นักวิเคราะห์ชี้ การเข้าร่วมบรรเทาทุกข์ครั้งใหญ่ในฟิลิปปินส์ของกองทัพสหรัฐฯ ช่วยส่งเสริมยุทธศาสตร์ “ปักหมุด” ในเอเชีย ของ “โอบามา” เป็นอย่างดี และยังทำให้แดนอินทรีมีแต้มต่อสำคัญในการเจรจาขยายความร่วมมือทางทหารกับแดนตากาล็อก ตลอดจนคานอำนาจของจีนที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้
เรือและเครื่องบินของสหรัฐฯราว 50 ลำ กำลังเข้าปฏิบัติภารกิจบรรทุกทุกข์ในเขตประสบภัยจากมหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ในบริเวณตอนกลางของฟิลิปปินส์อย่างแข็งขันตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (14 พ.ย.) ในจำนวนนี้มีทั้งเครื่องบินขนส่งแบบ ซี-130 รวม 10 ลำ, เครื่องบินลูกผสม วี-22 ออสเปรย์ 12 ลำ, และเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์ก 14 ลำ จากเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ทำหน้าที่หย่อนสิ่งของช่วยเหลือจากทางอากาศ
ความพยายามเหล่านี้ตอกย้ำถึงความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และก็อาจจะเติบโตอย่างแข็งแกรงยิ่งขึ้นไปอีกจากภัยพิบัติคราวนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังผลักดันนโยบาย “ปักหมุด” ในเอเชีย
นอกจากจัดส่งอาหาร น้ำ และยาเวชภัณฑ์แล้ว กองทหารอเมริกันยังหยิบยื่นไมตรีจิตที่อาจปูทางให้อเมริกาสามารถเพิ่มการปรากฏตัวในทางทหารมากขึ้นในฟิลิปปินส์ หนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ด้วยเป้าหมายแห่งการมุ่งคานอำนาจจีน
คาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในเอเชียชี้ว่า พัฒนาการเช่นนี้จะทำให้อเมริการับมือสถานการณ์ต่างๆ ในภูมิภาคนี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ขณะที่ แพทริก โครนิน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิกของ เซนเตอร์ ฟอร์ อะ นิว อเมริกัน ซีเคียวริตี้ ในวอชิงตัน ขานรับว่า ขณะที่สหรัฐฯยังคง กองกำลังมุ่งมั่นเน้นหนักกับการช่วยผู้รอดชีวิตจากไห่เยี่ยน
“อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ช่วยให้อเมริกามีแต้มต่อในการเจรจาเพื่อเพิ่มจำนวนทหารที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนประจำอยู่ในฟิลิปปินส์มากขึ้น”
เรือและเครื่องบินของสหรัฐฯราว 50 ลำ กำลังเข้าปฏิบัติภารกิจบรรทุกทุกข์ในเขตประสบภัยจากมหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน ในบริเวณตอนกลางของฟิลิปปินส์อย่างแข็งขันตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว (14 พ.ย.) ในจำนวนนี้มีทั้งเครื่องบินขนส่งแบบ ซี-130 รวม 10 ลำ, เครื่องบินลูกผสม วี-22 ออสเปรย์ 12 ลำ, และเฮลิคอปเตอร์ซีฮอว์ก 14 ลำ จากเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ทำหน้าที่หย่อนสิ่งของช่วยเหลือจากทางอากาศ
ความพยายามเหล่านี้ตอกย้ำถึงความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างสหรัฐฯกับฟิลิปปินส์ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และก็อาจจะเติบโตอย่างแข็งแกรงยิ่งขึ้นไปอีกจากภัยพิบัติคราวนี้ ในขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กำลังผลักดันนโยบาย “ปักหมุด” ในเอเชีย
นอกจากจัดส่งอาหาร น้ำ และยาเวชภัณฑ์แล้ว กองทหารอเมริกันยังหยิบยื่นไมตรีจิตที่อาจปูทางให้อเมริกาสามารถเพิ่มการปรากฏตัวในทางทหารมากขึ้นในฟิลิปปินส์ หนึ่งในประเทศที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ด้วยเป้าหมายแห่งการมุ่งคานอำนาจจีน
คาร์ล เธเยอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในเอเชียชี้ว่า พัฒนาการเช่นนี้จะทำให้อเมริการับมือสถานการณ์ต่างๆ ในภูมิภาคนี้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ขณะที่ แพทริก โครนิน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงในเอเชีย-แปซิฟิกของ เซนเตอร์ ฟอร์ อะ นิว อเมริกัน ซีเคียวริตี้ ในวอชิงตัน ขานรับว่า ขณะที่สหรัฐฯยังคง กองกำลังมุ่งมั่นเน้นหนักกับการช่วยผู้รอดชีวิตจากไห่เยี่ยน
“อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า การรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งนี้ช่วยให้อเมริกามีแต้มต่อในการเจรจาเพื่อเพิ่มจำนวนทหารที่จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนประจำอยู่ในฟิลิปปินส์มากขึ้น”