“อรรถวิชช์” ยกแผนงานเศรษฐกิจ คสช.เข้าใจปัญหาดี แก้ระยะสั้นคืนจำนำข้าวก่อน แต่ไม่ใช่เงินขายข้าว จี้สอบเข้มทุกโกดัง-จีทูจีปลอม ปชป.พร้อมให้ข้อมูล ขรก.เอี่ยวโกง ระยะยาวรื้อโครงการพื้นฐาน รับใกล้เคียงนโยบาย ปชป. ขอให้โปร่งใสในการใส่งบ 58 ชัดเจน ศก.ขยายขึ้นถึง 3% หนุนเร่งปฏิรูปพลังงาน ขอทบทวนกู้ 3.5 แสนล้าน อย่าสานต่อชี้โครงการผิด กม. บริษัทขี้ข้าแม้วรับประโยชน์
วันนี้ (27 พ.ค.) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เร่งกำหนดนโยบายเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า เป็นเรื่องที่ถูกต้อง หลังทราบแผนงานของ คสช.เห็นว่าเขาเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจดี โดยเร่งแก้ปัญหาในระยะสั้นก่อน หลังรัฐบาลชุดก่อนล้มเหลว คือ โครงการจำนำข้าว ที่เร่งคืนหนี้ให้ชาวนา 92,000 ล้านบาท โดย 40,000 ล้านบาท มาจากสภาพคล่อง ธ.ก.ส. และอีก 52,000 ล้านบาทมาจาการกู้เงิน ซึ่งยังไม่ใช่มาจากรายได้จากการขายข้าว
ดังนั้น ที่ทหารควรทำมากที่สุด คือ ตรวจสอบข้าวในทุกโกดังอย่างเข้มงวดว่ามีสต๊อกข้าวมีอยู่เท่าไหร่ ใครทำผิดก็ควรดำเนินคดี รวมไปถึงการขายข้าวแบบจีทูจีปลอมๆ ที่อ้างมติ ครม.เมื่อปี 2545 สมัยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ยังมีการส่งมอบข้าวให้ภาคเอกชนอยู่ เพราะหากยังมีการส่งมอบข้าวจีทูจีปลอมก็ส่งผลให้ราคาข้าวใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดมีราคาตกต่ำด้วยเช่นกัน หาก คสช.ประสานข้อมูลจาก ป.ป.ช.และพรรคประชาธิปัตย์ที่ติดตามเรื่องนี้ก็จะมีข้อมูลนี้อยู่ โดยส่วนตัวอยากให้มีการเร่งในเรื่องนี้ เพราะมีข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์ บางส่วนที่มีส่วนร่วมในการทุจริตในโครงการจำนำข้าวด้วย รวมถึงการพิจารณารายงานการเบิกจ่ายงบปี 2558 ซึ่งถือว่า มีการพูดคุยกับกระทรวงการคลังในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
นายอรรถวิชช์กล่าวต่อว่า ส่วนปัญหาระยะยาวนั้นทราบจากการหารือว่าจะรื้อฟื้นโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ซึ่งแนวทางของ คสช.บางส่วนใกล้เคียงกับนโยบายของพรรค เช่น โครงการรถไฟฟ้าในเขต กทม. รถไฟรางคู่ โครงการพื้นฐานด้านถนน ที่ คสช.จะนำมาใส่ในงบปี 58 ซึ่งกำลังจัดทำให้ทันในวันที่ 1 ต.ค.นี้ทำให้เห็นทิศทางและแผนที่ข้าราชการประจำได้เสนอเอาไว้ และอยากให้ทหารเน้นความโปร่งใสเปิดเผยว่า โครงการต่างๆ มีรายละเอียดอย่างไร เพราะเป็นการลงทุนเมกกะโปรเจกต์หลายโครงการ เช่น เชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมตรวจสอบด้วย หากโครงการเมกะโปรเจกต์มีความชัดเจน งบปี 58 เดินได้เร็ว ตัวเลขความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ น่าจะปรับตัวขยายมากขึ้นถึง 3% แม้จะเป็นการเร่งในช่วงครึ่งปีหลัง เชื่อว่าจีดีพีกระโดดแน่ แต่ความโปร่งใสต้องเปิดเผย ไม่เช่นนั้นจะเท่ากับหนีเสือปะจระเข้ คือหนีรัฐบาลเลวมาเจอทหารแย่ จึงอยากให้ทหารเอาโครงการทั้งหมดมาอยู่ในงบปี 58 ให้เป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างที่ตรวจสอบได้ โดยให้ทหารนำภาคส่วนต่างๆ เข้ามามีส่วนรวมด้วย เพราะโครงการเหล่านี้ถูกพิจารณามาแล้วทั้งสิ้น
นายอรรถวิชช์กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาเรื่องการปฏิรูปพลังงานก็เป็นอีกเรื่องที่ คสช.ต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าก่อน คือ ปัญหาราคาแก๊สภาคครัวเรือนและภาคขนส่งมีราคาไม่เท่ากันจากมาตรการรัฐบาลก่อนที่ขึ้นราคาแก๊สหุงต้มมีราคาสูงกว่าภาคขนส่ง ส่วนในระยะยาวอยากให้ปัดฝุ่นโครงสร้างระบบสัมปทานน้ำมันและแก๊ส รวมไปถึงการนำท่อแก๊สคืนจาก ปตท.ตามมติ ครม. ในเรื่องพลังงานสังคมอยากเห็น คสช.ออกนโยบายปฏิรูปพลังงานโดยเร็ว
นายอรรถวิชช์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ขอให้ทหารเร่งทบทวนโครงการเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท มีข่าวว่า คสช.จะสานต่อในเรื่องนี้ จึงขอเตือนว่าโครงการนี้ผิดกฎหมาย เพราะมีการประมูลงานหลังจากครบกำหนดระยะเวลาในพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 3.5. แสนล้านบาทที่ระบุวันเวลาไว้ โดยบริษัทที่ได้งานส่วนใหญ่เกี่ยวพันกับระบอบทักษิณ จึงอยากให้ทบทวนเพราะการเบิกจ่ายเงินกู้เป็นการเบิกจ่ายเมื่อ พ.ร.ก.ดังกล่าวสิ้นอายุลงแล้ว เป็นเรื่องที่รัฐบาลก่อนฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนั้นหากทหารจะใช้เงินกู้ตาม พ.ร.ก.ฉบับนี้ก็ขอให้ข้าราชการกระทรวงการคลังนำเสนอขึ้นมาอีกครั้ง จึงขอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผบ.ทอ.และหัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจของ คสช.ระวังการสอดไส้ที่ข้าราชการบางส่วนไปเซ็นไว้ ซึ่ง พ.ร.ก.เงินกู้นี้สิ้นสุดเมื่อเดือน มิ.ย. 56 คสช.ต้องระวังอย่าทำผิดซ้ำรอยเดิม