xs
xsm
sm
md
lg

ความช่วยเหลือเริ่มถึงมือ “ปินส์” ในหมู่บ้านห่างไกล หลังถูกไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” ตัดขาดพื้นที่จนหิวโหย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รอยเตอร์ – เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้วิธีหย่อนความช่วยเหลือที่กำลังเป็นที่ต้องการมากเหลือเกินลงไปในพื้นที่ทุรกันดารต่างๆ ทางภาคกลางของฟิลิปปินส์ ซึ่งถูกพายุไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” โหมกระหน่ำจนพังพินาศย่อยยับ ท่ามกลางการรุมล้อมรอคอยของเหล่าชาวบ้านผู้หิวโหย ขณะอีกด้านหนึ่งผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติทางธรรมชาติคราวนี้ได้ไปรวมตัวกันตามโบสถ์ต่างๆ ซึ่งอยู่ในสภาพเสียหายหนักในวันอาทิตย์ (17 พ.ย.) เพื่อสวดภาวนาให้อนาคตที่ยังดูเลือนรางของพวกเขา

ฟิลิปปินส์กำลังเผชิญกับภารกิจฟื้นฟูบูรณะประเทศครั้งยิ่งใหญ่ ภายหลังที่ถูกถล่มโดยมหาพายุไห่เยี่ยน ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,681 ราย และอีก 1,186 คนที่ยังคงหายสาบสูญ โดยชุมชนอันห่างไกลอีกจำนวนมากยังคงแทบไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างเป็นเนื้อเป็นหนังใดๆ เลย ถึงแม้นานาชาติระดมความพยายามในการบรรเทาทุกข์ดินแดนแห่งนี้อย่างมหาศาลแล้วก็ตาม

บรรดาเจ้าหน้าที่ของฟิลิปปินส์ และหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยของนานาชาติกำลังประสบกับวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมที่กำลังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนเพื่อหนีเอาชีวิตรอดจากมหันตภัยครั้งนี้ประมาณ 4 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากยอด 900,000 คนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทางด้าน ประธานาธิบดี เบนิญโญ อากีโน แห่งฟิลิปปินส์ ซึ่งดูจะตกตะลึงกับความร้ายแรงของภัยพิบัติ และถูกบางฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ ว่าบางครั้งเขารับมือกับปัญหาอย่างมั่วซั่วไม่มีการวางแผน ได้เดินทางไปเยี่ยมพื้นที่ต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบในวันนี้ (17) และไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหันไปโทษพวกเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่นว่า ไม่ได้รับมือกับปัญหาตามแผนการที่วางไว้

ที่ กีวาน ซึ่งเป็นเมืองชายฝั่งเล็กๆ ของจังหวัดซามาร์ตะวันออก ที่ถูกไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนโจมตีอย่างหนักหน่วง อากีโน กล่าวแสดงความชื่นชมนายกเทศมนตรีของเมืองนี้ ที่ช่วยให้ชาวบ้านจำนวนมากสามารถอพยพออกมาจากพื้นที่อันตรายได้อย่างปลอดภัย จนจำกัดยอดผู้เสียชีวิตไว้ที่ไม่เกิน 100 ราย โดยเขาระบุด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่กีวานนั้นช่างตรงข้ามกับเมืองอื่นๆ

อย่างไรก็ตาม ฌ็อง เปลแตงก์ หัวหน้าคณะทำงานรับมือไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนขององค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Médecins sans Frontières) บอกกับรอยเตอร์ว่า เมืองกีวานถูกทำลายยับเยิน ทุกอย่างเสียหายหมด โรงพยาบาลอยู่ในสภาพราบเป็นหน้ากลอง

แม้ว่าสิ่งของบรรเทาทุกข์เริ่มไปถึงมือของชาวบ้านในพื้นที่ทุรกันดารมากขึ้นแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ถูกขนส่งไปโดยเฮลิคอปเตอร์ ที่ประจำอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบิน “ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน” ของสหรัฐฯ แต่องค์การสหประชาชาติระบุว่า ประชาชนในบางเมืองที่ตั้งอยู่ในบริเวณภูเขา ยังคงขาดแคลนอาหาร และกล่าวด้วยว่ายังคงไม่ได้รับข้อมูลจากอีกหลายจังหวัดในด้านตะวันตกของแคว้นวิซายาส ซึ่งหมายถึงแถบภาคกลางโดยรวมของฟิลิปปินส์ โดย 60 เปอร์เซ็นต์ของประชาชนในเมืองเล็กเมืองน้อยต่างๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดกาปิซ ต้องการความช่วยเหลือด้านอาหาร

ขณะที่ วาเลอรี อามอส รองเลขาธิการสหประชาชาติ ฝ่ายกิจการมนุษยธรรม ระบุในคำแถลงว่า “ดิฉัน ยังกังวลเรื่องสุขภาพ และความเป็นอยู่ของชาย หญิง และเด็ก หลายล้านคน ที่ยังคงรอความช่วยเหลืออย่างสิ้นหวัง”

ในหมู่บ้านกาบุนกาน ในตำบลตานาอวน จังหวัดเลย์เต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนล้มตายไปเป็นจำนวนมากถึง 1,200 ราย เฮลิคอปเตอร์ “ซีฮอว์ก” ของกองทัพสหรัฐฯ ที่มาถึงในวันนี้ (17) เป็นความช่วยเหลือจากภายนอกที่เดินทางมาถึงที่นี่เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่มหาพายุขึ้นสู่ฝั่ง

ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านมากกว่า 200 คนในหมู่บ้านแห่งนี้ต้องประทังชีวิตด้วยอาหารเพียงมื้อเดียวอย่าง “ปลาตากแห้ง บางครั้งก็มีมะพร้าว แต่ข้าวไม่พอกิน” ริเชล มาบัลโล หญิงสาววัย 19 เล่าให้ฟัง ทั้งนี้เธออาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์อยู่ไกลโข ที่นี่จึงไม่มีใครเสียชีวิต

ทั้งนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์ได้ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และพื้นที่ทางการเกษตรไว้ราว 10 พันล้านเปโซ (ราว 7,239,912,490 บาท) ซึ่งความเสียหายส่วนใหญ่ตกอยู่กับภาคเกษตรกรรม ขณะที่องค์การสหประชาชาติได้ออกมาเตือนว่า ความเสียหายทั้งที่เป็นเงินและแรงงานอาจเพิ่มสูงขึ้น หากความช่วยเหลือส่งไปไม่ถึงมือของเกษตรกรในพื้นที่ซึ่งมีการปลูกข้าว ทันฤดูเพาะปลูกครั้งต่อไป ในเดือนธันวาคมและมกราคมที่กำลังจะมาถึง

นอกจากนี้ ยูเอ็นยังระบุด้วยว่า การประมง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญยิ่งอีกอย่างหนึ่งก็กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง

“ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเรือ อุปกรณ์จับปลา บ่อเลี้ยงปลา และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทำให้มีหลายครอบครัวที่ไม่มีช่องทางทำมาหากิน และได้รับอาหารจำพวกโปรตีนน้อยลง” สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมขององค์การสหประชาชาติระบุ




กำลังโหลดความคิดเห็น