อินโดนีเซียประกาศหนุนร่างมติในยูเอ็นของเยอรมนี-บราซิล ย้ำหมดความอดทนกับการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีอเมริกาเป็นหัวโจก นอกจากนี้มีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์แดนอิเหนาเข้าโจมตีเว็บไซต์แดนจิงโจ้เพื่อประท้วงที่ออสเตรเลียเข้าไปจับมือกับสหรัฐฯทำเครือข่ายสปาย ขณะที่รัฐสภาแดนอินทรีรุมค้านข้อเรียกร้องขออภัยโทษของ “จอมแฉ” สโนว์เดน
รัฐบาลอินโดนีเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ว่า จะเข้าเป็นผู้ร่วมเสนอร่างมติซึ่งจัดทำโดยเยอรมนีกับบราซิล ที่จะนำไปให้สมัชชาสหประชาชาติพิจารณา ภายหลังจากในสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานข่าวซึ่งอ้างเอกสารข้อมูลลับที่เปิดโปงโดย เอดเวิร์ด สโนว์เดน ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตอเมริกาและออสเตรเลียในเมืองหลวงของหลายชาติเอเชีย รวมทั้งที่กรุงจาการ์ตา เป็นศูนย์แอบดักฟังเก็บข้อมูลข่าวกรองตามโครงการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีอเมริกาเป็นหัวโจก
“พอกันที” มาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศแดนอิเหนาประกาศและสำทับว่า การเปิดโปงในคราวนี้จะส่งผลร้ายแรงในแง่ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นต่อกันในระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
นาตาเลกาวายังบอกอีกว่า อินโดนีเซียกำลังเข้าร่วมกับเยอรมนีและบราซิลในการเป็นผู้เสนอร่างมติในสมัชชาใหญ่ยูเอ็น เพื่อจัดการกับประเด็นต่างๆ ที่มีการหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1) บราซิลและเยอรมนีได้ยื่นร่างมติว่าด้วยการปกป้องเสรีภาพส่วนบุคคลต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสมัชชาใหญ่ ซึ่งแม้ร่างดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อสหรัฐฯ แต่ก็มีเนื้อหาเรียกร้องมาตรการที่จำเป็นเพื่อยุติการละเมิดความเป็นส่วนตัว ซึ่งรวมถึงการสื่อสารระบบดิจิตอล และการบังคับให้ประเทศต่างๆ ต้องเคารพพันธกรณีของตนตามกรอบของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
แรกเริ่มนั้นความขัดแย้งกรณีการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ปะทุและลุกลามอยู่ในระหว่างอเมริกากับพวกชาติพันธมิตรในยุโรป แต่มาในสัปดาห์ที่แล้วเรื่องได้แผ่ข้ามมาถึงเอเชีย หลังจากหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ รายงานขยายความจากนิตยสารแดร์ ชปีเกลของเยอรมนีว่า สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียมีส่วนร่วมกับเครือข่ายสอดแนมของอเมริกา ในการปฏิบัติการทางแถบเอเชีย
ต่อมา หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษฉบับวันอาทิตย์ (3) แฉต่อว่า ออสเตรเลียและอเมริการ่วมกันแอบสอดแนมอินโดนีเซียระหว่างการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของยูเอ็นที่เกาะบาหลีเมื่อปี 2007
รัฐบาลอินโดนีเซียแถลงเมื่อวันจันทร์ (4 พ.ย.) ว่า จะเข้าเป็นผู้ร่วมเสนอร่างมติซึ่งจัดทำโดยเยอรมนีกับบราซิล ที่จะนำไปให้สมัชชาสหประชาชาติพิจารณา ภายหลังจากในสัปดาห์ที่แล้วมีรายงานข่าวซึ่งอ้างเอกสารข้อมูลลับที่เปิดโปงโดย เอดเวิร์ด สโนว์เดน ระบุว่า สถานเอกอัครราชทูตอเมริกาและออสเตรเลียในเมืองหลวงของหลายชาติเอเชีย รวมทั้งที่กรุงจาการ์ตา เป็นศูนย์แอบดักฟังเก็บข้อมูลข่าวกรองตามโครงการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งมีอเมริกาเป็นหัวโจก
“พอกันที” มาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีต่างประเทศแดนอิเหนาประกาศและสำทับว่า การเปิดโปงในคราวนี้จะส่งผลร้ายแรงในแง่ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นต่อกันในระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง
นาตาเลกาวายังบอกอีกว่า อินโดนีเซียกำลังเข้าร่วมกับเยอรมนีและบราซิลในการเป็นผู้เสนอร่างมติในสมัชชาใหญ่ยูเอ็น เพื่อจัดการกับประเด็นต่างๆ ที่มีการหยิบยกขึ้นมาในขณะนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (1) บราซิลและเยอรมนีได้ยื่นร่างมติว่าด้วยการปกป้องเสรีภาพส่วนบุคคลต่อคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนของสมัชชาใหญ่ ซึ่งแม้ร่างดังกล่าวไม่ได้ระบุชื่อสหรัฐฯ แต่ก็มีเนื้อหาเรียกร้องมาตรการที่จำเป็นเพื่อยุติการละเมิดความเป็นส่วนตัว ซึ่งรวมถึงการสื่อสารระบบดิจิตอล และการบังคับให้ประเทศต่างๆ ต้องเคารพพันธกรณีของตนตามกรอบของกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
แรกเริ่มนั้นความขัดแย้งกรณีการสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ปะทุและลุกลามอยู่ในระหว่างอเมริกากับพวกชาติพันธมิตรในยุโรป แต่มาในสัปดาห์ที่แล้วเรื่องได้แผ่ข้ามมาถึงเอเชีย หลังจากหนังสือพิมพ์ซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ รายงานขยายความจากนิตยสารแดร์ ชปีเกลของเยอรมนีว่า สถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลียมีส่วนร่วมกับเครือข่ายสอดแนมของอเมริกา ในการปฏิบัติการทางแถบเอเชีย
ต่อมา หนังสือพิมพ์การ์เดียนของอังกฤษฉบับวันอาทิตย์ (3) แฉต่อว่า ออสเตรเลียและอเมริการ่วมกันแอบสอดแนมอินโดนีเซียระหว่างการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของยูเอ็นที่เกาะบาหลีเมื่อปี 2007