สหรัฐฯลดความเสี่ยงที่จะเกิด “วิกฤตชัตดาวน์” ขึ้นมาอีกก่อนจะถึงฤดูเลือกตั้งกลางเทอมปลายปีนี้ เมื่อพวก ส.ส.รีพับลิกันยินยอมเปิดทางในวันอังคาร (11 ก.พ.) ให้ขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลอย่างไม่มีเงื่อนไขผูกมัด ตามข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ในเวลาเดียวกัน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คนใหม่ เจเน็ต เยลเลน ไปชี้แจงกับรัฐสภาเป็นครั้งแรกภายหลังรับตำแหน่ง โดยยืนยันว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างกะทันหัน และจะเดินหน้าลดมาตรการ “คิวอี” ต่อไป แม้ตลาดแรงงานของสหรัฐฯยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ก็ตาม
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติในวันอังคารให้ขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลออกไปจนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2015 ด้วยคะแนน 221 ต่อ 201 โดยที่เสียงสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากส.ส.ของพรรคเดโมแครต ขณะที่ ส.ส.พรรครีพับลิกันหลายคนก็ลงคะแนนให้ด้วย จากนั้นก็ส่งต่อให้วุฒิสภาซึ่งนำเข้าวาระพิจารณาทันทีในวันพุธ (12)
การขยายความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลซึ่งขณะนี้มีเพดานจำกัดอยู่ที่ 17.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขพ่วงเข้ามาด้วยนั้น แสดงให้เห็นถึงความเพลี่ยงพล้ำจนต้องพลิกกลยุทธ์ของฝ่ายรีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้ครองเสียงข้างมากอยู่ในสภาล่าง ทั้งนี้หลังจากที่พวกเขาเคยยืนกรานใช้วิธีเผชิญหน้ากับโอบามาและฝ่ายเดโมแครตในรัฐสภา จนกระทั่งนำพาเศรษฐกิจแดนอินทรีเฉียดใกล้การล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว และต้องมีการปิดหน่วยงานบางแห่งของรัฐบาลหรือที่เรียกกันว่า “วิกฤตชัตดาวน์” นาน 16 วันในเดือนตุลาคม
แรกทีเดียวนั้น จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้นำของรีพับลิกัน ได้เสนอร่างที่ผูกเงื่อนไขการขยายเพดานการก่อหนี้เข้ากับการที่โอบามาและเดโมแคตต้องยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่องบำนาญทหารผ่านศึก แต่ปรากฏว่าเขากลับไม่สามารถระดมเสียงสนับสนุนจากฝ่ายรีพับลิกันเองได้มากพอ ในที่สุดจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นร่างที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆ
การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นชัยชนะอย่างชัดเจนของโอบามา ภายหลังการชัตดาวน์ที่ผ่านมา คนอเมริกันส่วนใหญ่โทษว่า เป็นความผิดของรีพับลิกัน
ทางด้านรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงว่า การยุติการเผชิญหน้าของโบห์เนอร์ ถือเป็นชัยชนะของประเทศ ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า การโหวตครั้งนี้เป็นก้าวย่างที่ดีในการข้ามผ่านสถานการณ์เสี่ยงทางการเมืองที่ฉุดลากเศรษฐกิจของประเทศโดยไม่จำเป็น
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ อนุมัติในวันอังคารให้ขยายเพดานการก่อหนี้ของรัฐบาลออกไปจนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2015 ด้วยคะแนน 221 ต่อ 201 โดยที่เสียงสนับสนุนส่วนใหญ่มาจากส.ส.ของพรรคเดโมแครต ขณะที่ ส.ส.พรรครีพับลิกันหลายคนก็ลงคะแนนให้ด้วย จากนั้นก็ส่งต่อให้วุฒิสภาซึ่งนำเข้าวาระพิจารณาทันทีในวันพุธ (12)
การขยายความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลซึ่งขณะนี้มีเพดานจำกัดอยู่ที่ 17.2 ล้านล้านดอลลาร์ โดยไม่มีการกำหนดเงื่อนไขพ่วงเข้ามาด้วยนั้น แสดงให้เห็นถึงความเพลี่ยงพล้ำจนต้องพลิกกลยุทธ์ของฝ่ายรีพับลิกัน ซึ่งเป็นผู้ครองเสียงข้างมากอยู่ในสภาล่าง ทั้งนี้หลังจากที่พวกเขาเคยยืนกรานใช้วิธีเผชิญหน้ากับโอบามาและฝ่ายเดโมแครตในรัฐสภา จนกระทั่งนำพาเศรษฐกิจแดนอินทรีเฉียดใกล้การล้มละลายเมื่อปีที่แล้ว และต้องมีการปิดหน่วยงานบางแห่งของรัฐบาลหรือที่เรียกกันว่า “วิกฤตชัตดาวน์” นาน 16 วันในเดือนตุลาคม
แรกทีเดียวนั้น จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้นำของรีพับลิกัน ได้เสนอร่างที่ผูกเงื่อนไขการขยายเพดานการก่อหนี้เข้ากับการที่โอบามาและเดโมแคตต้องยินยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่องบำนาญทหารผ่านศึก แต่ปรากฏว่าเขากลับไม่สามารถระดมเสียงสนับสนุนจากฝ่ายรีพับลิกันเองได้มากพอ ในที่สุดจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นร่างที่ปราศจากเงื่อนไขใดๆ
การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้เป็นชัยชนะอย่างชัดเจนของโอบามา ภายหลังการชัตดาวน์ที่ผ่านมา คนอเมริกันส่วนใหญ่โทษว่า เป็นความผิดของรีพับลิกัน
ทางด้านรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงว่า การยุติการเผชิญหน้าของโบห์เนอร์ ถือเป็นชัยชนะของประเทศ ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า การโหวตครั้งนี้เป็นก้าวย่างที่ดีในการข้ามผ่านสถานการณ์เสี่ยงทางการเมืองที่ฉุดลากเศรษฐกิจของประเทศโดยไม่จำเป็น