นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจเดือนเมษายน ที่ผ่านมายังชะลอตัว เนื่องจากยังไม่มีความไม่แน่นอนทางทางการเมือง เพราะมีรัฐบาลรักษาการแต่ไม่มีอำนาจบริหารประเทศ ทำให้การเบิกจ่ายทำไม่ได้ การบริโภคขยายตัวติดลบ และการลงทุนชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม สศค. ประเมินว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้ภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนไป เงินปัญหาเงินชาวนา 9 หมื่นล้านบาท จ่ายไม่ได้ งบประมาณปี 2558 จะล่าช้าไปถึงกลางปีหน้า แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการแก้ไขหมดแล้ว เงินจ่ายชาวนาได้รวดเร็วทำให้การบริโภคฟื้นตัว
นอกจากนี้ งบประมาณ 2558 ก็จะทันใช้ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2557 ตามเวลาปกติ ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนต่อเนื่องในปลายปีนี้และปีหน้า ขณะเดียวกัน คสช.ก็จะประกาศโรดแมปทางเศรษฐกิจในสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะมีการผลักดันลงทุนครั้งใหญ่ ทั้งการอนุมัติของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีเงินลงทุนค้างอยู่ 7 แสนล้านบาท และการอนุญาตการเปิดโรงงานที่มีค้างกว่า 400 แห่ง ก็จะดำเนินการอนุญาตให้ได้ภายใน 40-45 วัน ตามนโยบายของ คสช.
ทั้งนี้ ภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากไม่มีแสงที่ปลายอุโมงค์ มาเป็นเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ ปัจจัยเปลี่ยนจากลบเป็นบวก เศรษฐกิจเดือนเมษายน ที่ผ่านมาถือเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยแล้ว หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นทุกเดือน ทำให้คาดว่าการปรับตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนนี้ของ สศค.จะปรับเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณไว้เดิมที่ 2.6% ซึ่งจะพยายามทำให้ถึง 3% และในปีหน้าเศรษฐกิจก็จะขยายตัวได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมการทำงบประมาณร่ายจ่ายปี 2558 ร่วมกัน 4 หน่วยงาน ได้แก่ คลัง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะมีการพิจารณาการลงทุนรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในกรุงเทพปละปริมณฑล และโครงการบริหารจัดการน้ำจากการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ในบางโครงการที่มีความพร้อมมาบรรจุไว้ในงบประมาณ
อย่างไรก็ตาม สศค. ประเมินว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้ภาพเศรษฐกิจเปลี่ยนไป เงินปัญหาเงินชาวนา 9 หมื่นล้านบาท จ่ายไม่ได้ งบประมาณปี 2558 จะล่าช้าไปถึงกลางปีหน้า แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้รับการแก้ไขหมดแล้ว เงินจ่ายชาวนาได้รวดเร็วทำให้การบริโภคฟื้นตัว
นอกจากนี้ งบประมาณ 2558 ก็จะทันใช้ได้ทันวันที่ 1 ตุลาคม 2557 ตามเวลาปกติ ทำให้มีเม็ดเงินลงทุนต่อเนื่องในปลายปีนี้และปีหน้า ขณะเดียวกัน คสช.ก็จะประกาศโรดแมปทางเศรษฐกิจในสัปดาห์ ทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะมีการผลักดันลงทุนครั้งใหญ่ ทั้งการอนุมัติของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่มีเงินลงทุนค้างอยู่ 7 แสนล้านบาท และการอนุญาตการเปิดโรงงานที่มีค้างกว่า 400 แห่ง ก็จะดำเนินการอนุญาตให้ได้ภายใน 40-45 วัน ตามนโยบายของ คสช.
ทั้งนี้ ภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากไม่มีแสงที่ปลายอุโมงค์ มาเป็นเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ ปัจจัยเปลี่ยนจากลบเป็นบวก เศรษฐกิจเดือนเมษายน ที่ผ่านมาถือเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจไทยแล้ว หลังจากนี้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นทุกเดือน ทำให้คาดว่าการปรับตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนนี้ของ สศค.จะปรับเพิ่มขึ้นจากที่ประมาณไว้เดิมที่ 2.6% ซึ่งจะพยายามทำให้ถึง 3% และในปีหน้าเศรษฐกิจก็จะขยายตัวได้มากกว่า
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ จะมีการประชุมการทำงบประมาณร่ายจ่ายปี 2558 ร่วมกัน 4 หน่วยงาน ได้แก่ คลัง สำนักงบประมาณ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งจะมีการพิจารณาการลงทุนรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้าในกรุงเทพปละปริมณฑล และโครงการบริหารจัดการน้ำจากการกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ในบางโครงการที่มีความพร้อมมาบรรจุไว้ในงบประมาณ