นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยกำลังต่อสู้อยู่ในสงครามความชอบธรรม โดยพรรคเพื่อไทยพยายามรักษาความชอบธรรม ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามไม่สนใจและละทิ้งหลักกฎหมาย ไม่รักษาความชอบธรรม ตีความกฎหมายเอาแต่ใจชอบของตัวเอง เริ่มตั้งแต่กรณีที่สมาชิกรัฐสภาร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.เพื่อให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้ง กลายเป็นว่าทั้ง ส.ส.และ ส.ว.กลับมีความผิดและถูกถอดถอน อีกทั้งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งถูกขัดขวางโดยกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (กปปส.) แต่ศาลเพิกเฉยที่จะชี้มูลความผิดคนที่ขัดขวางการเลือกตั้ง แต่กลับตัดสินโดยลิดรอนสิทธิของผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 20 กว่าล้านคน
นอกจากนี้ เมื่อ กปปส.ทำผิด ศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) ไปยื่นร้องต่อศาลว่าการชุมนุมเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่ศาลกลับปฏิเสธคำร้อง โดยระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ และห้ามไม่ให้ภาครัฐดำเนินการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบ ขณะที่ทหารออกมาตั้งบังเกอร์ทั่วกรุงเทพฯ และไม่สนใจกับคำสั่งทางการเมืองของฝ่ายบริหาร ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เท่ากับ กกต.หรือเท่ากับคณะกรรมการกีดกันการเลือกตั้งหรือไม่
ส่วนองค์กรอิสระบางองค์กรกลับออกมาทำงานกันแบบสุดตัวโดยละทิ้งความชอบธรรม ไม่เคารพกติกาและกฎหมาย ขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย กลับออกมาเสนอนายกฯ คนกลางแบบหน้าด้านๆ หลายคนหางโผล่กันมาหมดแล้ว นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าสังคมรู้ดีว่าบ้านเมืองจะเป็นเช่นไรต่อไป ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามที่อ้างจะปฏิรูปประเทศก่อนนั้น คงอยากปฏิรูปเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ ส.ส.มาจากการแต่งตั้ง ส่วนที่มาจากการเลือกตั้งคงเหลือเพียง 1 ใน 3 และการให้นายกรัฐมนตรีเว้นวรรคทางการเมือง ตนอยากรู้ว่านายกฯ คนกลางที่ว่าคือใคร
นายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า สงครามครั้งนี้เป็นสงครามแบ่งแยกระหว่างความชอบธรรมกับความไม่ชอบธรรม แม้พรรคเพื่อไทยจะถูกฝ่ายตรงข้ามรุมทำร้ายทุกวิถีทาง แต่มั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วความชอบธรรมจะชนะ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้บนวิถีประชาธิปไตยต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อ กปปส.ทำผิด ศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) ไปยื่นร้องต่อศาลว่าการชุมนุมเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 แต่ศาลกลับปฏิเสธคำร้อง โดยระบุว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ และห้ามไม่ให้ภาครัฐดำเนินการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบ ขณะที่ทหารออกมาตั้งบังเกอร์ทั่วกรุงเทพฯ และไม่สนใจกับคำสั่งทางการเมืองของฝ่ายบริหาร ขณะที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เท่ากับ กกต.หรือเท่ากับคณะกรรมการกีดกันการเลือกตั้งหรือไม่
ส่วนองค์กรอิสระบางองค์กรกลับออกมาทำงานกันแบบสุดตัวโดยละทิ้งความชอบธรรม ไม่เคารพกติกาและกฎหมาย ขณะที่ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองก็ไม่ยอมรับระบอบประชาธิปไตย กลับออกมาเสนอนายกฯ คนกลางแบบหน้าด้านๆ หลายคนหางโผล่กันมาหมดแล้ว นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าสังคมรู้ดีว่าบ้านเมืองจะเป็นเช่นไรต่อไป ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามที่อ้างจะปฏิรูปประเทศก่อนนั้น คงอยากปฏิรูปเพียงการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยให้ ส.ส.มาจากการแต่งตั้ง ส่วนที่มาจากการเลือกตั้งคงเหลือเพียง 1 ใน 3 และการให้นายกรัฐมนตรีเว้นวรรคทางการเมือง ตนอยากรู้ว่านายกฯ คนกลางที่ว่าคือใคร
นายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า สงครามครั้งนี้เป็นสงครามแบ่งแยกระหว่างความชอบธรรมกับความไม่ชอบธรรม แม้พรรคเพื่อไทยจะถูกฝ่ายตรงข้ามรุมทำร้ายทุกวิถีทาง แต่มั่นใจว่าท้ายที่สุดแล้วความชอบธรรมจะชนะ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้บนวิถีประชาธิปไตยต่อไป
