นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเข้ามาบริหาร ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่านอกจากปัญหาเรื่องความสงบ เรื่องจำนำข้าว ซึ่งเป็นปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว ปัญหาระยะยาวนั้น ทราบจากการหารือว่า จะรื้อฟื้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งแนวทางของ คสช. บางส่วน ใกล้เคียงกับนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เช่น โครงการรถไฟฟ้าในเขต กทม. รถไฟรางคู่ โครงการพื้นฐานด้านถนน ที่คสช. จะนำมาใส่ ในงบปี 58 ซึ่งกำลังจัดทำให้ทันใน วันที่ 1 ต.ค.นี้ ทำให้เห็นทิศทาง และแผนที่ข้าราชการประจำได้เสนอเอาไว้ และอยากให้ทหารเน้นความโปร่งใส เปิดเผยว่า โครงการต่างๆ มีรายละเอียดอย่างไร เพราะเป็นการลงทุนเมกกะโปรเจกต์หลายโครงการ เช่น เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบด้วย หากโครงการเมกะโปรเจกต์ มีความชัดเจน งบปี 58 เดินได้เร็ว ตัวเลขความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ น่าจะปรับตัวขยายมากขึ้นถึง 3 % แม้จะเป็นการเร่งในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่า จีดีพี กระโดดแน่ แต่ความโปร่งใสต้องเปิดเผย ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับหนีเสือ ปะจระเข้ คือ หนีรัฐบาลเลว มาเจอทหารแย่ จึงอยากให้ทหารเอาโครงการทั้งหมดมาอยู่ในงบปี 58 ให้เป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง ที่ตรวจสอบได้ โดยให้ทหารนำภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนรวมด้วย เพราะโครงการเหล่านี้ ถูกพิจารณามาแล้วทั้งสิ้น
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ก็เป็นอีกเรื่องที่ คสช. ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน คือ ปัญหาราคาแก๊สภาคครัวเรือน และภาคขนส่งมีราคาไม่เท่ากัน จากมาตรการรัฐบาลก่อนที่ขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม มีราคาสูงกว่าภาคขนส่ง ส่วนในระยะยาว อยากให้ปัดฝุ่นโครงสร้างระบบสัมปทานน้ำมัน และแก๊ส รวมไปถึงการนำท่อแก๊สคืนจาก ปตท. ตามมติครม. ในเรื่องพลังงาน สังคมอยากเห็น คสช. ออกนโยบายปฏิรูปพลังงานโดยเร็ว
นอกจากนี้ขอให้ทหารเร่งทบทวนโครงการ เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งมีข่าวว่าคสช. จะสานต่อในเรื่องนี้ จึงขอเตือนว่า โครงการนี้ ผิดกฎหมาย เพราะมีการประมูลงานหลังจากครบกำหนดระยะเวลาในพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) กู้เงิน 3.5. แสนล้านบาท ที่ระบุวันเวลาไว้ โดยบริษัทที่ได้งาน ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับระบอบทักษิณ จึงอยากให้ทบทวน เพราะการเบิกจ่ายเงินกู้ เป็นการเบิกจ่ายเมื่อ พ.ร.ก.ดังกล่าว สิ้นอายุลงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลก่อน ฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนั้น หากทหารจะใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ ก็ขอให้ข้าราชการกระทรวงการคลัง นำเสนอขึ้นมาอีกครั้ง จึงขอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. ระวังการสอดไส้ ที่ข้าราชการบางส่วนไปเซ็นไว้ ซึ่ง พ.ร.ก.เงินกู้นี้ สิ้นสุดเมื่อเดือน มิ.ย. 56 ดังนั้น คสช.ต้องระวัง อย่าทำผิดซ้ำรอยเดิม
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องการปฏิรูปพลังงาน ก็เป็นอีกเรื่องที่ คสช. ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน คือ ปัญหาราคาแก๊สภาคครัวเรือน และภาคขนส่งมีราคาไม่เท่ากัน จากมาตรการรัฐบาลก่อนที่ขึ้นราคาแก๊สหุงต้ม มีราคาสูงกว่าภาคขนส่ง ส่วนในระยะยาว อยากให้ปัดฝุ่นโครงสร้างระบบสัมปทานน้ำมัน และแก๊ส รวมไปถึงการนำท่อแก๊สคืนจาก ปตท. ตามมติครม. ในเรื่องพลังงาน สังคมอยากเห็น คสช. ออกนโยบายปฏิรูปพลังงานโดยเร็ว
นอกจากนี้ขอให้ทหารเร่งทบทวนโครงการ เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งมีข่าวว่าคสช. จะสานต่อในเรื่องนี้ จึงขอเตือนว่า โครงการนี้ ผิดกฎหมาย เพราะมีการประมูลงานหลังจากครบกำหนดระยะเวลาในพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) กู้เงิน 3.5. แสนล้านบาท ที่ระบุวันเวลาไว้ โดยบริษัทที่ได้งาน ส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับระบอบทักษิณ จึงอยากให้ทบทวน เพราะการเบิกจ่ายเงินกู้ เป็นการเบิกจ่ายเมื่อ พ.ร.ก.ดังกล่าว สิ้นอายุลงแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลก่อน ฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนั้น หากทหารจะใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ ก็ขอให้ข้าราชการกระทรวงการคลัง นำเสนอขึ้นมาอีกครั้ง จึงขอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ. และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช. ระวังการสอดไส้ ที่ข้าราชการบางส่วนไปเซ็นไว้ ซึ่ง พ.ร.ก.เงินกู้นี้ สิ้นสุดเมื่อเดือน มิ.ย. 56 ดังนั้น คสช.ต้องระวัง อย่าทำผิดซ้ำรอยเดิม