สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ชี้ บัวขาว ป.ประมุข นักมวยไทยชื่อดัง คงรอดยากจากกรณีที่ถูกผู้จัดการแข่งขันศึกมวยไทยไฟต์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท ฐานละเมิดสัญญาไปชกรายการ ขะแมร์ไฟเตอร์ ที่ประเทศกัมพูชา ขณะที่ฝั่ง “เจ้าดำ” พร้อมให้การในชั้นศาล
สืบเนื่องจากกรณีที่ผู้จัดการแข่งขันชกมวยไทยรายการ “ไทยไฟต์” ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่อ สมบัติ บัญชาเมฆ หรือ บัวขาว ป.ประมุข เป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท ข้อหาผิดสัญญา หลังอดีตแชมป์มวย เค-1 วัย 30 ปี ไปขึ้นชกรายการขะแมร์ไฟเตอร์ ที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2556 โดยไม่แจ้งกับทางไทยไฟต์ที่เป็นเจ้าของสิทธิ์ทราบล่วงหน้า พร้อมกับอ้างว่าเป็นการชกโชว์เท่านั้น
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง “ยิ้ม” ธีรวัฒน์ ยิ้วยิ้ม คนสนิทและนักกายภาพคู่ใจของ บัวขาว แต่เจ้าตัวปิดปากเงียบขอไปให้การในชั้นศาลเท่านั้น “เรื่องนี้คงต้องไปว่ากันในชั้นศาลเท่านั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้ข้อมูลกับคนอื่นไปทำไมในเมื่อไม่มีประโยชน์อะไร หรือว่าช่วยให้สถานการณ์ของฝ่ายเราดีขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาตัว บัวขาว เองก็ไม่ได้ตระหนกตกใจกับการดำเนินคดีดังกล่าว สามารถชี้แจงในศาลได้อยู่แล้ว”
ขณะที่ทางฝั่งของ “รองเสือ” สกล วรรณพงษ์ รองผู้ว่าการ กกท.ฝ่ายกีฬาอาชีพและสิทธิประโยชน์ ที่เคยออกหน้าช่วยไกล่เกลี่ยปัญหาให้ “ดำดอทคอม” เมื่อครั้งมีข้อพิพาทกับค่าย ป.ประมุข ได้เผยว่าคราวนี้คงรอดยาก “ตัวผมเองยังไม่ได้ดูเทปการชกของ บัวขาว ที่กัมพูชา แต่ตามหลักถ้าขึ้นเวที มีการสวมนวมชกกัน และตัดสิน แพ้-ชนะ ก็จะถือว่าเป็นการชกแข่งขันเลย”
“ซึ่งต่างจากการโชว์ที่เน้นแสดงลีลาร่ายรำการไหว้ครู หรือมีเครื่องป้องกันติดตัว และผมเองมองว่าเรื่องนี้ทาง บัวขาว คงจะรอดยาก เพราะหากมองด้วยสายตาที่เป็นกลางไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เรื่องนี้อาจเป็นการผิดสัญญาที่มีอยู่ แต่ที่ผมไม่เข้าใจยิ่งกว่านั้นคือทำไม บัวขาว ถึงได้ตัดสินใจขึ้นเวทีทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าตนเองมีสัญญาระบุอยู่ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่าอาจจะมีคนคอยยุนักมวยรายนี้ในการละเมิดสัญญาก็เป็นได้” รองผู้ว่าการ กกท.กล่าว