คาซัคสถานและคีร์กีซสถาน สองชาติเอเชียกลางในวันจันทร์(17) ยืนยันไม่มีเครื่องบินทีไม่สามารถระบุตัวตนสัญจรผ่านข้ามน่านฟ้าของพวกเขาในวันที่ 8 มีนาคม ด้วยเหตุนี้ข้อสันนิษฐานที่ว่าเที่ยวบิน MH370 อาจเบี่ยงเส้นทางขึ้นเหนือผ่านประเทศไทย จึงไม่น่าจะเป็นไปได้
คณะกรรมการการบินพลเรือนของคาซัคสถาน อ้างในถ้อยแถลงที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า หากครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารกับลูกเรือ 239 คน บินเข้าสู่น่านฟ้าของคาซัคสถาน ก็น่าจะมีการตรวจจับได้ "แม้หากมีการปิดอุปกรณ์บนเครื่องบินทั้งหมด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบินผ่านไปอย่างเงียบเชียบ" เซริค มัคตีบาเยฟ รองประธานคณะกรรมการระบุ "นอกจากนี้แล้วยังมีหน่วยงานทางทหารต่างๆนานาที่ทำหน้าที่ตรวจตราน่านฟ้าของประเทศ"
นอกจากนี้แล้วทาง มัคตีบาเยฟ ให้ข้อมูลด้วยว่า ในวันที่ 8 มีนาคม วันเดียวกับที่เที่ยวบิน MH370สูญหาย มีเที่ยวบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ทั้งเที่ยวมุ่งสู่หรือมาจากยุโรป สัญจรผ่านน่านฟ้าของคาซัคสถานทั้งหมด 9 เที่ยว แสดงถึงการตรวจสอบการบินอย่างใกล้ชิดของพวกเขา "แม้แต่ลองสมมุติดู ก่อนถึงอาณาเขตของคาซัคสถาน ตามเส้นทางของมัน เครื่องบินนี้คงต้องบินผ่านประเทศอื่นๆมาก่อน ซึ่งแต่ละประเทศก็ตรวจตราเขตการบินอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ดังนั้นหากเป็นจริง เราก็คงได้รับข้อมูลจากประเทศเหล่านั้นไปแล้ว"
ด้านโฆษกของประธานาธิบดีอัลมาซเบ็ค อาตัมบาเยฟ แห่งคีร์กีซสถาน เพื่อนบ้านของคาซัคสถาน เปิดเผยว่าในวันจันทร์(17) นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ได้โทรศัพท์ถึงอาตัมบาเยฟ บอกเช่นกันว่าเครื่องบินอาจเบี่ยงเส้นทางบินผ่านประเทศของเขา และร้องขอข้อมูลใดๆที่อาจมีส่วนช่วยในการสืบสวน
อย่างไรก็ตามสำนักงานการบินพลเรือนของคีร์กีซสถาน ปฏิเสธถึงความเป็นไปใดๆในกรณีเครื่องบินลำนี้อาจสูญหายในหรือใกล้ๆคีร์กีซสถาน "ไม่ เครื่องบินลำนี้ไม่ได้บินผ่านดินแดนของคีร์กีซสถาน" ดาอีร์ โทโกบาเยฟ รองประธานสนามบินพลเรือนหลักของคีร์กีซสถานบอกกับรอยเตอร์ส "เรามีฐานทัพอากาศ 2 แห่ง ของสหรัฐฯ 1 และรัสเซียอีก 1 ในประเทศของเขา และมีอุปกรณ์เรดาร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถตรวจจับเครื่องบินลำนี้ได้หากมันบินผ่านเข้ามา"
คณะกรรมการการบินพลเรือนของคาซัคสถาน อ้างในถ้อยแถลงที่ส่งถึงสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า หากครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารกับลูกเรือ 239 คน บินเข้าสู่น่านฟ้าของคาซัคสถาน ก็น่าจะมีการตรวจจับได้ "แม้หากมีการปิดอุปกรณ์บนเครื่องบินทั้งหมด มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบินผ่านไปอย่างเงียบเชียบ" เซริค มัคตีบาเยฟ รองประธานคณะกรรมการระบุ "นอกจากนี้แล้วยังมีหน่วยงานทางทหารต่างๆนานาที่ทำหน้าที่ตรวจตราน่านฟ้าของประเทศ"
นอกจากนี้แล้วทาง มัคตีบาเยฟ ให้ข้อมูลด้วยว่า ในวันที่ 8 มีนาคม วันเดียวกับที่เที่ยวบิน MH370สูญหาย มีเที่ยวบินของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ทั้งเที่ยวมุ่งสู่หรือมาจากยุโรป สัญจรผ่านน่านฟ้าของคาซัคสถานทั้งหมด 9 เที่ยว แสดงถึงการตรวจสอบการบินอย่างใกล้ชิดของพวกเขา "แม้แต่ลองสมมุติดู ก่อนถึงอาณาเขตของคาซัคสถาน ตามเส้นทางของมัน เครื่องบินนี้คงต้องบินผ่านประเทศอื่นๆมาก่อน ซึ่งแต่ละประเทศก็ตรวจตราเขตการบินอย่างใกล้ชิดเช่นกัน ดังนั้นหากเป็นจริง เราก็คงได้รับข้อมูลจากประเทศเหล่านั้นไปแล้ว"
ด้านโฆษกของประธานาธิบดีอัลมาซเบ็ค อาตัมบาเยฟ แห่งคีร์กีซสถาน เพื่อนบ้านของคาซัคสถาน เปิดเผยว่าในวันจันทร์(17) นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ของมาเลเซีย ได้โทรศัพท์ถึงอาตัมบาเยฟ บอกเช่นกันว่าเครื่องบินอาจเบี่ยงเส้นทางบินผ่านประเทศของเขา และร้องขอข้อมูลใดๆที่อาจมีส่วนช่วยในการสืบสวน
อย่างไรก็ตามสำนักงานการบินพลเรือนของคีร์กีซสถาน ปฏิเสธถึงความเป็นไปใดๆในกรณีเครื่องบินลำนี้อาจสูญหายในหรือใกล้ๆคีร์กีซสถาน "ไม่ เครื่องบินลำนี้ไม่ได้บินผ่านดินแดนของคีร์กีซสถาน" ดาอีร์ โทโกบาเยฟ รองประธานสนามบินพลเรือนหลักของคีร์กีซสถานบอกกับรอยเตอร์ส "เรามีฐานทัพอากาศ 2 แห่ง ของสหรัฐฯ 1 และรัสเซียอีก 1 ในประเทศของเขา และมีอุปกรณ์เรดาร์ที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถตรวจจับเครื่องบินลำนี้ได้หากมันบินผ่านเข้ามา"
