เอเอฟพี – สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้โดยปราศจากเงื่อนไขเมื่อวานนี้ (11) ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลมีอำนาจกู้ยืมเพิ่มขึ้น และช่วยขจัดความสุ่มเสี่ยงที่สหรัฐฯจะต้องเผชิญวิกฤตการคลังรอบใหม่ในปีซึ่งจะมีการเลือกตั้งกลางเทอม
สภาผู้แทนราษฎรลงมติ 221 ต่อ 201 เสียงให้ขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯออกไปจนกระทั่งถึงเดือนมีนาคม ปี 2015 ก่อนส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อพิจารณา และคาดว่าจะมีการโหวตภายในสัปดาห์นี้
การที่ฝ่ายรีพับลิกันยอมอ่อนโอนผ่อนตามในเรื่องเพดานหนี้โดยไม่มีเงื่อนไขพ่วงท้ายเช่นนี้ ถือว่าเป็นชัยชนะของ โอบามา และจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับสภาคองเกรส หลังจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการงัดข้อเรื่องงบประมาณกันอย่างรุนแรงระหว่างฝ่ายรีพับลิกันซึ่งคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร กับฝ่ายเดโมแครต ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ในวุฒิสภา จนทำให้สหรัฐฯเสี่ยงจะต้องผิดนัดชำระหนี้ และถึงกับต้องปิดหน่วยงานรัฐบาลนาน 16 วันเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว
เมื่อวันจันทร์ (10) จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ยื่นข้อเสนอเพิ่มเพดานก่อหนี้ให้รัฐบาลโดยแลกกับการยกเลิกแผนตัดเงินบำนาญทหารผ่านศึก ทว่าก็ไม่สามารถดึงเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ในพรรคได้มากพอ
โบห์เนอร์ ยอมรับกับสื่อมวลชนว่าเป็น “โอกาสที่สูญเสียไป” เนื่องจากทั้ง 2 พรรคควรจะ “ร่วมมือกัน” เพื่อหาทางลดรายจ่าย และปฏิรูปการคลังให้ได้มูลค่าพอๆ หรือมากกว่าเพดานก่อหนี้ที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดี รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ออกมาชื่นชมท่าทีประนีประนอมของ โบห์เนอร์ ว่าเป็น “ชัยชนะของประเทศ” ซึ่งช่วยให้สหรัฐฯหมดห่วงเรื่องงบประมาณไปได้ชั่วคราวจนกว่าจะผ่านพ้นศึกเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ไปก่อน
โบห์เนอร์ ชี้ว่า โอบามา “เป็นผู้ที่ผลักดันการเพิ่มเพดานหนี้” ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 17.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ
ทั้งนี้ วุฒิสภายังสามารถขัดขวางมาตรการดังกล่าวผ่านกระบวนการโหวตขั้นแรก (procedural vote) ซึ่งหากมีความล่าช้าเกิดขึ้นก็อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของรัฐบาล
ถ้อยแถลงของ โบห์เนอร์ บวกกับคำยืนยันของ เจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ว่าจะคงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป ส่งผลให้หุ้นวอลล์สตรีทปิดตลาดวานนี้ (11) พุ่งแรงกว่า 1%