วานนี้ (3เม.ย.) ที่พรรคเพื่อไทย นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากที่ตนออกมาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากล ความเร่งรีบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว ถึงแม้ป.ป.ช.จะพยายามออกมาแก้ข่าว แต่ก็เกิดหลักฐานมัดตัวต่อความมั่วที่เกิด ยกตัวอย่าง เช่น ป.ป.ช.ระบุ มีคำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงจนนายกฯ มารับทราบข้อกล่าวหา รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 1 ปี 10 เดือน ไม่ใช่ 21วัน แต่จากข้อเท็จจริงปรากฏเป็นหลักฐานเอกสารชิ้นแรก เป็นคำสั่ง ป.ป.ช. ที่27/57 ลงวันที่ 28 ม.ค. 57 ดังนั้นการที่ป.ป.ช.ออกมาบอกไต่สวนนายกฯนานแล้ว จึงไม่เป็นความจริง อาจทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดได้ เพราะข้อเท็จจริงแล้วใช้เวลาแค่ 21วันจริงๆ
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เอกสารเพียง 49 แผ่น ที่ใช้กล่าวหานายกฯ บวกกับเอกสารอีก 280 แผ่น ที่ได้ก่อนนายกฯ เข้าชี้แจงเพียง 3 วัน ปรากฏข้อพิรุธมากมาย ที่เห็นได้ชัดเจนคือ เอกสารทางบัญชีของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ใช้เป็นเอกสารสำคัญ พบว่าตัวเลข รายได้ รายจ่าย กำไร ขาดทุนในแต่ละฤดูเพาะปลูก มีตัวเลขหลังการปิดบัญชีไม่ตรงกัน แสดงให้เห็นว่า หลักฐานชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ดันทุรังนำมาประกอบการพิจารณา แถมเอกสารชิ้นนี้ ได้แสดงตัวเลขการทุจริตของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ แต่ทำไม ป.ป.ช.ยังคงปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ ลอยนวล ไม่มีการชี้มูลความผิดแต่อย่างใด
และที่น่าแปลกใจอีกเรื่องคือ การไม่ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริง แต่กรณีเดียวกันที่เกิดขึ้นกับนายอภิสิทธิ์ กลับมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน การกระทำสองมาตราฐานเช่นนี้ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาป.ป.ช. และเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังใช่ หรือไม่ ดังนั้นตนจึงขอให้คำจำกัดความความต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ด้วยคำ 3 คำ สั้นๆว่า "มั่วมีธง"
**ฟ้องเลขาฯไอพียูถูกป.ป.ช.รังแก
นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการบริหารหน่วยประจำชาติไทย ในองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ (ไอพียู) กล่าวว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ตนและคณะ ได้เดินทางเข้าพบเลขาธิการไอพียู ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรายงานข้อเท็จจริง กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะตัดสินการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.-ส.ว. 308 คน ซึ่งเป็นการไม่เคารพหลักนิติรัฐ และหลักการประชาธิปไตย ส.ส.-ส.ว.เป็นสมาชิกรัฐสภา มีอำนาจออกกฎหมาย และแก้กฏหมาย ซึ่งทางเลขาฯไอพียู มีความเป็นห่วงและเข้าใจปัญหาการเมืองในประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหารในปี 49 หากป.ป.ช. ยังเดินหน้าทำลายล้างนักการเมืองเพื่อให้เกิดสูญญากาศ สอดคล้องกับการทำลายนายกฯ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนกลางประชาคมโลก จะไม่นิ่งเฉย และจะมีมาตรการลงโทษจากนานาชาติ จากการที่องค์กรอิสระ ละเมิดสิทธิมนุษยชนของ ส.ส.
ทั้งนี้ ตนอยากขอร้องให้ ป.ป.ช.มีวิจารณญานในการพิจารณาตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรม มิใช่ทำตามใบสั่ง และทำตามอคติที่มีความเกลียดชังนักการเมือง และต้องการทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ดูหลักการ เหตุและผล ในการกระทำของ ส.ส.-ส.ว. 308 คน ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ที่มาจากประชาชน
เมื่อถามว่า ไอพียู สามารถทำอะไรได้บ้าง นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า หากมีการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ก็อาจถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติได้ ส่วนที่มีการมองกันว่า ทำไมเอาคนนอกเข้ามาจัดการปัญหาบ้านเมืองนั้น เพราะคนในบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่มีที่พึ่ง ส.ส.-ส.ว. 308 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า เอกสารเพียง 49 แผ่น ที่ใช้กล่าวหานายกฯ บวกกับเอกสารอีก 280 แผ่น ที่ได้ก่อนนายกฯ เข้าชี้แจงเพียง 3 วัน ปรากฏข้อพิรุธมากมาย ที่เห็นได้ชัดเจนคือ เอกสารทางบัญชีของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ที่ใช้เป็นเอกสารสำคัญ พบว่าตัวเลข รายได้ รายจ่าย กำไร ขาดทุนในแต่ละฤดูเพาะปลูก มีตัวเลขหลังการปิดบัญชีไม่ตรงกัน แสดงให้เห็นว่า หลักฐานชิ้นนี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็ดันทุรังนำมาประกอบการพิจารณา แถมเอกสารชิ้นนี้ ได้แสดงตัวเลขการทุจริตของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ แต่ทำไม ป.ป.ช.ยังคงปล่อยให้นายอภิสิทธิ์ ลอยนวล ไม่มีการชี้มูลความผิดแต่อย่างใด
และที่น่าแปลกใจอีกเรื่องคือ การไม่ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน แต่คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวนข้อเท็จจริง แต่กรณีเดียวกันที่เกิดขึ้นกับนายอภิสิทธิ์ กลับมีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน การกระทำสองมาตราฐานเช่นนี้ ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาป.ป.ช. และเชื่อว่าการกระทำเช่นนี้ต้องมีผู้บงการอยู่เบื้องหลังใช่ หรือไม่ ดังนั้นตนจึงขอให้คำจำกัดความความต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ด้วยคำ 3 คำ สั้นๆว่า "มั่วมีธง"
**ฟ้องเลขาฯไอพียูถูกป.ป.ช.รังแก
นางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมการบริหารหน่วยประจำชาติไทย ในองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ (ไอพียู) กล่าวว่า เมื่อช่วงปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ตนและคณะ ได้เดินทางเข้าพบเลขาธิการไอพียู ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อรายงานข้อเท็จจริง กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะตัดสินการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.-ส.ว. 308 คน ซึ่งเป็นการไม่เคารพหลักนิติรัฐ และหลักการประชาธิปไตย ส.ส.-ส.ว.เป็นสมาชิกรัฐสภา มีอำนาจออกกฎหมาย และแก้กฏหมาย ซึ่งทางเลขาฯไอพียู มีความเป็นห่วงและเข้าใจปัญหาการเมืองในประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่มีการปฏิวัติรัฐประหารในปี 49 หากป.ป.ช. ยังเดินหน้าทำลายล้างนักการเมืองเพื่อให้เกิดสูญญากาศ สอดคล้องกับการทำลายนายกฯ เพื่อเปิดทางให้มีนายกฯ คนกลางประชาคมโลก จะไม่นิ่งเฉย และจะมีมาตรการลงโทษจากนานาชาติ จากการที่องค์กรอิสระ ละเมิดสิทธิมนุษยชนของ ส.ส.
ทั้งนี้ ตนอยากขอร้องให้ ป.ป.ช.มีวิจารณญานในการพิจารณาตามหลักนิติรัฐ และนิติธรรม มิใช่ทำตามใบสั่ง และทำตามอคติที่มีความเกลียดชังนักการเมือง และต้องการทำลายล้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ดูหลักการ เหตุและผล ในการกระทำของ ส.ส.-ส.ว. 308 คน ที่ไม่ได้ทำผิดอะไร เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภา ที่มาจากประชาชน
เมื่อถามว่า ไอพียู สามารถทำอะไรได้บ้าง นางกุสุมาลวตี กล่าวว่า หากมีการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม ก็อาจถูกคว่ำบาตรจากนานาชาติได้ ส่วนที่มีการมองกันว่า ทำไมเอาคนนอกเข้ามาจัดการปัญหาบ้านเมืองนั้น เพราะคนในบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมไม่มีที่พึ่ง ส.ส.-ส.ว. 308 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชน กลับไม่ได้รับความเป็นธรรม