รอยเตอร์ - ผู้แทนเจรจาจากฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันบรรลุข้อตกลงงบประมาณซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากมาตรการตัดลดรายจ่ายเหมารวม และยุติการเผชิญหน้าในสภาคองเกรสที่ทำให้สหรัฐฯ ดำดิ่งสู่วิกฤตการคลังจนต้อง “ชัตดาวน์” ปิดหน่วยงานรัฐบาลไป 16 วันเมื่อเดือนตุลาคม
แพตตี เมอร์เรย์ วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต และพอล ไรอัน ผู้แทนพรรครีพับลิกัน ออกมาปรากฎตัวต่อสื่อพร้อมกันวานนี้ (10) เพื่อแถลงข้อตกลงร่างงบประมาณรายจ่ายมูลค่า 85,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะต้องผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาแบบเต็มคณะเสียก่อน
ไรอัน ซึ่งเคยพลาดตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อปีที่แล้ว และยังมีความหวังกับศึกเลือกตั้งครั้งถัดไปในปี 2016 กล่าวว่า “ในรัฐบาลที่แตกแยก คุณไม่สามารถได้ทุกอย่างที่ต้องการ... แต่ผมคิดว่าข้อตกลงฉบับนี้แสดงถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นในปัจจุบัน เราแน่ใจได้ว่าจะไม่มีการปิดหน่วยงานรัฐในเดือนมกราคม และจะไม่มีการปิดหน่วยงานรัฐอีกในเดือนตุลาคม เราจะไม่ก้าวผ่านวิกฤตหนึ่งเพื่อไปสู่อีกวิกฤตหนึ่ง”
ข้อตกลงล่าสุดจะช่วยลดทอนผลกระทบจากมาตรการตัดลดรายจ่ายแบบเหมารวม หรือ “ซีเควสเตรชัน” โดยอนุมัติงบเพิ่มเติมจำนวน 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่หน่วยงานรัฐบาลกลางและโครงการที่จำเป็นในช่วง 2 ปีข้างหน้า และไปเก็บออมในส่วนอื่นๆแทน นอกจากนี้ยังจัดสรรวงเงิน 20,000-23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดการขาดดุลงบประมาณตลอด 10 ปีข้างหน้า
การบรรลุข้อตกลงล่าสุดถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจสำหรับสภาคองเกรส ซึ่งในอดีตฝ่ายเดโมแครตและรีพับลิกันต่างก็ยึดถือจุดยืนของฝ่ายตนอย่างเหนียวแน่น และมักรอจนนาทีสุดท้ายจึงจะยอมประนีประนอมผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวหรือเพิ่มเพดานกู้ยืมเพื่อไม่ให้ประเทศต้องเข้าสู่ภาวะผิดนัดชำระหนี้ (default) แต่คราวนี้ ไรอัน และเมอร์เรย์ กลับออกมาจับมือกันได้ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดเส้นตายวันศุกร์ (13) และยังเหลือเวลาอีกกว่า 1 เดือนก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวจะหมดอายุลงในวันที่ 15 มกราคมปีหน้า
ทั้งนี้ คาดว่าสภาผู้แทนราษฎรจะโหวตร่างงบประมาณดังกล่าวในวันศุกร์นี้ (13) ก่อนจะส่งไปให้วุฒิสภาพิจารณาในสัปดาห์หน้า
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ออกมาแสดงความชื่นชมว่าเป็น “ก้าวแรกที่ดี” และเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้โดยเร็ว ส่วน จอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรรีพับลิกันซึ่งเคยงัดข้อกับ โอบามา เรื่องงบประมาณตั้งแต่ปี 2011 เรื่อยมา ก็ยอมรับเช่นกันว่า เป็นพัฒนาการเชิงบวกที่จะช่วยสร้างสมดุลการคลังโดยไม่ต้องขึ้นภาษี
ร่างงบประมาณฉบับนี้ยังมีการตัดทอนผลประโยชน์สำหรับพนักงานรัฐที่เกษียณอายุรวม 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และลดเงินบำนาญทหารลงอีก 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเมื่อรวมกับการตัดทอนรายจ่ายด้านอื่นๆ ก็จะช่วยบรรเทาผลกระทบจาก “ซีเควสเตรชัน” รอบสองที่จะเกิดขึ้นในเดือนมกราคมนี้
เครก ดิสมูเก ผู้เชี่ยวชาญยุทธศาสตร์เศรษฐกิจจากบริษัท Vining Sparks โบรกเกอร์/ดีลเลอร์ซึ่งมีฐานที่เมืองเมมฟิส ให้ความเห็นว่า “มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการแก้ไขวิกฤตงบประมาณที่เกาะกินวอชิงตันมาเป็นเวลานาน”
