นายรักษเกชา แฉ่ฉาย โฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายกิตติพงศ์ กมลธรรมวงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้พิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 244(1) (ค) ประกอบมาตรา 245 เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ การจัดการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นโมฆะ เนื่องจากเห็นว่ามีการดำเนินการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญโดยเนื้อหาคำร้องจะมีความแตกต่างจากคำร้องของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นให้ผู้ตรวจการส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง ส.ส.2 กุมภาพันธ์ เป็นโมฆะ และผู้ตรวจวินิจฉัยไม่รับคำร้อง
โดยคำร้องของนายกิตติศักดิ์ จะเป็นการร้องเมื่อการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ผ่านไปแล้ว แต่ของนายวิรัตน์ เป็นการร้องก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ดังนั้น ข้อเท็จจริงตามคำร้องจึงมีความแตกต่างกัน ซึ่งที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินก็คงต้องนำความแตกต่างนี้มาพิจาณาว่าจะสามารถมีความเห็นและเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างที่ผู้ร้องเสนอได้หรือไม่ ขณะนี้จึงให้ทางสำนักงานเร่งศึกษาคำร้อง เพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการประชุมทุกวันอังคารของสัปดาห์ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการเสนอต่อที่ประชุมผู้ตรวจได้ทันการประชุมในวันอังคารหน้าหรือไม่
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เนื้อคำร้องของนายกิตติศักดิ์ ที่เห็นว่าการดำเนินการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญประกอบด้วย การที่ 28 เขตเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีผู้สมัครทำให้การเลือกตั้งทั่วไปมี 2 วัน วันแรก 2 กุมภาพันธ์ มี 347 เขตเลือกตั้ง และอีกหนึ่งวันที่จะมีการจัดเลือกตั้งใน28เขตเลือกตั้ง จึงทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 108 และยังขัดกับหลักการของประชาธิปไตยแบบผู้แทน ย่อมส่งผลให้ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งต่างวาระกัน มีฐานทางกฎหมายและความชอบธรรมของการเป็นผู้แทนที่แตกต่างกัน การสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ไม่เที่ยงธรรม โดยการสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองที่ไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่รับสมัครได้ ไปแจ้งความไว้ที่กองปราบหรือ สน.ดินแดง ซึ่งไม่ใช่สถานที่รับสมัครเลือกตั้งตามที่ กกต.ได้ประกาศให้ทราบล่วงหน้าไว้ ถือเป็นการเลือกปฏิบัติให้ตัวแทนพรรคการเมืองได้สิทธิในการจัดสลากหมายเลข และในการรับสมัคร ส.ส.เขต บางจังหวัดยังมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้มีจำนวนถึง 16 เขตเลือกตั้ง ที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว
นอกจากนี้ การนับคะแนนเสียงเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้งหลังสิ้นสุดระยะเวลาลงคะแนนในวันที่2ก.พ.ทำให้ผู้ที่จะมาเลือกตั้งหลังวันดังกล่าวทราบผลการเลือกตั้งก่อนการลงคะแนน ทำให้เกิดผลกระทบต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงและเกิดความไม่เที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง ขัดต่อหลักความเสมอภาคและโอกาสที่ทัดเทียมกันของผู้สมัครรับเลือกตั้ง
อีกทั้งการให้นับคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ จะทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งทั่วไปที่เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 20 และ 27 เมษายน 2557เป็นอันไร้ผล เพราะบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจะกลายเป็นบัตรเสียตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และ กกต.ปล่อยปละละเลยให้มีการใช้อำนาจรัฐ ก่อให้เกิดความได้เปรียบของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่4 จังหวัด โดยมีการออกประกาศหลายฉบับที่มีผลโดยตรงต่อการทำให้เกิดความไม่เสมอภาคและความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง
โดยคำร้องของนายกิตติศักดิ์ จะเป็นการร้องเมื่อการเลือกตั้ง 2 กุมภาพันธ์ ผ่านไปแล้ว แต่ของนายวิรัตน์ เป็นการร้องก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ดังนั้น ข้อเท็จจริงตามคำร้องจึงมีความแตกต่างกัน ซึ่งที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินก็คงต้องนำความแตกต่างนี้มาพิจาณาว่าจะสามารถมีความเห็นและเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างที่ผู้ร้องเสนอได้หรือไม่ ขณะนี้จึงให้ทางสำนักงานเร่งศึกษาคำร้อง เพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณา ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีการประชุมทุกวันอังคารของสัปดาห์ แต่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะมีการเสนอต่อที่ประชุมผู้ตรวจได้ทันการประชุมในวันอังคารหน้าหรือไม่
ทั้งนี้ มีรายงานว่า เนื้อคำร้องของนายกิตติศักดิ์ ที่เห็นว่าการดำเนินการจัดการเลือกตั้งของ กกต.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญประกอบด้วย การที่ 28 เขตเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีผู้สมัครทำให้การเลือกตั้งทั่วไปมี 2 วัน วันแรก 2 กุมภาพันธ์ มี 347 เขตเลือกตั้ง และอีกหนึ่งวันที่จะมีการจัดเลือกตั้งใน28เขตเลือกตั้ง จึงทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 108 และยังขัดกับหลักการของประชาธิปไตยแบบผู้แทน ย่อมส่งผลให้ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งต่างวาระกัน มีฐานทางกฎหมายและความชอบธรรมของการเป็นผู้แทนที่แตกต่างกัน การสมัครเลือกตั้ง ส.ส. ไม่เที่ยงธรรม โดยการสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคการเมืองที่ไม่สามารถเข้าไปยังสถานที่รับสมัครได้ ไปแจ้งความไว้ที่กองปราบหรือ สน.ดินแดง ซึ่งไม่ใช่สถานที่รับสมัครเลือกตั้งตามที่ กกต.ได้ประกาศให้ทราบล่วงหน้าไว้ ถือเป็นการเลือกปฏิบัติให้ตัวแทนพรรคการเมืองได้สิทธิในการจัดสลากหมายเลข และในการรับสมัคร ส.ส.เขต บางจังหวัดยังมีการเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ทำให้มีจำนวนถึง 16 เขตเลือกตั้ง ที่มีผู้สมัครเพียงคนเดียว
นอกจากนี้ การนับคะแนนเสียงเลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้งหลังสิ้นสุดระยะเวลาลงคะแนนในวันที่2ก.พ.ทำให้ผู้ที่จะมาเลือกตั้งหลังวันดังกล่าวทราบผลการเลือกตั้งก่อนการลงคะแนน ทำให้เกิดผลกระทบต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงและเกิดความไม่เที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง ขัดต่อหลักความเสมอภาคและโอกาสที่ทัดเทียมกันของผู้สมัครรับเลือกตั้ง
อีกทั้งการให้นับคะแนนเสียงเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ จะทำให้การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าและการเลือกตั้งทั่วไปที่เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 20 และ 27 เมษายน 2557เป็นอันไร้ผล เพราะบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจะกลายเป็นบัตรเสียตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง และ กกต.ปล่อยปละละเลยให้มีการใช้อำนาจรัฐ ก่อให้เกิดความได้เปรียบของผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองที่เป็นรัฐบาลโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่4 จังหวัด โดยมีการออกประกาศหลายฉบับที่มีผลโดยตรงต่อการทำให้เกิดความไม่เสมอภาคและความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง
