกาศเชิญให้มารายงานตัว ซึ่งก็ไม่ได้ปฏิบัติในลักษณะต่อผู้ที่มีความผิดเช่นเดียวกับทุกคนที่ผ่านมา การปฏิบัติทุกขั้นตอนในกระบวนการนี้ยังยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน ขอให้ทุกฝ่ายรวมทั้งองค์กรสิทธิ์ต่างๆ สบายใจได้
สำหรับการเปิดเผยสถานที่ควบคุมตัวนั้น ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของการรักษาความปลอดภัย เพราะแต่ละคนมีพฤติกรรมในอดีตที่ต่างกันมีทั้งคนชอบไม่ชอบ รวมทั้งเพื่อต้องการให้ออกไปจากความวุ่นวายและไม่ถูกรบกวนจากสิ่งรอบตัว มีสมาธิตั้งสติทบทวนสิ่งต่างๆที่ผ่านมา บางส่วนก็จะเป็นไปตามความต้องการของบุคคลนั้นๆเองด้วย

**วอนนานาชาติเข้าใจไทย

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไทยเร่งทำความเข้าใจกับต่างประเทศ ถึงสถานการณ์ ตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยช่วงแรกได้เน้นทำความเข้าใจประเทศกลุ่มอาเซียนว่า ไทยมีแนวทางการปฏิบัติที่จะนำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย รวมถึงการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันว่าไทยยังมีศักยภาพการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน ส่วนประเทศอื่นๆได้พูดคุยสร้างความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้เข้าใจประเทศไทย และนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างกันในระยะยาว
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ผู้แทนการค้าระหว่างประเทศได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผู้แทนการค้าระหว่างประเทศให้ความสำคัญเรื่องการสร้างเสถียรภาพทางการเมือง และความชัดเจน รวมทั้งคาดหวังว่า ปัญหาที่เป็นอุปสรรคกับการค้า การลงทุน จะคลี่คลายลง

**แนะคสช.รับมือเกมโลกล้อมประเทศ

นายสมชาย แสวงการ อดีตประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน อดีตกรรมาธิการการต่างประเทศ และที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องทุจริต วุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เกมโลกล้อมประเทศ ยังเดินหน้าเต็มกำลัง ฝ่ายการต่างประเทศยังไม่ช่วย คสช. เต็มที่และจริงจัง ขณะที่สมุนบริวานระบอบทักษิณ ยังทำงานต่อเนื่อง โกหกต่างชาติให้ร้ายประเทศ
ผมให้กำลังใจคสช.ครับ แต่ คสช.ต้องเร่งปรับยุทธศาสตร์ยุทธวิธีสู้ด้วย ลองอ่านความเห็นนี้ดู น่าสนใจครับ
เมื่อ คสช.แพ้ในเกมต่างประเทศ ลับ ลวง พราง ของฝ่ายถูกปราบ
ขณะที่หลายฝ่ายกำลังยินดีกับการเดินกวาดบ้านของ คสช. อย่างจริงจัง ซึ่งก็ยอมรับว่าเข้าเป้า และตรงปัญหาในหลายจุด ในขณะยุทธการงานนอกบ้านกลับไม่ให้ความสำคัญ หรือยังคลำทางไม่ถูก ?
ลับ ลวง พราง ของฝ่ายถูกปราบ จึงเลือกเดินยุทธวิธีตรงกันข้ามนั่นคือ “ถอยสุดตัวในประเทศ แต่รุกแบบเต็มสูบ ทุกรูปแบบในต่างประเทศ”
“เขาจะทำอะไร ปล่อยให้เขาทำไป ให้งดกิจกรรมทุกอย่าง หลบลงไปใต้ดิน แล้วเตรียมตัวแบบเงียบๆ ให้พร้อม เมื่อไหร่มีเลือกตั้งยังไงเราก็ชนะ แล้วเราจะกลับมายิ่งใหญ่ จัดการมันอีกครั้ง”แกนนำที่หน้าคล้ายซาลาเปา กล่าวไว้ในการประชุม อดีต ส.ส.ภาคเหนือ ในยุทธการถอยเพื่อรุก จริงหรือไม่ ?
อย่าลืมว่า ฝ่ายถูกปราบ ถูกปราบเพราะเรื่องทุจริต คอร์รัปชันในประเทศ เรื่องสร้างความแตกแยกคนในชาติ เรื่องใช้อำนาจรัฐมิชอบ ล้วนเป็นปัญหาที่กระทบคนในชาติเป็นหลัก แต่ที่ผ่านมาก็อย่าลืมว่า ทักษิณเดินเกมกับนายทุน และรัฐบาลตะวันตกอย่างต่อเนื่อง มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกัน แม้ทักษิณถูกมองว่า มีการขัดกันของผลประโยชย์ ทำให้รัฐไทยเสียหาย แต่อย่าลืมว่า ผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ที่ยกให้ต่างชาตินั้น มีมหาศาล จนเป็นเครือข่ายผลประโยชน์ในนามพันธมิตรทักษิณ มาสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็ยังเดินเกมธุรกิจสัมพันธ์การเมืองต่างชาติต่อเนื่อง คือ นายกฯยิ่งลักษณ์ไปเจรจากับประเทศไหน จะมีทริปประกบของทักษิณ และลูกน้องมาคุยธุรกิจต่อเนื่องทุกครั้งไป ไม่รู้มีการแลกผลประโยชน์ประเทศไปแล้วเท่าไหร่ รู้แต่ยิ่งนายกยิ่งลักษณ์ไป ประเทศไทยยิ่งเสียดุลการค้ากับประเทศนั้น ไม่เชื่อลองเทียบตารางดูได้ มีการจัดระบบทูตใหม่ สมัยยิ่งลักษณ์ โดยแทบทุกประเทศที่ยิ่งลักษณ์ไปเยือน ทำให้ความสัมพันธ์ผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจทักษิณ เชื่อมโยงกับการเมืองระหว่างประเทศอย่างเหนียวแน่น ในหลายประเทศ มาวันนี้เครือข่ายและเงื่อนผลประโยชน์เหล่านั้น ส่งผลต่อการเมืองอย่างเลี่ยงไม่ได้
จุดอ่อนของ คสช.วันนี้ ที่ถูกโจมตีในต่างประเทศ หรือภาพที่ถูกสร้างจากคนบางกลุ่มให้ต่างประเทศมองไปว่า
(1) อำนาจรัฐไทยปัจจุบันนี้ คสช.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่เข้ามายึดอำนาจประชาชน
(2) กรณีการจับกุมแกนนำเฉพาะฝ่ายเสื้อแดง และการต่อสู้โดยไม่มีทนาย เป็นการไม่เป็นธรรม
และ(3) การริดรอนสิทธิเสรีภาพการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน
นี่คือภาพมุมลบในสายตาต่างชาติที่ถูกสร้างโดยการเมืองฝ่ายตรงข้าม คสช. ที่ขณะนี้เดินเกมถอยสุดตัวในประเทศอย่างมีนัยยะ เช่น
(1) การสั่งปิดพรรคเพื่อไทย ทั้งที่ทำการ และเว็บไซต์ ทั้งที่ไม่ได้มีคำสั่ง คสช. แม้ดูไม่เป็นปัญหาต่อคสช. ที่จะดำเนินการในประเทศ แต่ให้รู้ไว้เลยว่า ภาพที่ปรากฏต่อกระบวนการสร้างข่าวในต่างประเทศ หรือการส่งสัญญาณของพรรคเพื่อไทยในต่างประเทศ ก็คือ การสั่งปิดพรรคเพื่อไทย อันเป็นพรรครัฐบาลที่โดนรัฐประหาร
(2) การเตรียมชุดขุนพลสลับสู้ศึกตามสถานการณ์ ซึ่งคนแรกน่าจะชัดแล้วคือ จาตุรนต์ ฉายแสง ในภาพของแกนนำต่อสู้กับเผด็จการ และหากสถานการณ์เปลี่ยน หรือ การต่อสู้ของจาตุรนต์โดนปิดกั้น ก็จะมีตัวเล่นอื่นที่หลบอยู่ใต้ดินโผล่ขึ้นมาเป็นหนามยอกอก คสช.เรื่อยๆ
ดังนั้นการรุกหน้าทำงานอย่างดูมีแบบแผนของคสช. ก็ยังมีบางจุดที่ยังคลำทางไม่ชัดหรือยังให้น้ำหนักน้อยไปหน่อย โดยเฉพาะในการเมืองระหว่างประเทศ รวมไปถึงการกวาดบ้านชำระประเทศที่บางส่วนหากเจาะไม่ถึงรากไม่ขุดรากเน่าออกให้หมด เชื้อร้ายที่ยังไม่ตาย อาจบ่มเพาะกลายเป็นกองโจรฝังใต้ดินกลับมาเล่นงาน คสช. และสร้างปัญหาให้ประเทศอีกครั้งได้
1. คสช.ไม่ได้แถลงอย่างรวดเร็วให้ต่างประเทศทราบเหตุผลสำคัญของการรัฐประหารรอบนี้ หรือไม่ก็ยังส่งสัญญาณไม่ถูกระดับต่อรัฐบาลต่างประเทศหรือสื่อต่างประเทศ เพราะภาพและเนื้อข่าวของยุโรป และสหรัฐฯ ที่เสนอเกี่ยวกับรัฐประหารไทยครั้งนี้ คือ เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น และไม่มีรายละเอียด อันตรายมากเนื่องจากฝ่ายผู้ถูกปราบใช้ช่องว่างที่ คสช.ไม่พูดในเวทีโลกนี้ เติมคำในช่องว่างให้เต็มโดยใส่เหตุผลที่ทำให้ตนเองได้ประโยชน์ แต่เพิ่มบาดแผลให้ คสช.และประเทศ โดย คสช.น่าจะมีการอธิบายให้ชัดถึงสาเหตุและรากเหง้าของปัญหา เพื่อทุกคนเข้าใจความเป็นมาของวิกฤติการเมืองไทย
2. การใช้ทูตทหารมาเจรจากับทูตทหาร หรือการใช้ทูตทหาร มาเจรจากับอัครทูต เหมือนการดำเนินการของมือสมัครเล่น ที่อาจส่งผลเสียมากกว่าดี เพราะพิธีการทางการทูตที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันนั้น ต้องให้เอกอัครราชทูต ผู้มีอำนาจเต็มเท่านั้น ในการดำเนินการในต่างประเทศแทนรัฐ แต่หากปัญหาทุกวันนี้คือ เอกอัครทูตหลายคนมีความเชื่อมโยง หรือเป็นกลไกเป็นมือไม้ของระบอบทักษิณ จึงทำให้งานเดินไม่ตรงหรือล่าช้า ก็ควรจะปรับเปลี่ยนให้คนอื่นเข้ามาทำหน้าที่โดยเร็วที่สุด
3. คสช. ประกาศเพียงคืนความสุขให้กับประเทศ แต่ไม่ยอมออกมาพูดเรื่องกรณีที่จับอาวุธได้ จับกองกำลังเถื่อนที่ฝังตัวเป็นจุดๆรอบกรุงเทพฯ และที่อีสานได้ เหตุใดไม่ยอมเปิดแผนเหล่านี้ให้ต่างประเทศรับทราบถึงภัยชัดเจนต่อความมั่นคงของประเทศ แม้แต่คนไทยบางกลุ่มก็ยังไม่รับทราบเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
4. ปัญหา abuse of power ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์-ทักษิณ ที่ผ่านมาล่งผลอย่าไรต่อการเมืองและประชาชนในประเทศ เช่น เรื่องฆ่าตัดตอน รัฐตำรวจ ใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขต เอาเปรียบและทำร้ายประชาชน เรื่องนี้คสช. น่าจะยกมาพูดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวให้ต่างชาติเข้าใจวิถีการดำเนินการของกลุ่มที่ออกไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศของไทยกลุ่มนี้ที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย ที่แท้ก็เต็มไปด้วยสิ่งสกปรก
5. ปัญหาคอร์รัปชันของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะการใช้งบประมาณที่ผ่านมา และที่สำคัญ เรื่องจำนำข้าว ปัญหาบัญชีจำนำข้าว ปัญหาสต๊อกข้าวหาย ที่น่าจะเร่งจัดการในเรื่องนี้ และแถลงปัญหาที่เกิดขึ้นต่อต่างประเทศเห็นความเลวร้ายของการเมืองฝ่ายที่ถูกปราบว่าดำเนินการเช่นนี้
6. เรื่องโครงการน้ำที่ถูกโจมตีทุกวันนี้ คสช. ต้องพูดความจริงต่อชาวโลกและคนไทยอีกครั้งว่าปัญหาแท้จริงที่ศาลปกครองสั่งระงับโครงการครั้งแรก คือการดำเนินโครงการโดยไม่รับฟังความคิดเห็นประชาชน และ คสช.ก็ต้องกลับไปทบทวนเรื่องนี้ เร่งทำประชาพิจารณ์กับประชาชนก่อนเริ่มโครงการ
จริงๆแล้ว การที่คสช.โดย พล.อ.ประยุทธ์ มีการแถลงทุกอาทิตย์ นับเป็นเรื่องดีที่ทำให้ประชาชนคนไทยรับรู้การดำเนินการ เป้าหมายและผลดำเนินการเป็นระยะ สิ่งเหล่านี้หากมีการแปล และแถลงอย่างเป็นทางการในนาม คสช. เป็นภาษาอังกฤษ บวกเรื่องอื่นๆ ที่แม้จะมองว่าคนไทยเข้าใจอยู่แล้ว แต่มุมมองของต่างชาติยังไม่เข้าใจ เช่น เรื่องสาเหตุการจับกุมแกนนำเสื้อแดง ความเข้าใจเรื่องมาตรา 112 หรือ 5-6 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น แล้วส่งตรงไปสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำต่างประเทศให้ช่วยทำความเข้าใจอย่างเป็นทางการ ก็จะช่วยทำให้ยุทธการ“ถอยสุดตัวในประเทศ แต่รุกแบบเต็มสูบทุกรูปแบบในต่างประเทศ”ของฝ่ายถูกปราบ ไปไม่รอดได้
นอกจากนี้ ขอฝากเพิ่มเรื่องการจัดการในบ้าน ที่ คสช. ยังปล่อยปละละเลยมองข้าม หรือไม่ทันมองเห็น ก็คือเรื่องการจัดการรัฐวิสาหกิจ ที่ผ่านมาเครือข่ายการเมืองของระบอบทักษิณ เข้าไปแทรกซึมนั่งบริหารในรัฐวิสาหกิจต่างๆ มากมาย นอกจากได้เงินเดือนสูงและการนำเงินไปใช้ฟุ่มเฟือยของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจหลายแห่งแล้ว ยังมีเรื่องช่องทางการทุจริตของรัฐวิสาหกิจที่ตรวจสอบได้ยากอีกด้วย เช่นนั้นแล้ว งานนี้อย่าได้ย่ามใจที่จะปรับแค่บอร์ดรัฐวิสาหกิจ และต้องปรับระดับกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารระดับบนของรัฐวิสาหกิจทุกแห่งอีกด้วย แม้ยังรักษาแผลไม่เสร็จในวันเดียวแต่อย่างน้อยเลือดก็ควรจะหยุดไหลได้แล้ว ไออาร์พีซี ที่ระเบิด ที่แท้คือบริษัทลูกของปตท. อย่าคิดว่า คนอื่นจะตามไม่ทัน ?
"คนเมื่ออยู่ในที่สูง มักจะมองได้กว้างกว่าบ้าง ชัดเจนกว่าบ้าง แต่รอจนเมื่อเริ่มตกลงไป ก็มักจะกลับกลายเป็นเห็นไม่ชัดทุกประการ"

**"เจ๊เพ็ญ"แค่ "หมาน้อยเห่าเครื่องบิน"

นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีต ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. กล่าวถึงกรณี นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เตรียมปาฐกถาที่ฮ่องกง และคาดว่าจะมีการพูดเรื่องรัฐบาลพลัดถิ่นว่า
1. นายจักรภพ ไม่มีสถานะใดๆ ทั้งสิ้นในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงไร้ความชอบธรรมใดๆ
2. สมเด็จ ฮุนเซน ไล่นายจัรภพไปจากกัมพูชาแล้ว เพราะไม่ต้องการเป็นอริกับทางการไทย และต้องการรักษาสัมพันธ์ทางการฑูตกับไทยเอาไว้
3. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกสภาพจำยอม เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยากจะเดินหน้าต่อไปได้ เนื่องจากไม่เหลืออำนาจต่อรองอะไรแล้ว และเขายังหวาดผวาว่า ตระกูลชินวัตร จะไร้แผ่นดินอยู่ หากไปตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นขึ้นมา
4.หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ที่ฝรั่งเศสตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น เพราะมีประเทศสัมพันธมิตรรับรอง สำหรับนายจักรภพหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่มีทางทำได้ อย่างเก่งก็ทำได้เพียงสร้างข่าวเป็นครั้งคราวเท่านั้น เหมือนผญาคนอีสานที่เปรียบว่า "หมาน้อยเห่าเครื่องบิน"
กำลังโหลดความคิดเห็น