ที่ประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญครั้งที่ 1 ที่มี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม ได้อ่านพระบรมราชโองการประกาศเรียกประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ต่อด้วยนำกล่าวคำปฏิญาณตนแก่ ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่ทั้ง 77 คน ตามมาตรา 123 ที่ กกต.ได้ประกาศรับรองผลแล้ว เพื่อให้ ส.ว.เลือกตั้งชุดใหม่มีสมาชิกภาพโดยสมบูรณ์
จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการประชุมเร่งด่วน 2 เรื่อง คือ 1.ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาเสนอรายชื่อบุคคล ที่เห็นสมควรเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 6 คน ก่อนให้วุฒิสภาคัดเลือกเหลือ 2 คน ต่อไป
2.ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายสุรชัย ได้เสนอต่อที่ประชุมให้ตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 24 คน เพื่อดำเนินการตามเรื่องเร่งด่วน 2 เรื่อง โดยแบ่งเป็น ส.ว.เลือกตั้ง 12 คน สรรหา 12 คน เนื่องจากเป็นการประชุมครั้งแรก ยังไม่สามารถตั้งคณะกรรมธิการสามัญทั้ง 22 คณะ เพื่อจะมีตัวแทนเป็นคณะกรรมาธิการ ประกอบกับวิปวุฒิสภาอีก 3 คน ตามปกติได้
ทั้งนี้ สมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ ส.ว.ตรัง อภิปรายไม่เห็นด้วยที่จะให้นายสุรชัย ปฏิบัติหน้าที่ประธาน เนื่องจากควรจะให้ผู้ที่มีอาวุโสขึ้นทำหน้าที่แทน
ส่วนนายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ว.กาฬสินธุ์ อภิปรายว่า ในส่วนกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา น่าจะยึดไปตามกรอบข้อบังคับการประชุม โดยเปิดโอกาสให้ ส.ว.เลือกตั้ง ได้มีการหารือพูดคุยกันก่อน
ส่วน นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ว.ชลบุรี ได้เสนอให้จำนวนกรรมาธิการเป็นเลขคี่ เพื่อเวลาโหวดจะชี้ขาดได้ และเสนอให้ สัดส่วนกรรมาธิการแบ่งเป็นรายภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก และภาคใต้
ขณะที่กลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นสนับสนุน นายสุรชัย ทั้งการทำหน้าที่ประธานการประชุม และการตั้งคณะกรรมาธิการโดยแบ่งสัดส่วนกันคนละครึ่ง ซึ่งการพิจารณาลงมติเลือก น.ส.สุภา ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.หรือไม่นั้น จะครบในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งถือว่าวุฒิสภามีเวลาจำกัด ส่วน นายสุรชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ก็มีความเหมาะสม หากไม่ลาออก ก็สามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ประธานได้จนกว่าจบควรวาระที่เหลืออีก 3 ปี
ภายหลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมง นายสุรชัย ได้สั่งพักการประชุม เพื่อขอให้ ส.ว.เลือกตั้ง ไปหารือที่ห้องรับรอง 1 – 2 อาคารรัฐสภา 2 ว่า เพื่อให้ได้รายชื่อกรรมาธิการทั้ง 2 คณะ กำหนดสัดส่วนว่าจะเอาจำนวนเท่าไร หรือจะกำหนดสัดส่วนเป็นรายภาคหรือไม่ก็ได้ ส่วน ส.ว.สรรหา หารือได้ที่ห้อง 307 -308 ก่อนนัดประชุมกันอีกครั้งในเวลา 13.30 น.
จากนั้นจึงเข้าสู่วาระการประชุมเร่งด่วน 2 เรื่อง คือ 1.ตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาเสนอรายชื่อบุคคล ที่เห็นสมควรเป็นกรรมการตุลาการศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 6 คน ก่อนให้วุฒิสภาคัดเลือกเหลือ 2 คน ต่อไป
2.ตั้งคณะกรรมาธิการสามัญ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายสุรชัย ได้เสนอต่อที่ประชุมให้ตั้งคณะกรรมาธิการจำนวน 24 คน เพื่อดำเนินการตามเรื่องเร่งด่วน 2 เรื่อง โดยแบ่งเป็น ส.ว.เลือกตั้ง 12 คน สรรหา 12 คน เนื่องจากเป็นการประชุมครั้งแรก ยังไม่สามารถตั้งคณะกรรมธิการสามัญทั้ง 22 คณะ เพื่อจะมีตัวแทนเป็นคณะกรรมาธิการ ประกอบกับวิปวุฒิสภาอีก 3 คน ตามปกติได้
ทั้งนี้ สมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ ส.ว.ตรัง อภิปรายไม่เห็นด้วยที่จะให้นายสุรชัย ปฏิบัติหน้าที่ประธาน เนื่องจากควรจะให้ผู้ที่มีอาวุโสขึ้นทำหน้าที่แทน
ส่วนนายวิรัช พิมพะนิตย์ ส.ว.กาฬสินธุ์ อภิปรายว่า ในส่วนกรรมาธิการตรวจสอบประวัติ น.ส.สุภา น่าจะยึดไปตามกรอบข้อบังคับการประชุม โดยเปิดโอกาสให้ ส.ว.เลือกตั้ง ได้มีการหารือพูดคุยกันก่อน
ส่วน นายสุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรรักษ์ ส.ว.ชลบุรี ได้เสนอให้จำนวนกรรมาธิการเป็นเลขคี่ เพื่อเวลาโหวดจะชี้ขาดได้ และเสนอให้ สัดส่วนกรรมาธิการแบ่งเป็นรายภาคเหนือ อีสาน กลาง ตะวันออก และภาคใต้
ขณะที่กลุ่ม 40 ส.ว. อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้ลุกขึ้นมาแสดงความคิดเห็นสนับสนุน นายสุรชัย ทั้งการทำหน้าที่ประธานการประชุม และการตั้งคณะกรรมาธิการโดยแบ่งสัดส่วนกันคนละครึ่ง ซึ่งการพิจารณาลงมติเลือก น.ส.สุภา ดำรงตำแหน่ง ป.ป.ช.หรือไม่นั้น จะครบในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งถือว่าวุฒิสภามีเวลาจำกัด ส่วน นายสุรชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ก็มีความเหมาะสม หากไม่ลาออก ก็สามารถดำรงอยู่ในตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่ประธานได้จนกว่าจบควรวาระที่เหลืออีก 3 ปี
ภายหลังการหารือกว่า 2 ชั่วโมง นายสุรชัย ได้สั่งพักการประชุม เพื่อขอให้ ส.ว.เลือกตั้ง ไปหารือที่ห้องรับรอง 1 – 2 อาคารรัฐสภา 2 ว่า เพื่อให้ได้รายชื่อกรรมาธิการทั้ง 2 คณะ กำหนดสัดส่วนว่าจะเอาจำนวนเท่าไร หรือจะกำหนดสัดส่วนเป็นรายภาคหรือไม่ก็ได้ ส่วน ส.ว.สรรหา หารือได้ที่ห้อง 307 -308 ก่อนนัดประชุมกันอีกครั้งในเวลา 13.30 น.
