เอเจนซีส์ - ยูเอ็นแสดงความกังวลในวันจันทร์ (18 พ.ย.) มหาไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” พัดผ่านไปแล้ว 10 วัน แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงเกาะบางแห่งของฟิลิปปินส์ได้ เช่นเดียวกับประธานาธิบดีเบนิโญ อากีโน ที่เดินทางไปบัญชาการการบรรเทาทุกข์ด้วยตัวเองในพื้นที่ประสบภัย พร้อมประกาศจะเร่งรัดการแจกจ่ายความช่วยเหลือเต็มที่ กระนั้น ก็ยังมีด้านที่สดใสขึ้นมาบ้าง โดยเฮลิคอปเตอร์จากเรือบรรทุกเครื่องบินอเมริกัน บินวนเวียนนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปหย่อนให้พื้นที่ห่างไกลอย่างไม่ขาดระยะ ด้านธนาคารโลกขยายวงเงินกู้ฉุกเฉิน 500 ล้านดอลลาร์ สมทบกับเงินกู้อีก 500 ล้านดอลลาร์ที่เอดีบีรับปากจัดหาให้ทางการมะนิลาเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากมหาภัยพิบัตินี้
จำนวนผู้เสียชีวิตจากฤทธิ์ไห่เยี่ยนที่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการล่าสุดยังคงอยู่ที่ 3,976 คน และสูญหาย 1,598 คน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ กองทหารสหรัฐฯ รวมทั้งหน่วยงานบรรเทาทุกข์จากนานาชาติกำลังเผชิญวิกฤตมนุษยธรรมครั้งใหญ่ ด้วยตัวเลขคาดการณ์จำนวนประชาชนที่ต้องละทิ้งที่อยู่อาศัยถึงราว 4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 900,000 คนที่คาดไว้เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีเพียง 350,000 คนเท่านั้นซึ่งมีที่พักพิงในศูนย์อพยพ
เบอร์นาร์ด เคอร์แบลต ผู้แทนของข้าหลวงใหญ่ฝ่ายผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ประจำฟิลิปปินส์ ระบุในวันจันทร์ ว่า หน่วยงานผู้ลี้ภัยของยูเอ็นยังคงเผชิญปัญหาและอุปสรรคด้านการประสานงาน และเชื่อว่าขณะนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงทุกพื้นที่ที่มีประชาชนรอรับความช่วยเหลือ
ออร์ลา ฟาแกน โฆษกสำนักประสานงานกิจการด้านมนุษยชนของยูเอ็นขานรับว่า การนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ออกไปแจกจ่ายนับเป็น “ฝันร้ายด้านโลจิสติกส์” และเสริมว่า มีประชาชนที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือถึง 10-12.9 ล้านคน
ด้านอากีโนที่ถูกวิจารณ์ว่า รับมือภัยพิบัติเบื้องต้นล่าช้า เดินทางเยือนพื้นที่ประสบภัยในวันอาทิตย์และวันจันทร์ (17-18) โดยประกาศว่า จะอยู่บัญชาการปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ด้วยตนเอง
ผู้นำฟิลิปปินส์ยังขอร้องให้ประชาชน “อดทน” และให้สัญญาว่า จะเร่งการแจกจ่ายสิ่งบรรเทาทุกข์ในส่วนที่สามารถทำได้ พร้อมย้ำความท้าทายด้านโลจิสติกส์ในการเข้าถึงผู้ประสบภัยจำนวนมากที่กระจัดกระจายอยู่ในบริเวณกว้าง
แม้ปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ยังไม่สามารถทำได้รวดเร็วทันใจ ทว่า หน่วยงานบรรเทาทุกข์และกลุ่มให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกำลังสร้างฐานปฏิบัติการและศูนย์กระจายความช่วยเหลือที่มีเสถียรภาพขึ้นในเมืองตาโกลบาน เมืองเอกของจังหวัดเลย์เต ที่เสียหายร้ายแรงที่สุดและล่าสุดยังไม่มีไฟฟ้าใช้ตามปกติ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประสบภัยจะได้รับอาหารและน้ำ ขณะที่หน่วยแพทย์ผ่าตัดเคลื่อนที่ออกให้บริการรักษาพยาบาลฉุกเฉินแก่ผู้ป่วยและได้รับบาดเจ็บ
สถานีให้บริการน้ำมันบางแห่งในตาโกลบานเริ่มเปิดทำการ รวมทั้งมีการขายน้ำมันปลีกบรรจุขวดริมถนน ขณะที่รถยนต์และรถจักรยานยนต์เตรียมกลับคืนสู่ท้องถนน
กระนั้น สถานการณ์โดยรวมยังอยู่ในขั้นสาหัส ยังคงมีซากศพจำนวนมากจากภายในและรอบๆ เมืองตาโกลบานรอเจ้าหน้าที่มาเก็บ
ยูเอ็นประเมินว่า ประชาชน 2.5 ล้านคนต้องการอาหาร และย้ำความสำคัญในการทำให้แน่ใจว่า จะมีเมล็ดพันธุ์ข้าวสำหรับฤดูเพาะปลูกสำคัญระหว่างเดือนธันวาคมและมกราคม
สำหรับเฮลิคอปเตอร์จากเรือบรรทุกเครื่องบิน จอร์จ วอชิงตัน ของสหรัฐฯ ยังคงบินขึ้นลงไม่ขาดสาย และกลายเป็นหัวหอกของการนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้แก่พื้นที่ห่างไกลซึ่งถูกตัดขาดและหลายแห่งไม่เคยได้รับความช่วยเหลือใดๆ จากภายนอกเลยนับแต่ที่พายุไห่เยี่ยนพัดขึ้นฝั่ง และทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านการติดต่อสื่อสารและการคมนาคมขนส่งของฟิลิปปินส์จนย่อยยับ
พลเรือตรี มาร์ก มอนต์โกเมอรี ผู้บัญชาการหมู่เรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ระบุว่า นอกจากส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์แล้ว เฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ยังช่วยขนประชาชนที่พลัดที่นาคาที่อยู่ไปยังที่ปลอดภัยเป็นจำนวนราว 5,000 คน ทั้งนี้เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ ซึ่งมีเรือรบในสังกัดหมู่เรือเดียวกันอีกหลายลำ เดินทางถึงน่านน้ำฟิลิปปินส์ในวันพฤหัสบดี (14 พ.ย.) ที่ผ่านมา
ทางด้านธนาคารโลกแถลงในวันจันทร์ (18) ว่า ได้ขยายวงเงินกู้ฉุกเฉิน 500 ล้านดอลลาร์ให้แก่ฟิลิปปินส์ เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างอาคารใหม่ที่สามารถต้านทานลมที่มีความเร็ว 250-280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รวมถึงต้านทานน้ำท่วม
มหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนจู่โจมเกาะในตอนกลางของฟิลิปปินส์ด้วยความเร็วลม 314 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ (8) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ และทำให้เกิดคลื่นพายุซัดฝั่งคล้ายสึนามิกลืนกินเกือบทุกอย่างในตาโกลบานที่มีประชาชนอาศัยอยู่ถึง 220,000 คน รวมทั้งเมืองกีอาน ในจังหวัดซามาร์ตะวันออก ทั้งนี้ในขณะที่เชื่อกันว่า ผู้เสียชีวิต 95% ในเหตุการณ์นี้อยู่ในเลย์เตและซามาร์ตะวันออก
ฟลอเรนซิโอ อาบัด รัฐมนตรีงบประมาณฟิลิปปินส์คาดว่า ต้นทุนการฟื้นฟูประเทศจะสูงกว่าเงินกู้ฉุกเฉินของธนาคารโลก รวมถึงเงินกู้อีก 500 ล้านดอลลาร์ที่ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สัญญาว่าจะจัดหาให้ เพิ่มเติมจากความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ให้มาแล้ว 23 ล้านดอลลาร์หลังเกิดโศกนาฏกรรมไห่เยี่ยน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินเบื้องต้นว่า ไห่เยี่ยนสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อฟิลิปปินส์ราว 14,000 ล้านดอลลาร์