xs
xsm
sm
md
lg

กกท.รับลูก ก.ท่องเที่ยวฯ เล็งซื้อยางทำลู่-ลานกรีฑา ช่วยชาวสวนยาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้ชาวกีฬาช่วยชาวสวนยางพารา ด้วยการรับซื้อยางมาใช้ เพื่อสร้างลู่ยางไว้แข่งขันกรีฑา ทั้งประเภทลู่-ลาน ทั้งหมด 700 แห่งทั่วประเทศ ผ่านการรับรองจากสหพันธ์กรีฑานานาชาติเรียบร้อย ในโครงการลู่ยางสังเคราะห์ และยางธรรมชาติเพื่อจัดสร้างลู่-ลานกรีฑา ให้ชาวชนบทมีสนามกรีฑาในระดับมาตรฐาน พร้อมทั้งอาจจะทำให้ กกท. มีรายได้ถึง 700 ล้านบาท จากบริษัทเอกชน ที่จะจ่ายคืนกลับมาให้
ทางด้านนายสกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ทำแผนงานการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติจากยางพาราให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางพาราที่รวมตัวประท้วงเรียกร้องขึ้นราคาแผ่นยางดิบ
ซึ่งวิธีการที่ได้รับมอบหมายมาคือ เมื่อปี พ.ศ.2547 กกท.ได้เริ่มศึกษาวิจัยทำโครงการลู่ยางสังเคราะห์ และยางธรรมชาติเพื่อจัดสร้างลู่-ลานกรีฑา โดยร่วมมือกับกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เนื่องจากรัฐบาลต้องการประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างสนามกรีฑาลู่ยางสังเคราะห์ ที่ปัจจุบันเฉลี่ยค่าก่อสร้าง 1 สนามรวมงานฐานรากอยู่ที่ 28 ล้านบาท โดยหลังจากคิดค้นสูตรลู่ยางสังเคราะห์จนสำเร็จได้ส่งไปให้สหพันธ์กรีฑานานาชาติ (ไอเอเอเอฟ) ตรวจสอบส่วนผสมกระทั่งไอเอเอเอฟ รับรองสูตรของไทยเรียบร้อยแล้ว โดย กกท.จะทำแผนในการนำสูตรดังกล่าวไปก่อสร้างลู่ยางสังเคราะห์ในสนามกีฬาอีกกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ ที่ยังไม่มีลู่ยางสังเคราะห์ โดยเบื้องต้นได้กำหนดทีโออาร์และจัดซื้อจัดจ้างบริษัทเอกชนเข้ามารับผิดชอบดำเนินการไว้แล้ว
สำหรับโครงการดังกล่าวทำขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งเป็นนโยบายโดยตรงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่มอบให้นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปดำเนินการ โดยเบื้องต้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ บอร์ด กกท.เตรียมนำเรื่องนี้บรรจุในวาระเพื่อพิจารณาในการประชุมเดือนตุลาคมนี้
โครงการดังกล่าวบริษัทเอกชนจะจ่ายรายได้คืนให้กับ กกท.สนามละ 1 ล้านบาท คิดตัวเลขคร่าวๆ 700 สนาม จะทำให้ กกท.มีรายได้เข้าประมาณ 700 ล้านบาท ส่วนชาวสวนยางก็จะได้ขายยางแผ่นดิบออกสู่ตลาดแบบล็อตใหญ่ ซึ่งหากเรื่องนี้ผ่านบอร์ด กกท.ในเดือนตุลาคมนี้ จะมีการหารือกันร่วมกับกรมพลศึกษา กระทรวงมหาดไทย ที่ดูแลท้องถิ่นทั่วประเทศ และกระทรวงศึกษาธิการ
ทั้งนี้ นอกจากจะช่วยชาวสวนยางแล้ว ยังได้สนามกีฬาที่ได้มาตรฐานให้นักเรียน หรือเด็กๆ ในชนบทได้ฝึกซ้อมในสนามที่ได้มาตรฐานนำไปสู่การต่อยอดเพื่อหาช้างเผือกเข้าสู่โครงการทีมชาติต่อไปในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น