ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 (พระปรมาภิไธย) ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ 30 เมษายน 2557 เป็นปีที่ 69 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลฯว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ได้แจ้งว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ที่วุฒิสภาจะต้องมีการประชุม เพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คือ การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา 226(3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สมควรเรียกประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ ตามมาตรา 128 วรรคสาม เพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมและปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 128 วรรคสามและวรรคสี่ และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับนับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 เพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมตามมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คือ การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา 226(3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
**ยังไม่เลือกปธ.วุฒิ สมัยประชุมนี้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ตนจะยังไม่เสนอญัตติ เพื่อเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา ในระหว่างสมัยประชุมวิสามัญที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-10 พ.ค.นี้ เนื่องจากได้พิจารณาความตามพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2557 แล้ว พบว่าในพระราชกฤษฎีกาฯได้มีการกำหนดความ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการทำหน้าที่วุฒิสภาในระหว่างสมัยประชุมวิสามัญอยู่ ซึ่งจากการหารือกับเพื่อนสมาชิก ก็มีความเห็นว่า หากวุฒิสภาไม่ดำเนินการตามความในพระพระราชกฤษฎีกาฯ อาจจะทำให้มีผลกระทบต่อการทำหน้างานของวุฒิสภา และที่สำคัญ ตนมองว่า การกำหนดรายละเอียดเรื่องไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยตนเชื่อว่ารัฐบาลพยายามที่ จะจำกัดกรอบการทำงานของวุฒิสภา ไม่ให้ดำเนินการในเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นไปตามแผนการของรัฐบาล ที่อาจทำให้มีผลทางข้อกฏหมาย ตนจะยังไม่เสนอญัตติเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา ต่อที่ประชุมในระหว่างสมัยประชุมวิสามัญนี้ แต่ถ้าจะมีสมาชิกคนอื่นเสนอ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูลฯว่า ในขณะนี้อยู่ระหว่างการยุบสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานวุฒิสภา ได้แจ้งว่ามีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ ที่วุฒิสภาจะต้องมีการประชุม เพื่อทำหน้าที่พิจารณาให้บุคคลดำรงตำแหน่งตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คือ การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา 226(3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย สมควรเรียกประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญ ตามมาตรา 128 วรรคสาม เพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมและปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 128 วรรคสามและวรรคสี่ และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้ มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557” มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับนับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา 3 ให้เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ.2557 เพื่อให้วุฒิสภาดำเนินการประชุมตามมาตรา 132 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย คือ การเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง ตามมาตรา 226(3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และการเลือกกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามมาตรา 246 ประกอบกับมาตรา 206 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2557
โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
**ยังไม่เลือกปธ.วุฒิ สมัยประชุมนี้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา เปิดเผยว่า ตนจะยังไม่เสนอญัตติ เพื่อเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา ในระหว่างสมัยประชุมวิสามัญที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 2-10 พ.ค.นี้ เนื่องจากได้พิจารณาความตามพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2557 แล้ว พบว่าในพระราชกฤษฎีกาฯได้มีการกำหนดความ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของการทำหน้าที่วุฒิสภาในระหว่างสมัยประชุมวิสามัญอยู่ ซึ่งจากการหารือกับเพื่อนสมาชิก ก็มีความเห็นว่า หากวุฒิสภาไม่ดำเนินการตามความในพระพระราชกฤษฎีกาฯ อาจจะทำให้มีผลกระทบต่อการทำหน้างานของวุฒิสภา และที่สำคัญ ตนมองว่า การกำหนดรายละเอียดเรื่องไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยตนเชื่อว่ารัฐบาลพยายามที่ จะจำกัดกรอบการทำงานของวุฒิสภา ไม่ให้ดำเนินการในเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาฯ
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นไปตามแผนการของรัฐบาล ที่อาจทำให้มีผลทางข้อกฏหมาย ตนจะยังไม่เสนอญัตติเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภา ต่อที่ประชุมในระหว่างสมัยประชุมวิสามัญนี้ แต่ถ้าจะมีสมาชิกคนอื่นเสนอ ก็ถือว่าเป็นสิทธิ
