นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่วุฒิสภาเตรียมทำหนังสือขอให้รักษาการนายกรัฐมนตรีตรา พ.ร.ฎ.เปิดประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ ในวันที่ 24 เมษายน ว่า ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะเห็นชอบหรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่าในเมื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดตนตามมาตรา 272 วุฒิสภาต้องเปิดประชุมเพื่อถอดถอนตนตามมาตรา 273 แต่ถ้าจะขอให้รักษาการนายกรัฐมนตรีตรา พ.ร.ฎ.เปิดประชุมตามมาตราอื่น ต้องดูว่าจะเปิดประชุมเพื่ออะไร แต่ถ้ายังไม่สามารถทำการเปิดประชุมได้ ตนมองว่าจะต้องมีผู้ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยอ้างว่าเป็นความขัดแย้งเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ระหว่างองค์กรตามมาตรา 214 อย่างแน่นอน และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไม่ต้องคิดว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วจะต้องเปิดประชุมวุฒิสภาจนได้
นอกจากนี้ ความพยายามเปิดประชุมวุฒิสภายังสะท้อนได้ว่า เป็นความพยายามจ้องจะเล่นงานตน เตรียมการสำหรับการถอดถอนรักษาการนายกรัฐมนตรี และต้องการเลือกประธานวุฒิสภา ทั้งที่อยู่นอกสมัยการประชุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์วุฒิสภา
ทั้งนี้ เพื่อจะนำไปสู่การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 ในชั้นวุฒิสภาให้ได้
อย่างไรก็ตาม วุฒิสภายังคงมีความสำคัญต่อสถานการณ์ทางเมืองในขณะนี้ จึงอยากฝากไว้ว่าไม่ว่าจะดำเนินการอะไรขอให้วางอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เนื่องจากจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปอนาคต เพื่อจะให้วุฒิสภาเป็นอำนาจนิติบัญญัติสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้เป็นที่พึ่งให้แก่สังคม
นอกจากนี้ ความพยายามเปิดประชุมวุฒิสภายังสะท้อนได้ว่า เป็นความพยายามจ้องจะเล่นงานตน เตรียมการสำหรับการถอดถอนรักษาการนายกรัฐมนตรี และต้องการเลือกประธานวุฒิสภา ทั้งที่อยู่นอกสมัยการประชุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์วุฒิสภา
ทั้งนี้ เพื่อจะนำไปสู่การแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มาตรา 7 ในชั้นวุฒิสภาให้ได้
อย่างไรก็ตาม วุฒิสภายังคงมีความสำคัญต่อสถานการณ์ทางเมืองในขณะนี้ จึงอยากฝากไว้ว่าไม่ว่าจะดำเนินการอะไรขอให้วางอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย เนื่องจากจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปอนาคต เพื่อจะให้วุฒิสภาเป็นอำนาจนิติบัญญัติสุดท้ายที่เหลืออยู่ได้เป็นที่พึ่งให้แก่สังคม